คุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งมีลูกน้อยคนแรกอาจต้องการปรับตัวในช่วงที่ตนเองกำลังทำงาน และต้องเลี้ยงลูกไปด้วย ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก จะเป็นทางออกที่สำคัญให้กับปัญหานี้ โดยเรามีคำแนะนำให้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กอายุ 9 ปีว่าควรแบ่งเวลาให้เหมาะสมได้อย่างไรบ้าง
ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก
ตารางแบ่งเวลาให้กับลูก อยากให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีสมวัยพ่อแม่ควรจัดกิจกรรมให้ลูกอย่างไร เราลองมาดูวิธีบริหารจัดการเวลา สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 9 ขวบกันดีกว่าค่ะ
เด็กทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี
สำหรับเด็กวัยนี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านไม่แนะนำให้เด็กอยู่กับหน้าจอพวกโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือโทรทัศน์ หากจำเป็นให้ลูกดูจริงๆ พ่อแม่ก็ควรอยู่กับลูกด้วยอย่าปล่อยให้ลูกดูเพียงลำพัง แต่ควรแบ่งเวลาให้ลูกทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของลูกด้วยอย่างน้อย 30 นาที เช่น กิจกรรมให้ลูกนอนคว่ำค่ะ หรือจะให้ลูกนั่งรถเข็น นั่งเล่นเก้าอี้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้ (เวลาไม่จำกัดค่ะ) และอย่าลืมปล่อยให้น้องได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยการนอนของเด็กที่มีอายุ 0-3 เดือน จำเป็นต้องใช้เวลานอนทั้งวันประมาณ 14-17 ชั่วโมง ส่วนเด็กอายุ 4-11 เดือน จำเป็นต้องใช้เวลานอนทั้งวัน 12-16 ชั่วโมงค่ะ

เด็กวัยหัดเดิน อายุ 1-2 ปี
กิจกรรมสำหรับเด็กวัยนี้ พ่อแม่อย่าลืมแบ่งเวลาอย่างน้อย 180 นาที ให้ลูกได้ออกกำลังกายออกแรงบ้าง เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายของลูกน้อยเช่นเดียวกัน แล้วอาจจะเปลี่ยนมาให้ลูกนั่งรถเข็น หรือนั่งบนเก้าอี้บ้างในเวลาที่มากกว่า 1 ชั่วโมงต่อครั้ง ที่สำคัญพ่อแม่ไม่ควรให้ลูกน้อยที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี นั่งดูโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตนิ่งๆ อยู่ลำพัง หากอยากให้ลูกได้เล่นเพื่อเสริมพัฒนาการต้องรอให้ลูกมีอายุ 2 ขวบขึ้นไปก่อน และไม่ควรปล่อยให้เล่นนานเกิน 1 ชั่วโมงนะคะ สำหรับน้องวัยนี้ควรได้รับการนอนหลับพักผ่อนประมาณ 11-14 ชั่วโมงต่อวัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : พัฒนาการเด็กวัย 2 ขวบถึง 2 ขวบครึ่ง และเทคนิคส่งเสริมพัฒนาการตามวัย
เด็กวัยก่อนเรียน อายุ 3-5 ปี
เช่นเดียวกับเด็กวัยหัดเดิน พ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกเล่นออกกำลังกายประมาณ 180 นาที ไม่ควรให้เด็กนั่งเฉยๆ และควรจัดกิจกรรมอย่างน้อย 60 นาที ให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่กระฉับกระเฉงมากขึ้น อาจจะเป็นการเล่นกีฬาอย่างว่ายน้ำ เล่นฟุตบอล หรือตีแบดมินตันก็ได้ค่ะ แน่นอนว่าไม่แนะนำให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตนานกว่า 1 ชั่วโมงนะคะ และพ่อแม่ต้องคอยดูลูกเล่นอยู่เสมอเพื่อที่ลูกจะได้ใช้หน้าจอเพื่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับการนอนที่เหมาะสมคืออยู่ประมาณ 10-13 ชั่วโมงต่อวันค่ะ
เด็กวัยเรียน อายุ 6 – 9 ปี
พ่อแม่ควรเน้นกิจกรรมที่ให้ลูกได้เล่นหรือมีส่วนร่วมกับเพื่อน เพราะจะทำให้เด็กได้พัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกัน ได้เสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ของเด็ก แต่ไม่ใช่เป็นกิจกรรมที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ลูกทำกับเพื่อนนะคะ พ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกเลือกเองว่าอยากทำกิจกรรมนี้หรือไม่ เด็กจะได้ไม่รู้สึกเครียดหรือกดดันตลอดเวลาค่ะ เพราะถ้าพ่อแม่บังคับลูกจนเกินไปจะทำให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่าย ขาดการเป็นตัวเอง ขาดการกระตือรือร้น ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ค่ะ ซึ่งสิ่งที่พ่อแม่จะพอทำได้คือการคอยดูแลเอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่น และคอยตอบสนองความต้องการของลูกอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการพูดคุยและการสอบถามความต้องการของลูกบ้างค่ะ

ในทางตรงข้าม หากพ่อแม่กลับปล่อยละเลยลูก ให้ลูกทำอะไรตามลำพังคนเดียว เด็กก็จะหันไปหาสิ่งที่ใกล้ตัวมากที่สุดอย่างโทรทัศน์ เกม โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตแทน และบางคนยังใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากกว่าอยู่ในห้องเรียนอีก จนกลายเป็นเด็กเฉื่อยชา และท้ายที่สุดเด็กก็คิดว่าเขามีโทรทัศน์ เกม โทรศัพท์มือถือเป็นเพื่อน เป็นเหมือนพี่เลี้ยงค่ะ สำหรับเวลาที่เด็กควรดูโทรทัศน์นั้นต้องไม่เกิน 30 นาที – 1 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ต้องไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงต่อวันค่ะ และพ่อแม่ควรคอยสังเกตดูด้วยว่าลูกดูอะไรอยู่ คอยพูดคุยกับลูกถึงสิ่งที่ลูกได้ดู คอยสอดแทรกความคิดเห็นและสอดลูกในเรื่องต่างๆ ด้วยค่ะ เพราะเด็กพอโตขึ้นเวลาที่อยู่กับพ่อแม่ก็จะน้อยลง พ่อแม่จึงควรเก็บเกี่ยวช่วงที่ลูกเล็กๆ ไว้นะคะ
สำหรับเด็กในวัยเรียน การแบ่งเวลาให้กับลูกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะได้เป็นการฝึกวินัยให้กับลูกไปในตัวด้วย โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มเข้าชั้นประถม เด็กจะเริ่มมีการบ้าน มีโครงงาน มีงานกลุ่มเยอะแยะไปหมด ดังนั้นพ่อแม่อาจต้องช่วยลูกในการวางแผนด้วยค่ะ โดยมีวิธีการ ดังนี้
- ดูสมุดจดการบ้านลูก พ่อแม่ควรเช็คว่าวันนี้ลูกมีการบ้านอะไรบ้าง กำหนดส่งวันไหน งานยากหรือง่ายอย่างไร ต้องหาอุปกรณ์เพิ่มเติมหรือเปล่า ลูกจะได้มีงานสิ่งทันกำหนดค่ะ
- กำหนดเวลาทำการบ้านที่แน่นอน เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีสมาธิในการทำงานไม่เหมือนกัน บางคนรีบทำการบ้านก่อน บางคนขอเล่นก่อนค่อยทำ จนสุดท้ายก็ลืมทำการบ้านไป ดังนั้น พ่อแม่ควรให้ลูกทำการบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเล่นค่ะ
- ให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันอย่างสม่ำเสมอ เช่น พ่อแม่อาจจัดสรรตารางเวลาให้ลูก เช่น หลังทานอาหารเย็น ให้เวลาลูกครึ่งชั่วโมงทำกิจกรรมอะไร แล้วค่อยอาบน้ำ ก่อนเข้านอน
- ให้ความสำคัญกับลักษณะนิสัยของเด็ก พ่อแม่จะรู้ว่าลูกแต่ละคนเป็นอย่างไร ชอบอ่านหนังสือ ชอบเล่นกีฬา ชอบทำกิจกรรมอย่างอื่น หรือมีความเชื่องช้า ดังนั้น พ่อแม่อาจจะต้องคุยกับลูก กำหนดเวลาให้กับลูก ทำข้อตกลงร่วมกัน จะได้ไม่เป็นปัญหาค่ะ
- เขียนกิจกรรมของคนในครอบครัวลงในปฏิทิน เพื่อที่ลูกจะได้ให้ทุกคนในลูกรู้จักหน้าที่ของตัวเอง อาจจะทำในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ โดยที่พ่อแม่และลูกช่วยกันทำ เช่น เวลาเล่นเกม ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ทำความสะอาดบ้าน เก็บผ้า เป็นต้น
คุณพ่อคุณแม่คงได้แนวทางการแบ่งเวลาให้ลูกตามที่เราแนะนำไปแล้ว อย่าลืมการปรับตัวหรือแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อให้มีความเหมาะสมตามรูปแบบของแต่ละครอบครัวด้วยนะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลดการเล่นโทรศัพท์ แบ่งเวลาเล่นโทรศัพท์ มาเล่นกับลูก ลดการใช้มือถือต้องทำทั้งครอบครัว
ลูกชอบแย่งของเล่นกัน เล่นด้วยกันได้ไม่นานก็ทะเลาะกันตลอด ควรทำอย่างไรดี
ลูกอายุเท่าไหร่ให้เล่นมือถือ-แท็บเล็ตได้ ทำอย่างไรไม่ให้ลูกติดจอ
ที่มา: 1, 2,3
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!