พาลูกขึ้นรถเมล์ครั้งแรก ต้องทำอย่างไร? อะไรคือสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังจะฝึกให้เด็ก ๆ หัดนั่งรถประจำทางหรือรถเมล์ครั้งแรก แต่ก็แอบหวั่นใจว่าลูกของเราจะงอแงไหม และเราต้องทำยังไงเขาถึงจะกล้านั่งรถเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง เรามาดูวิธีการ พาลูกขึ้นรถเมล์ครั้งแรก กันเลยดีกว่า
เทคนิคการฝึกให้ลูกนั่งรถประจำทางแบบง่าย ๆ
หากใครที่กำลังกังวลใจในการที่จะฝึกเด็ก ๆ นั่งรถประจำทางครั้งแรก แต่ก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อที่ลูกจะได้รู้สึกดีและแฮปปี้ไปกับการเดินทางของเราได้ บอกลาปัญหาเหล่านี้ไปได้เลย เพราะเราได้นำเคล็ดลับดี ๆ มาฝากกันแล้ว
บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกใส่รองเท้าครั้งแรก ต้องทำอย่างไร? เทคนิคง่าย ๆ ทำตามไม่ยาก
(รูปจาก shutterstock.com)
1. ให้ลูกนั่งให้เรียบร้อยก่อนรถออก
อย่างแรกเลยก่อนที่เราจะฝึกให้เด็ก ๆ นั่งรถสาธารณะครั้งแรก เมื่อขึ้นรถมาแล้วจะต้องให้เด็ก ๆ นั่งให้เรียบร้อยก่อนที่รถจะออก ไม่ควรปล่อยให้เขาวิ่งเล่น หรือซุกซนเดินไปที่ต่าง ๆ ในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ เพราะสิ่งนี้อาจจะส่งผลอันตรายต่อเด็ก ๆ ได้เลย
2. อย่าให้ลูกยืนหรือนั่งขวางบริเวณประตู
สิ่งที่เราควรใส่ใจต่อมาคือห้ามให้เด็ก ๆ ยืนหรือนั่งขวางบริเวณประตู เพราะด้วยความที่เป็นรถสาธารณะ คนบนรถเขาก็อาจจะต้องเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อย ๆ และสิ่งนี้ก็อาจจะทำให้ลูกของเราได้รับอุบัติเหตุ หรืออาจจะตกรถได้เลย ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เราพาเด็ก ๆ ขึ้นเรา เราอาจจะต้องเลือกที่นั่งที่เหมาะสมและไม่ควรใกล้กับประตูทางขึ้นรถจะดีที่สุดค่ะ
3. ควรให้ลูกแต่งตัวให้มิดชิด
เรื่องการแต่งตัวก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง เพราะฉะนั้นก่อนออกจากบ้านเราควรที่จะให้เด็ก ๆ แต่งตัวให้เรียบร้อยทุกครั้ง ถึงแม้เขาจะยังเด็กก็ตาม ด้วยความที่เป็นรถสาธารณะเราก็อาจจะไม่รู้ว่าใครคิดไม่ดีบ้าง เพราะฉะนั้นป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า เพื่อที่ลูกของเราจะได้ปลอดภัยตามไปด้วย
4. อย่าเล่นแต่โทรศัพท์จนไม่สนใจลูก
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญเลยคือในขณะของการนั่งรถ คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะสนใจและคอยสังเกตเด็ก ๆ อยู่เสมอ อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์จนไม่สนใจลูก ยิ่งถ้าเขายังเด็กและเราพาลูกขึ้นรถสาธารณะเป็นครั้งแรก เขาก็อาจจะยังไม่รู้อะไร อาจทำให้เขาไปจับนู่นนี่นั่นจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาระหว่างการเดินทางได้ ทางที่ดีไม่ค่อยเล่นโทรศัพท์นะคะ
5. เห็นใจคนอื่น
ข้อนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่สำคัญและเราควรใส่ใจ หากใครที่พาลูกนั่งรถเมล์หรือนั่งรถสาธารณะครั้งแรก เราอาจจะต้องมีความพร้อมสำหรับเด็ก ๆ ไม่ควรปล่อยให้ลูกร้องไห้โวยวายบนรถ เพราะสิ่งนี้อาจจะทำให้คนอื่นบนรถรู้สึกรำคาญหรือมองลูกเราไม่ดีขึ้นมาได้ ดังนั้นคุณแม่อาจจะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ให้กับลูกให้มากที่สุด
6. ไม่ควรละสายตาไปจากเด็ก ๆ
เรื่องที่เราควรใส่ใจไม่แพ้ข้ออื่น ๆ ทุกครั้งของการนั่งรถ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรที่จะละสายตาไปจากเด็ก ๆ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าในช่วงของการนั่งรถลูกเราจะทำอะไรหรือเปล่า เขาจะเอามือออกนอกหน้าต่างไหม ทางที่เราอาจจะต้องคอยระวังและจับตามองลูกอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้รู้สึกปลอดภัยตลอดทุกการเดินทางนั่นเอง
เคล็ดลับที่จะช่วยทำให้เด็ก ๆ สามารถนั่งรถได้นาน
หากคุณพ่อคุณแม่กังวลว่าเมื่อเราพาเด็ก ๆ นั่งรถไปตามที่ต่าง ๆ เขาจะรู้สึกเบื่อหรืองอแงไหม เราจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อที่ลูกของเราจะได้นั่งรถได้นาน และตอบโจทย์ต่อการเดินทางในครั้งนี้มากที่สุด มาดูกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 ตะเกียบ สำหรับเด็ก พร้อมเทคนิคสอนลูกใช้ ทำตามง่าย ใช้ได้ชัวร์
(รูปจาก shutterstock.com)
1. เตรียมของให้พร้อม
สำหรับใครที่อยากจะให้เด็ก ๆ นั่งรถได้นาน แน่นอนว่าเราจะต้องมีความพร้อมในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้กับเด็ก ๆ ตามไปด้วย ยิ่งถ้าลูกของเรายังเด็กอยู่แล้วล่ะก็ เราก็อาจจะต้องมีการเตรียมนม เสื้อผ้า หรือสิ่งต่าง ๆ ให้พร้อม เพราะเราไม่รู้ว่าในระหว่างการเดินทางนั้น ลูกของเราจะมีการงอแงเกิดขึ้นหรือเปล่า เพราะฉะนั้นหากเรามีความเตรียมพร้อมสิ่งนี้ก็จะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจขึ้นมามาก ๆ เชียวล่ะ
2. พยายามสนใจลูก
มาต่อกันที่ข้อนี้ ในการเดินทางด้วยความที่เขาเป็นเด็ก ๆ เขาก็จะรู้จักสังเกตจนบางครั้งอาจทำให้เด็ก ๆ มีข้อสงสัยเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นเขาก็อาจจะถามเราได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่นั้นคืออะไร ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะต้องคอยตอบคำถามเขาอยู่เรื่อย ๆ หรือบางคนก็อาจจะตอบลูกพร้อมกับอธิบายเหตุผลตามไปด้วย ในทางกลับกันหากเราไม่ตอบลูกเลย ปล่อยให้เขานั่งคุยอยู่คนเดียวสิ่งนี้ก็อาจจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกไม่ดีจนบางครั้งอาจงอแงขึ้นมาได้ง่าย ๆ เลย
3. ให้ลูกนั่งในท่าที่สบาย
สิ่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่สำคัญเช่นกัน เพราะการเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ กว่าจะถึง เพราะฉะนั้นเราควรที่จะให้ลูกนั่งในท่าที่สบายและรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด ยิ่งถ้าใครที่นั่งรถสาธารณะ เชื่อว่าเมื่อลูกพบเจอกับผู้คนมากมายเขาก็อาจจะรู้สึกเกร็งหรือไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ ดังนั้นเราก็อาจจะต้องพยายามทำให้ลูกไม่รู้สึกกลัวและรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ได้อยู่ใกล้เรา
4. เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ๆ
อีกหนึ่งข้อที่จะช่วยทำให้ลูกของเรานั่งรถได้นานคือคุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ๆ เพราะด้วยความที่เขาเป็นเด็ก ๆ เขาก็มักจะเรียนแบบพฤติกรรมจากสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นหากเราอยากที่จะให้ลูกของเรานั่งรถได้นาน ๆ ไม่งอแงและสามารถนั่งกับคนอื่น ๆ ได้ เราก็จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก พยายามนั่งด้วยความเรียบร้อย ไม่เดินไปเดินมาหรือพูดคุยเสียงดัง เพียงเท่านี้ก็อาจจะช่วยทำให้เด็ก ๆ สามารถนั่งได้นานขึ้นมาได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกปลูกถั่วงอก ด้วยวิธีง่ายๆ ไว้กินเองที่บ้าน ทำยังไงบ้าง?
5. ไม่ควรบังคับลูก
แน่นอนว่าหากคุณพ่อคุณแม่อยากที่จะให้เด็ก ๆ นั่งรถได้นานเวลาไปไหนมาไหน สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งเลยคือเราไม่ควรที่จะบังคับลูก เพราะเมื่อไหร่ที่เราไปบังคับหรือกดดันเขาจนเกินไป สิ่งนี้อาจจะทำให้เด็ก ๆ ทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราบอกได้เลย หรือบางคนก็อาจจะงอแงและรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาได้ ดังนั้นหากเราอยากที่จะให้เด็ก ๆ เชื่อฟังในสิ่งที่เราบอก เราจะต้องคุยกับเขาด้วยความใจเย็น คุยด้วยเหตุผลว่าเพราะอะไรเราถึงอยากให้เขานั่งตรงนี้ หรือเพราะอะไรเราถึงอยากให้เราทำแบบนี้ เชื่อเลยว่าหากเรามีเหตุผลในการพูดคุยกับลูกทุกครั้ง พูดคุยด้วยความใจเย็นไม่อารมณ์ร้อน หรือโวยวายใส่เขา เด็ก ๆ จะต้องรู้สึกแฮปปี้ตลอดทุกการเดินทางอย่างแน่นอน
(รูปจาก shutterstock.com)
หากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังอยากรู้เทคนิคว่าควรทำอย่างไร จะได้ฝึกให้เด็ก ๆ สามารถนั่งรถสาธารณะครั้งแรกได้ หรือมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้เขาสามารถนั่งรถได้นานโดยที่ไม่งอแงเวลาเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ สามารถเข้ามาอ่านได้เลยนะคะ เพราะวันนี้เราได้นำข้อมูลดี ๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคนให้ได้รู้กันแล้ว
บทความที่น่าสนใจ :
เลือกชุดเที่ยวเขา ยังไงให้เหมาะกับลูก? เรามาดูเทคนิคไปพร้อม ๆ กัน
เที่ยวราชบุรี 1 วัน พาลูกเที่ยวไหนดี? อุทยานเขางู ตอบโจทย์!
หยุดยาวนี้! พาลูกเที่ยวปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน ที่เที่ยวที่ใคร ๆ ก็หลงรัก
ที่มา : cartrack, mthai
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!