เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ชวนงงอย่างมาก จริงอยู่ที่มีเทคโนโลยีในการช่วยเหลือ เพื่อที่จะมีลูกได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำเด็กหลอดแก้ว, ผสมเทียม หรือ ขอรับบริจาคสเปิร์ม แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ทำให้ถกเถียงได้ตลอด เมื่อล่าสุดมีสาวรายหนึ่ง โพสต์ระบายความอัดอั้นตันใจ หลังถูก เพื่อนร่วมงานขอบริจาคน้ำเชื้อทำพันธุ์ เหตุเพราะเห็นสามีตัวเองหล่อ ถึงขั้นคุกเข่าขอร้อง !
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ไต้หวัน โดยสาวคนดังกล่าวได้เปิดเผยว่า เพื่อนร่วมงานขอบริจาคน้ำเชื้อทำพันธุ์ หลังจากเห็นว่าสามีของเธอหล่อมาก จนอยากขอให้บริจาคสเปิร์ม ทั้งที่ตัวเพื่อนคนดังกล่าว ยังไม่แต่งงาน จู่ ๆ ก็มาคุกเข่าอ้อนวอน ทำให้เธอรู้สึกตะลึงงัน
โดยเธอเผยความคับข้องใจ ถึงเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งว่า ทำแบบนี้แปลกหรือไม่ เพื่อนร่วมงานของเธอโสดมานาน แต่เธอได้ยินว่า เพื่อนร่วมงานคนนี้ อยากมีลูกเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เธอเห็นสามีของเจ้าของโพสต์ในรูปถ่าย และเห็นตัวจริงขณะมารับที่ทำงาน ทำให้เธอมักพูดเสมอว่า “สามีของคุณหล่อจัง”
แถมยังทำให้เธอลำบากใจมาก ๆ เพราะเพื่อนร่วมงานรายนี้ นำรูปจากทริปไปเที่ยวกับบริษัท มาตัดภาพของคนที่นั่งข้าง ๆ เธอออกไป ทิ้งไว้แค่ส่วนของลูกชายเจ้าของโพสต์ มาตั้งเป็นวอลเปเปอร์ของโทรศัพท์มือถือ เธอพยายามขอให้อีกฝ่ายเปลี่ยน แต่หญิงคนดังกล่าว ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน เมื่อเรื่องถูกพูดถึงมากขึ้น ก็ยังสร้างความลำบากใจให้กับเพื่อนออฟฟิศคนอื่นอีกด้วย
หลังจากนั้นดันเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ เพื่อนร่วมงานคนนี้ คุกเข่าอ้อนวอนลงบนพื้น พร้อมกับร้องไห้ขออสุจิของสามี เพื่อแสดงออกว่า เธอต้องการขอยืมอสุจิเพื่อมีลูก งานนี้เจ้าของโพสต์ตกตะลึง พร้อมกับคิดในใจว่า “ใครจะยอมรับ นี่มันเกินจริงไปหรือเปล่า”
จากนั้นเธอได้เล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง สามีก็ค้านอย่างหนักแน่น ปฏิเสธทันที และคิดว่า เราอย่าเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงานคนนี้ เพราะหากบริจาคลูกในสายเลือดเดียวกัน ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น รวมถึงบอกย้ำเจ้าของโพสต์ว่า “อย่าใจอ่อนและให้ผมบริจาคอสุจิออกไป”
นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ ชาวเน็ตถึงกับอึ้ง กระตุ้นให้เกิดการสนทนาอย่างดุเดือด โดยความเห็นส่วนใหญ่ออกไปทางเดียวกัน เห็นด้วยกับการคัดค้าน ไม่บริจาคสเปิร์มให้เธอคนดังกล่าว อย่างเช่น “โชคดีที่สามีของคุณฉลาด และรู้ว่านี่คือกับดัก”, “ฉันควรจะนึกถึงสามีของคุณ เธอสามารถเป็นภรรยาอีกคนได้ อย่างสมเหตุสมผลเมื่อเธอมีลูก” “คุณจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ถ้าหากบริจาคอสุจิ”, “ลาออกอย่างเด็ดขาด และอยู่ห่างจากคนบ้า”, “บอกให้เธอไปที่ธนาคารสเปิร์มด้วยตัวเอง อย่าทำลายครอบครัวของคนอื่น มันโหดร้ายมาก” , “คนนี้ต้องป่วยแน่ ๆ ” , “เพื่อนร่วมงานมีปัญหาใหญ่! นี่ไม่ใช่ปัญหายืมสเปิร์ม”
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 ข้อต้องรู้ ขั้นตอนทำเด็กหลอดแก้ว เตรียมตัวฝังตัวอ่อนอย่างไรให้สำเร็จ
ขอรับบริจาคสเปิร์มในเมืองไทย สามารถทำได้หรือไม่ ?
ต้องเข้าใจก่อนว่า การใช้เทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือเด็กหลอดแก้ว (IVF) การฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่ หรือการทำอิ๊กซี่ (ICSI) การผสมเทียมโดยการฉีดอสุจิ เข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง (IUI) การนำเชื้ออสุจิออกจากอัณฑะ (PESA, TESE, MESA) อย่างไรก็ตาม สามารถทำได้แค่คู่รักที่ถูกกฎหมายเท่านั้น
กล่าวคือในประเทศไทย สาวโสดที่ต้องการผสมเทียม เพื่อให้ตั้งครรภ์ โดยไม่มีการคู่ครองหรือเพศสัมพันธ์ ยังไม่สามารถทำได้ ว่าตาม กฎหมายอุ้มบุญ ระบุไว้ในมาตรา 19-20 ถึงกรณีการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ จะต้องกระทำต่อหญิงที่มีสามี โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ดังนั้นหญิงที่ไม่มีการจดทะเบียนสมรส จะไม่สามารถทำได้ ส่วนอสุจิอาจเป็นของสามี หรือเป็นของผู้บริจาคก็ได้ หากต้องการใช้อสุจิของผู้บริจาค สามีและภรรยาจะต้องให้ความยินยอมเป็นหนังสือ
ขณะที่การอุ้มบุญของ คู่รักเพศทางเลือกที่ต้องการมีลูก ด้วยการอาศัยเทคโนโลยี ตามกฎหมายยังไม่รองรับ ให้เป็นมารดา หรือบิดาโดยชอบธรรม นอกจากการจดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมเท่านั้น
สาเหตุที่สาวโสดไม่สามารถผสมเทียมได้
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาได้ในอนาคต เช่น จริยธรรมในการรับจ้างท้อง กลัวแม่ไม่รักลูกจริง ๆ หรือเด็กที่เกิดมา จะกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ รวมทั้ง การถูกสังคมมองแปลก ๆ โดยแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือ Single Mom จะเป็นลักษณะทางสังคมที่ว่า ผู้หญิงที่ไม่อยากแต่งงาน มีความผูกพันกับคู่ชีวิต แต่ต้องการตั้งครรภ์มีลูก ทำให้เรื่องของการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเกิดขึ้นมา ขณะที่สังคมไทยยังไม่ยอมรับในการท้องโดยไม่มีสามี
คุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถบริจาคอสุจิ
สำหรับผู้คู่สามีภรรยา ที่ต้องการรับบริจาคอสุจิ จะต้องมีหลักฐานทะเบียนสมรส และคู่สมรสต้องลงนามใน “หนังสือแสดงความยินยอมรับอสุจิบริจาค” สำหรับผู้บริจาคอสุจิ จำเป็นต้องลงนามใน “หนังสือแสดงความยินยอมในการบริจาคอสุจิ” ผู้บริจาคอสุจิสามารถบริจาคอสุจิได้เฉพาะกรณีที่ เมื่อบริจาคแล้วมีการตั้งครรภ์จนได้บุตรไม่เกิน 10 ครอบครัว และในกรณีที่ผู้บริจาคอสุจิ มีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้บริจาคจะต้องได้รับความยินยอม เป็นหนังสือจากภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย
- ผู้บริจาคต้องมีอายุระหว่าง 20-45 ปี และผ่านการตรวจประเมินความพร้อม ทางด้านร่างกายและจิตใจ
- ผู้บริจาคต้องไม่เป็นญาติกับผู้รับอสุจิ
- ผู้บริจาคต้องไม่มีประวัติการใช้ยาเสพติด
- ผู้บริจาคต้องไม่มีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้บริจาคต้องไม่มีประวัติการเป็นโรคทางพันธุกรรม
- ผู้บริจาคต้องไม่มีประวัติเป็นโรคติดต่อ (เช่น HIV/AIDS)
- ผู้บริจาคต้องยินยอมให้ตรวจหาเชื้อ HIV/AIDS ก่อนส่งตัวอย่างอสุจิ และตรวจซ้ำอีกครั้ง หลังจากตรวจครั้งแรก 6 เดือน ก่อนใช้อสุจิในขั้นตอนการรักษา
ดังนั้นหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในไทย ถ้าเกิดหญิงโสดคนดังกล่าวต้องการทำ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า การใช้เทคโนโลยีในการช่วยมีลูก จะต้องทำหรือทำได้ก็ต่อเมื่อ จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเชื้ออสุจิ เข้าไปในโพรงมดลูก หรือการใช้เทคโนโลยีอื่น เพื่อช่วยให้มีลูกก็ตาม
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ทำเด็กหลอดแก้ว แฝดสาม สาวไฮโซอยากมีลูก แต่ไม่อยากได้สามี
เด็กหลอดแก้วโรงพยาบาลรัฐ แต่ละรพ.มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง ?
การทำ IVF หรือ เด็กหลอดแก้ว มีขั้นตอนอย่างไร และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ที่มา : chinatimes.com, khaosod.co.th, thairath.co.th
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!