ทํายังไงไม่ให้ท้อง หลายคู่ หลายครอบครัว มักจะกังวลถึงการตั้งครรภ์เมื่อตนยังไม่พร้อม การป้องกันการตั้งครรภ์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคู่รัก ที่ยังไม่พร้อมกับการวางแผนชีวิตครอบครัว เรามาดูกันดีกว่าว่า วิธีป้องกันสำหรับคนที่ยังไม่พร้อมมีลูก จะมีอะไรบ้าง และสามารถทำได้อย่างไร ปลอดภัยกับตนเองหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : แล้วฉันก็เจอกับตัวเอง ‘ท้องก่อนแต่ง’
การวางแผนครอบครัว เป็นเรื่องใหญ่ที่จำเป็นจะต้องนึกถึง นั่นคือการวางแผนมีลูก บางท่านเรื่องเงินไม่มีปัญหา แต่หาคนเลี้ยงที่ไว้ใจไม่ได้ หรือบางคน พร้อมจะเลี้ยงแต่ติดเรื่องค่าใช้จ่าย หรือมีลูกคนแรกแล้ว แต่พักท้อง สัก 2 ปี เลี้ยงลูกคนโตให้เต็มที่ หรือบางคู่ ยังเป็นวัยรุ่น และยังไม่ถึงวัยที่จะมีลูก แต่ละท่านก็ต่างเหตุผลกันไป ฉะนั้น การคุมกำเนิดจึงต้องเข้ามาอยู่ในแผนของชีวิตคู่ มาดูกันสิว่า ทํายังไงไม่ให้ท้อง วิธีป้องกันสำหรับคนที่ยังไม่พร้อมมีลูก
4 วิธีคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากท้องต้องเลิกทำ
1. หลั่งนอก กลั้นอสุจิ
การหลั่งนอก และการกลั้นอสุจิ ไม่ให้ไหลเข้าไปในช่องคลอดนั้น เป็นวิธีคุมกำเนิด ที่นิยมทำกันมากในหมู่วัยรุ่น เพราะสะดวก และไม่เสียค่าใช้จ่าย และทำได้ทุกเมื่อ แต่การกลั้นไม่ให้อสุจิหลั่งเข้าไปในช่องคลอด ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้เลยว่า คุณจะกลั้นได้ทั้งหมด เพราะอสุจิบางตัว อาจจะติดมากับสารหล่อลื่นที่ออกมา ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ฉะนั้นแล้ว การหลั่งนอก หรือการกลั้นอสุจิ จึงเป็นวิธีการคุมกำเนิด ที่มีประสิทธิภาพต่ำมาก
บทความที่เกี่ยวข้อง : หลั่งนอกไม่ท้องไม่มีจริง เลือกความเชื่อผิด ๆ ว่าหลั่งนอกจะไม่ท้อง
2. สวนล้างช่องคลอด
การสวนล้างช่องคลอด คือการใช้น้ำสวนเข้าไปในช่องคลอด เพื่อชำระคราบอสุจิออกมา ซึ่งวิธีคุมกำเนิดนี้ เป็นวิธีที่ไม่แนะนำที่สุด เพราะจะทำให้ภายในช่องคลอดได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังทำให้ สภาพแวดล้อมในช่องคลอดเปลี่ยนไป เพิ่มโอกาสการติดเชื้อต่าง ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความเชื่อที่ว่า หากใช้น้ำที่มีด่างผสมเข้าไปล้างช่องคลอด จะช่วยให้ไม่ท้อง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมาก เพราะน้ำที่เป็นด่าง จะทำให้ สมดุลในช่องคลอดเสีย แถมยังอันตราย และไม่ได้ลดความเสี่ยง ในการตั้งครรภ์ลงเลย
3. ปัสสาวะทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์
การปัสสาวะทันที หลังการมีเพศสัมพันธ์นั้น แท้จริงแล้ว จะช่วยลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อของท่อปัสสาวะ เพราะหลังการมีเพศสัมพันธ์ จะมีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะสูง การที่ปัสสาวะออกมาทันที จะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ในทางเดินปัสสาวะได้ แต่ไม่ได้ช่วย ลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ
4. การนับ หน้า 7 หลัง 7
การนับ หน้า 7 หลัง 7 หรือในทางการแพทย์ เรียกว่า Fertility Awareness Method คือการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวันที่จะมีประจำเดือน 7 วัน และหลังวันแรก ที่มีประจำเดือนอีก 7 วัน แม้จะเป็นวิธีการคุมกำเนิด ที่ดีกว่าวิธีอื่น ที่กล่าวมาข้างต้น แต่ก็มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงเหมือนกัน เพราะวิธีนี้ เหมาะสำหรับคนที่ สุขภาพร่างกายแข็งแรง และประจำเดือน มาอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ไม่เหมาะกับคนที่ประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน และต้องให้แน่ใจว่า เลือดที่ออกมา คือประจำเดือนจริง ๆ ไม่ใช่เลือดที่เกิดจากแผล หรือเลือดที่ออกอย่างผิดปกติ
6 วิธีคุมอย่างไร ไม่ให้ท้อง
ถ้าไม่อยากท้องต้องใส่ใจกับวิธีป้องกันทั้ง 8 วิธีที่เรากำลังจะกล่าวถึง อย่างเคร่งครัดนะคะ
1. คุมกำเนิดแบบถาวร เป็นการทำหมันแบบถาวร โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ คุณจะต้องมั่นใจแล้วว่า วิธีนี้คุณต้องแน่ใจแล้วว่าไม่ต้องการมีลูกอีก สามารถทำได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย
- ทำหมันชาย คือ การเจาะรูเล็ก ๆ ประมาณ 1 เซนติเมตร เข้าไปผูกท่อนำตัวอสุจิ ใช้เวลาน้อยกว่าการทำหมันหญิงมาก มีแผลเพียงเล็กน้อย และไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาลแต่อย่างใด และไม่มีผลใด ๆ ต่อสมรรถภาพทางเพศ
- ทำหมันหญิง จะคล้ายผู้ชาย คือ การผ่าตัดผูกท่อนำไข่ เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวอสุจิเข้าไปผสมกับไข่ที่ปีกมดลูก คุณแม่ท่านใดที่ตัดสินใจทำหมันหลังจากคลอดลูกภายใน 24 ชั่วโมง จะเรียกว่าทำหมันเปียก แต่ถ้ามาทำภายหลัง เรียกว่า ทำหมันแห้ง
2. การสวมถุงยางอนามัย เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดหาซื้อได้ง่าย ใช้ง่าย ราคาไม่แพง สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย ปัจจุบันมีออกมาจำหน่ายมากมายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิว ความหนา-บาง กลิ่น หรือบางชนิดก็มีการเคลือบสารเคมีฆ่าเชื้ออสุจิ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความพอใจ แต่มีข้อควรระวังคือ “ผู้หญิงบางคนอาจจะมีอาการแพ้วัสดุที่ผลิตถุงยางได้” ดังนั้น ควรเลือกถุงยางที่ผลิตจากยางธรรมชาติ จะดีที่สุด
3. ทานยาคุมกำเนิด เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่นิยมใช้ในการคุมกำเนิดกันมากที่สุด และให้ผลดี ซึ่งตัวยาจะส่งผลทำให้ไข่ไม่ตก แต่ก็จะเป็นหน้าที่ของทางผู้หญิงที่ต้องไม่ลืมรับประทานยา เพราะถ้าลืมบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้ การทานยาคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเกิดการผิดพลาดทำให้เกิดการตกไข่ขึ้นมาได้ และการรับประทานยาคุมกำเนิดนี้ อาจจะมีอาการแพ้สำหรับบางคน หรือมีประจำเดือนผิดปกติ จึงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกรับประทานยาชนิดนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลืมกินยาคุม 2 วัน จะทำอย่างไรดี มีผลกระทบหรือไม่?
4. การฝังยาคุมกำเนิด เป็นการนำฮอร์โมนมาฝังไว้ใต้ผิวหนัง บริเวณแขนด้านใน ซึ่งเมื่อฝังยานี้เข้าไปแล้ว จะสามารถคุมกำเนิดได้ถึง 3 – 5 ปี ถ้าคู่ไหนคิดว่าต้องการวางแผนคุมกำเนิดระยะยาว วิธีนี้ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีอีกวิธีหนึ่งเช่นกัน
5. การฉีดยาคุมกำเนิด วิธีนี้จะเหมาะกับคุณผู้หญิงที่ชอบลืมกินยา การใช้วิธีฉีดยาคุมกำเนิด ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์คุมกำเนิดได้ประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง เช่นเดียวกับชนิดทาน แต่มีข้อเสีย คือ จะส่งผลให้ประจำเดือนไม่มาในบางราย หรือมากะปริบกะปรอย ซึ่งอาจจะสร้างความอึดอัด หรือรำคาญให้กับคุณได้ และอาจจะเกิดอาการแพ้ยาในผู้หญิงบางคนได้เช่นกัน
6. การใส่ห่วงอนามัย เป็นการใส่เครื่องมือในโพรงมดลูก เหมาะกับผู้หญิงที่เคยมีลูกแล้ว และมีอาการแพ้ยาคุมชนิดรับประทานหรือฉีด ห่วงอนามัยจะมีหลายชนิด ทั้งชนิดที่มีตัวยา และไม่มีตัวยาใดๆ การใส่ห่วงต้องให้คุณหมอเป็นผู้ใส่ให้ อยากมีลูกตอนไหน ก็ให้คุณหมอถอดออกให้ และโดยปกติจะใส่ครั้งละ 3 ปี
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการคุมกำเนิดแบบใดนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณจำเป็นจะต้องคำนึงถึงสุขภาพของตัวคุณเป็นอันดับแรก และเลือกการคุมกำเนิด ที่สะดวก และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณเอง และถ้าตัดสินใจได้แน่นอนแล้วว่า ไม่ขอมีลูกอีกแล้ว ก็แนะนำให้ทำหมันแบบถาวรเพื่อความสบายใจ สบายตัว แต่จะเป็นฝ่ายไหนที่ไปทำ ก็ต้องแล้วแต่ตกลงกันนะคะ
ที่มา : rama.mahidol
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!