บ่อยครั้งที่เรามักเห็นข่าวอุบัติเหตุจากบันไดเลื่อนกับเด็ก ซึ่งอาจนำมาสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิตไม่น้อย ยิ่งโดยคุณพ่อคุณแม่ที่มักพาลูก ๆ ไปเดินห้างสรรพสินค้าบ่อย ๆ แล้วนั้น ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอุบัติเหตุนี้อาจเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ วันนี้เรามีวิธี สอนลูกใช้บันไดเลื่อน ที่จะช่วยเรื่องความปลอดภัยให้แก่เด็ก ๆ มาฝากค่ะ เรามาดูกันว่าจะมีวิธีใดที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุใกล้ตัวลูกรัก
สอนลูกใช้บันไดเลื่อน ทำอย่างไร
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยกำลังโต บางครั้งพวกเขาอาจเล่นซนจนไม่ทันได้สังเกต เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนลูกให้รู้จักวิธีการใช้บันไดเลื่อนที่ถูกต้อง โดยวิธีการสอนลูกใช้บันไดเลื่อน มีดังนี้
1. บอกลูกว่าบันไดเลื่อนไม่ใช่ของเล่น
เด็กบางคนอาจเห็นบันไดเลื่อนเป็นของเล่น จึงรู้สึกสนุกจนอยากปีนราวบันไดหรือวิ่งเล่นบนบันไดเลื่อน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจต้องสอนลูกว่าบันไดเลื่อนไม่ใช่ของเล่น แต่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อชั้นมากกว่า ดังนั้นอาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเผลอไปวิ่งเล่นก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุอันร้ายแรงตามมาได้
2. จับราวบันไดให้แน่น
คุณพ่อคุณแม่ต้องบอกให้ลูกให้จับราวบันไดให้แน่นทุกครั้ง เพราะจะช่วยเรื่องการทรงตัวไม่เซไปเซมา แต่ถ้าหากลูกยังเล็กคุณพ่อคุณแม่ควรอุ้มเขาขึ้นบันไดเลื่อนทุกครั้ง แต่ถ้าเป็นเด็กโต ก็แนะนำให้จับมือของลูกแทนเพราะเด็กอาจยังทรงตัวไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงควรให้ลูกยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ปล่อยให้เดินหรือวิ่งบนบันไดเลื่อน นอกจากนี้ อาจต้องสอนลูกว่าเมื่อถึงขั้นสุดท้ายของบันได ต้องก้าวข้ามขั้นบันไดเลื่อนถัดไป เพราะเท้าของลูกยังเล็ก อาจทำให้ติดขึ้นบันไดเลื่อนได้นั่นเอง
3. สอนท่ายืนที่ถูกต้อง
สำหรับท่ายืนที่ถูกต้องเวลาใช้บันไดเลื่อน คือควรยืนตรงกลาง และเก็บเท้าให้ห่างจากขอบด้านซ้าย แต่หากมีคนขอผ่าน ก็จะต้องสอนลูก ๆ ให้เปลี่ยนมายืดชิดขวาแทน เพื่อให้คนที่จะเดินขึ้นไป เปลี่ยนไปขึ้นทางซ้ายมือแทน รวมถึงต้องบอกลูกว่าห้ามยืนแขน หัว หรือขาออกไปข้างนอกบันไดเลื่อนอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ทรงตัวไม่อยู่หรือกระแทกกับผนังด้านบน
บทความที่เกี่ยวข้อง : รองเท้าติดบันไดเลื่อน เกิดขึ้นบ่อยมากจนต้องระวังกันดี ๆ
4. ระมัดระวังเครื่องแต่งกาย
ในกรณีที่ลูกยังเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรระมัดระวังเครื่องแต่งกายของเขา เช่น รองเท้าเชือกหลุดหรือไม่ หรือสวมกระโปรงยาวหรือเปล่า เพราะอาจทำให้ไปติดกับบันไดเลื่อนได้ ยิ่งกับเชือกรองเท้าแล้ว เรามักจะเห็นอุบัติเหตุบ่อย ๆ ดังนั้นก่อนขึ้นบันไดเลื่อนอย่าลืมสอนลูกให้รู้จักผูกเชือกรองเท้าก่อนนะคะ และให้พยายามมายืนตรงกลางบันไดแทน เพื่อป้องกันบันไดเลื่อนเกี่ยวหรือติดเสื้อผ้าค่ะ
5. อย่าวางของหนักบนบันไดเลื่อน
วิธีนี้อาจเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ แต่บอกลูกไว้ก็ไม่ผิดค่ะ เพราะการนำสิ่งของหนัก ๆ วางไว้บนบันไดเลื่อน เช่น รถเข็นเด็ก หรือรถเข็นสินค้า อาจทำเป็นการกีดขวางทางคนอื่น และอาจทำให้เกิดการทรงตัวไม่อยู่ได้ ยิ่งหากมีของในตะกร้าหนักมาก ๆ ก็อาจทำให้รับน้ำหนักไม่ไหวจนเผลอทำหลุดมือซึ่งเป็นอันตรายมาก ๆ เพราะฉะนั้นหากมีของหนักควรหันไปใช้ลิฟต์แทนนะคะ
6. ไม่ให้วิ่งบนบันไดเลื่อน
แน่นอนว่าเมื่อขึ้นบันไดเลื่อน คุณพ่อคุณแม่ต้องบอกข้อห้ามในการใช้บันไดเลื่อนแก่ลูกด้วย โดยเฉพาะการวิ่งบนบันไดเลื่อน คือสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด เพราะเด็ก ๆ ส่วนใหญ่มักอยากรู้อยากเห็น และชอบวิ่งขึ้นบันไดที่เลื่อนลงหรือเลื่อนขึ้น หากลูกเกิดสะดุดจนหกล้ม ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ นอกจากนี้ ต้องบอกลูกว่าห้ามนั่งบนราวบันไดเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ
7. อย่ายืนขวางทางคนอื่น
วิธีสุดท้ายคือการสอนลูกว่าอย่ายืนขวางทางคนอื่น ควรมองไปข้างหน้า และงดใช้โทรศัพท์ไปก่อน เพราะอาจทำให้ลูกไม่ทันระมัดระวังตัว และเมื่อถึงจุดสิ้นสุดบันไดเลื่อนแล้ว ให้ลูกรีบเดินออกมาทันที อย่ายืนขวางผู้ที่กำลังขึ้นหรือลงบันไดเลื่อน เพราะอาจทำให้เกิดการชนกัน จนทำให้ลูกล้มบาดเจ็บได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกชอบปีนป่าย ไต่ “บันไดบ้าน” คือสนามฝึกแรกของชีวิต
เคล็ดลับความปลอดภัยเมื่อพาลูกออกไปข้างนอก
นอกจากวิธีสอนลูกใช้บันไดเลื่อนแล้ว เรามีเคล็ดลับความปลอดภัยเมื่อพาลูกออกไปข้างนอกมาฝากค่ะ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบพาลูกออกไปห้างสรรพสินค้าหรือออกไปเที่ยวเล่นบ่อย ๆ ควรรู้จักเคล็ดลับที่จะช่วยเรื่องความปลอดภัยสำหรับเด็กได้ เรามาดูกันว่าจะมีเคล็ดลับไหนเพื่อช่วยป้องกันอันตรายต่อตัวเด็กได้บ้าง
1. งดให้ลูกขึ้นลิฟต์เอง
การปล่อยลูกให้ขึ้นลิฟต์คนเดียวเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำมาก ๆ เพราะอาจทำให้ลูกเสี่ยงต่ออุบัติเหตุในลิฟต์ได้ รวมถึงการให้ลูกกดลิฟต์เล่นทุกชั้นหรือกดปุ่มอื่น ๆ อาจทำให้ลิฟต์ขัดข้องจนเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นการเสียเวลาต่อผู้อื่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นห้ามปล่อยลูกให้ขึ้นลิฟต์เองเด็ดขาด หรือรอจนกว่าเขาจะโตพอจนรู้จักวิธีใช้ลิฟต์ที่ถูกต้องนะคะ
2. ไม่ปล่อยลูกอยู่บนรถเข็น
หากคุณพ่อคุณแม่ปล่อยลูกให้อยู่บนรถเข็นคนเดียวอาจต้องระวังนะคะ เพราะลูกอาจปืนไปหยิบสินค้าหรือเอื้อมไปหยิบจนตกจากรถเข็นได้ ดังนั้นต้องอยู่กับลูกตลอดเวลาในขณะเลือกซื้อสินค้า รวมถึงการให้ลูกเข็นรถเข็นคนเดียวอาจไม่เหมาะสมอย่างมาก เพราะร่างกายของลูกยังไม่แข็งแรง ลูกอาจเข็นรถเข็นไปชนกับสินค้าหรือคนอื่น จนทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ค่ะ
3. ไม่ปล่อยลูกเดินจนลับตา
คุณพ่อคุณแม่หลายคนชอบปล่อยลูกให้เดินหรือวิ่งไปก่อนจนลับตา เพราะอาจขึ้นว่าเดินตามทันหรือลูกจะหยุดรอ แต่การทำแบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดมาก ๆ เพราะลูกอาจวิ่งไปชนคนอื่นหรือวิ่งไปชนสิ่งของจนเกิดการบาดเจ็บได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการโดนคนแปลกหน้าหรือโจรลักพาตัว ดังนั้นหากลูกยังเด็ก แนะนำว่าให้ใช้รถเข็นเด็กหรือเดินไปพร้อม ๆ ลูกจะดีกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกหายไปต้องทำยังไง และสิ่งพ่อแม่ที่ควรสอนลูก หากเกิดพลัดหลงกัน
4. ไม่ให้ลูกอยู่ใกล้กระจก
เวลาพาลูกไปเดินห้างสรรพสินค้าอาจต้องเลี่ยงให้ลูกอยู่ใกล้กระจกนะคะ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ของห้างมักเป็นผนังกระจกหรือมีประตูบานเลื่อนเป็นกระจก บางครั้งลูกอาจมองไม่เห็นแล้ววิ่งไปชนจนเกิดการบาดเจ็บได้ นอกจากนี้ ลูกอาจเผลอไปผลักกระจกจนกระจกแตกได้
5. ไม่ปล่อยให้ลูกวิ่งเล่นในร้าน
นอกจากไม่ควรปล่อยให้ลูกขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อนเองแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกวิ่งเล่นในร้านค้าอีกด้วย เพราะลูกอาจเล่นซนจนวิ่งไปชนคนอื่น หรือทำของบนชั้นวางของตกจนเกิดความเสียหาย บอกเลยว่านอกจากจะมีค่าเสียหายแล้ว ยังทำให้ลูกเราเจ็บตัวอีกด้วยนะคะ ดังนั้นเวลาเดินเข้าไปดูสินค้าในร้านควรจับมือลูกเดิน หรือไม่ปล่อยให้ละสายตาจะดีกว่าค่ะ
เรื่องการใช้บันไดเลื่อนเป็นสิ่งใกล้ตัวที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูก เพราะเด็กเป็นวัยที่กำลังซน หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ทันสังเกตก็อาจทำให้เขาเล่นซนจนเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นหากเห็นว่าเป็นการขึ้นบันไดไม่กี่ชั้นหรือมีบันไดธรรมดาอยู่ใกล้ ๆ ก็อาจพาลูกไปขึ้นบันไดปกติบ้าง เพราะนอกจากจะเป็นการเดินออกกำลังกายแล้ว ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ไม่น้อย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
พาลูกขึ้นรถเมล์ครั้งแรก ทำอย่างไร? อะไรคือสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง
สอนลูกใส่รองเท้าครั้งแรก ต้องทำอย่างไร? เทคนิคง่าย ๆ ทำตามไม่ยาก
6 วิธีที่ต้องทำเมื่อต้อง “พาลูกไปที่ทำงาน” ลดโอกาสปั่นป่วนให้มากที่สุด
ที่มา : mgronline, parentsone, theasianparent
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!