X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • พัฒนาการลูก
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • การศึกษา
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก อายุ 0 - 9 ปี วิธีแบ่งเวลาให้กับลูกสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่

บทความ 5 นาที
ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก อายุ 0 - 9 ปี วิธีแบ่งเวลาให้กับลูกสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก อายุ 0 - 9 ปี วิธีแบ่งเวลาให้กับลูกสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่

ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง 9 ขวบ วิธีใช้เวลากับลูกให้มีคุณภาพ พ่อแม่ควรทำอย่างไร ควรจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการอย่างไรบ้าง

คุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งมีลูกน้อยคนแรกอาจต้องการปรับตัวในช่วงที่ตนเองกำลังทำงาน และต้องเลี้ยงลูกไปด้วย ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก จะเป็นทางออกที่สำคัญให้กับปัญหานี้ โดยเรามีคำแนะนำให้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กอายุ 9 ปีว่าควรแบ่งเวลาให้เหมาะสมได้อย่างไรบ้าง

 

ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก

ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก อยากให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีสมวัยพ่อแม่ควรจัดกิจกรรมให้ลูกอย่างไร เราลองมาดูวิธีบริหารจัดการเวลา สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 9 ขวบกันดีกว่าค่ะ

 

เด็กทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี

สำหรับเด็กวัยนี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านไม่แนะนำให้เด็กอยู่กับหน้าจอพวกโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือโทรทัศน์ หากจำเป็นให้ลูกดูจริงๆ พ่อแม่ก็ควรอยู่กับลูกด้วยอย่าปล่อยให้ลูกดูเพียงลำพัง แต่ควรแบ่งเวลาให้ลูกทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของลูกด้วยอย่างน้อย 30 นาที เช่น กิจกรรมให้ลูกนอนคว่ำค่ะ หรือจะให้ลูกนั่งรถเข็น นั่งเล่นเก้าอี้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้ (เวลาไม่จำกัดค่ะ) และอย่าลืมปล่อยให้น้องได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยการนอนของเด็กที่มีอายุ 0-3 เดือน จำเป็นต้องใช้เวลานอนทั้งวันประมาณ 14-17 ชั่วโมง ส่วนเด็กอายุ 4-11 เดือน จำเป็นต้องใช้เวลานอนทั้งวัน 12-16 ชั่วโมงค่ะ

 

ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก 10

 

เด็กวัยหัดเดิน อายุ 1-2 ปี

กิจกรรมสำหรับเด็กวัยนี้ พ่อแม่อย่าลืมแบ่งเวลาอย่างน้อย 180 นาที ให้ลูกได้ออกกำลังกายออกแรงบ้าง เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายของลูกน้อยเช่นเดียวกัน แล้วอาจจะเปลี่ยนมาให้ลูกนั่งรถเข็น หรือนั่งบนเก้าอี้บ้างในเวลาที่มากกว่า 1 ชั่วโมงต่อครั้ง ที่สำคัญพ่อแม่ไม่ควรให้ลูกน้อยที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี นั่งดูโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตนิ่งๆ อยู่ลำพัง หากอยากให้ลูกได้เล่นเพื่อเสริมพัฒนาการต้องรอให้ลูกมีอายุ 2 ขวบขึ้นไปก่อน และไม่ควรปล่อยให้เล่นนานเกิน 1 ชั่วโมงนะคะ สำหรับน้องวัยนี้ควรได้รับการนอนหลับพักผ่อนประมาณ 11-14 ชั่วโมงต่อวัน

บทความที่เกี่ยวข้อง : พัฒนาการเด็กวัย 2 ขวบถึง 2 ขวบครึ่ง และเทคนิคส่งเสริมพัฒนาการตามวัย

 

เด็กวัยก่อนเรียน อายุ 3-5 ปี

เช่นเดียวกับเด็กวัยหัดเดิน พ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกเล่นออกกำลังกายประมาณ 180 นาที ไม่ควรให้เด็กนั่งเฉยๆ และควรจัดกิจกรรมอย่างน้อย 60 นาที ให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่กระฉับกระเฉงมากขึ้น อาจจะเป็นการเล่นกีฬาอย่างว่ายน้ำ เล่นฟุตบอล หรือตีแบดมินตันก็ได้ค่ะ แน่นอนว่าไม่แนะนำให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตนานกว่า 1 ชั่วโมงนะคะ และพ่อแม่ต้องคอยดูลูกเล่นอยู่เสมอเพื่อที่ลูกจะได้ใช้หน้าจอเพื่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับการนอนที่เหมาะสมคืออยู่ประมาณ 10-13 ชั่วโมงต่อวันค่ะ

 

เด็กวัยเรียน อายุ 6 - 9 ปี

พ่อแม่ควรเน้นกิจกรรมที่ให้ลูกได้เล่นหรือมีส่วนร่วมกับเพื่อน เพราะจะทำให้เด็กได้พัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกัน ได้เสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ของเด็ก แต่ไม่ใช่เป็นกิจกรรมที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ลูกทำกับเพื่อนนะคะ พ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกเลือกเองว่าอยากทำกิจกรรมนี้หรือไม่ เด็กจะได้ไม่รู้สึกเครียดหรือกดดันตลอดเวลาค่ะ เพราะถ้าพ่อแม่บังคับลูกจนเกินไปจะทำให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่าย ขาดการเป็นตัวเอง ขาดการกระตือรือร้น ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ค่ะ ซึ่งสิ่งที่พ่อแม่จะพอทำได้คือการคอยดูแลเอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่น และคอยตอบสนองความต้องการของลูกอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการพูดคุยและการสอบถามความต้องการของลูกบ้างค่ะ

 

ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก 11

 

ในทางตรงข้าม หากพ่อแม่กลับปล่อยละเลยลูก ให้ลูกทำอะไรตามลำพังคนเดียว เด็กก็จะหันไปหาสิ่งที่ใกล้ตัวมากที่สุดอย่างโทรทัศน์ เกม โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตแทน และบางคนยังใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากกว่าอยู่ในห้องเรียนอีก จนกลายเป็นเด็กเฉื่อยชา และท้ายที่สุดเด็กก็คิดว่าเขามีโทรทัศน์ เกม โทรศัพท์มือถือเป็นเพื่อน เป็นเหมือนพี่เลี้ยงค่ะ สำหรับเวลาที่เด็กควรดูโทรทัศน์นั้นต้องไม่เกิน 30 นาที - 1 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ต้องไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงต่อวันค่ะ และพ่อแม่ควรคอยสังเกตดูด้วยว่าลูกดูอะไรอยู่ คอยพูดคุยกับลูกถึงสิ่งที่ลูกได้ดู คอยสอดแทรกความคิดเห็นและสอดลูกในเรื่องต่างๆ ด้วยค่ะ เพราะเด็กพอโตขึ้นเวลาที่อยู่กับพ่อแม่ก็จะน้อยลง พ่อแม่จึงควรเก็บเกี่ยวช่วงที่ลูกเล็กๆ ไว้นะคะ

สำหรับเด็กในวัยเรียน การแบ่งเวลาให้กับลูกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะได้เป็นการฝึกวินัยให้กับลูกไปในตัวด้วย โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มเข้าชั้นประถม เด็กจะเริ่มมีการบ้าน มีโครงงาน มีงานกลุ่มเยอะแยะไปหมด ดังนั้นพ่อแม่อาจต้องช่วยลูกในการวางแผนด้วยค่ะ โดยมีวิธีการ ดังนี้

 

  • ดูสมุดจดการบ้านลูก พ่อแม่ควรเช็คว่าวันนี้ลูกมีการบ้านอะไรบ้าง กำหนดส่งวันไหน งานยากหรือง่ายอย่างไร ต้องหาอุปกรณ์เพิ่มเติมหรือเปล่า ลูกจะได้มีงานสิ่งทันกำหนดค่ะ
  • กำหนดเวลาทำการบ้านที่แน่นอน เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีสมาธิในการทำงานไม่เหมือนกัน บางคนรีบทำการบ้านก่อน บางคนขอเล่นก่อนค่อยทำ จนสุดท้ายก็ลืมทำการบ้านไป ดังนั้น พ่อแม่ควรให้ลูกทำการบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเล่นค่ะ
  • ให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันอย่างสม่ำเสมอ เช่น พ่อแม่อาจจัดสรรตารางเวลาให้ลูก เช่น หลังทานอาหารเย็น ให้เวลาลูกครึ่งชั่วโมงทำกิจกรรมอะไร แล้วค่อยอาบน้ำ ก่อนเข้านอน
  • ให้ความสำคัญกับลักษณะนิสัยของเด็ก พ่อแม่จะรู้ว่าลูกแต่ละคนเป็นอย่างไร ชอบอ่านหนังสือ ชอบเล่นกีฬา ชอบทำกิจกรรมอย่างอื่น หรือมีความเชื่องช้า ดังนั้น พ่อแม่อาจจะต้องคุยกับลูก กำหนดเวลาให้กับลูก ทำข้อตกลงร่วมกัน จะได้ไม่เป็นปัญหาค่ะ
  • เขียนกิจกรรมของคนในครอบครัวลงในปฏิทิน เพื่อที่ลูกจะได้ให้ทุกคนในลูกรู้จักหน้าที่ของตัวเอง อาจจะทำในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ โดยที่พ่อแม่และลูกช่วยกันทำ เช่น เวลาเล่นเกม ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ทำความสะอาดบ้าน เก็บผ้า เป็นต้น

 

คุณพ่อคุณแม่คงได้แนวทางการแบ่งเวลาให้ลูกตามที่เราแนะนำไปแล้ว อย่าลืมการปรับตัวหรือแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อให้มีความเหมาะสมตามรูปแบบของแต่ละครอบครัวด้วยนะ

 

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บทความจากพันธมิตร
เพราะการศึกษาลูกเป็นสิ่งสำคัญ เพิ่มความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ด้วยประกันสะสมทรัพย์ Saving 20/10
เพราะการศึกษาลูกเป็นสิ่งสำคัญ เพิ่มความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ด้วยประกันสะสมทรัพย์ Saving 20/10
อัปเดต แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพ  ALive Powered by AIA ใคร ๆ ก็มีไว้ในสมาร์ตโฟน
อัปเดต แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพ ALive Powered by AIA ใคร ๆ ก็มีไว้ในสมาร์ตโฟน
5 เคล็ดลับการเลือก รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ปลอดภัย พร้อมไปทุกที่ได้อย่างมั่นใจ
5 เคล็ดลับการเลือก รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ปลอดภัย พร้อมไปทุกที่ได้อย่างมั่นใจ
เผยเคล็ดลับการเรียนออนไลน์ที่จะทำให้ลูกตั้งใจเรียนมากขึ้น!
เผยเคล็ดลับการเรียนออนไลน์ที่จะทำให้ลูกตั้งใจเรียนมากขึ้น!

ลดการเล่นโทรศัพท์ แบ่งเวลาเล่นโทรศัพท์ มาเล่นกับลูก ลดการใช้มือถือต้องทำทั้งครอบครัว

ลูกชอบแย่งของเล่นกัน เล่นด้วยกันได้ไม่นานก็ทะเลาะกันตลอด ควรทำอย่างไรดี

ลูกอายุเท่าไหร่ให้เล่นมือถือ-แท็บเล็ตได้ ทำอย่างไรไม่ให้ลูกติดจอ

 

ที่มา:  1, 2,3

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Khunsiri

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก อายุ 0 - 9 ปี วิธีแบ่งเวลาให้กับลูกสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่
แชร์ :
  • 6 วิธีใช้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ

    6 วิธีใช้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ

  • วิจัยชี้! พ่อเล่นกับลูกช่วยให้ลูกฉลาด แนะคนเป็นพ่อหาเวลาเล่นกับลูกบ่อยๆ

    วิจัยชี้! พ่อเล่นกับลูกช่วยให้ลูกฉลาด แนะคนเป็นพ่อหาเวลาเล่นกับลูกบ่อยๆ

  • 10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

    10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

  • 10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

    10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

app info
get app banner
  • 6 วิธีใช้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ

    6 วิธีใช้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ

  • วิจัยชี้! พ่อเล่นกับลูกช่วยให้ลูกฉลาด แนะคนเป็นพ่อหาเวลาเล่นกับลูกบ่อยๆ

    วิจัยชี้! พ่อเล่นกับลูกช่วยให้ลูกฉลาด แนะคนเป็นพ่อหาเวลาเล่นกับลูกบ่อยๆ

  • 10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

    10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

  • 10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

    10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2022. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ