X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ริดสีดวงหลังคลอด สาเหตุ อาการ และวิธีรับมือสำหรับคุณแม่

บทความ 8 นาที
ริดสีดวงหลังคลอด สาเหตุ อาการ และวิธีรับมือสำหรับคุณแม่

ริดสีดวงหลังคลอดเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคุณแม่หลังคลอดบุตร ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและการทำกิจวัตรประจำวัน

สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการคลอดบุตร การดูแลสุขภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งในปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและสร้างความกังวลใจคือ ริดสีดวงหลังคลอด theAsianparent จะชวนคุณแม่มาทำความเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยง อาการที่ควรสังเกต และที่สำคัญที่สุดคือ วิธีการดูแลตัวเองและรับมือกับริดสีดวงอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณแม่สามารถกลับมามีสุขภาพที่ดีและมีความสุขกับการเลี้ยงดูลูกน้อยได้อย่างเต็มที่

 

ริดสีดวงหลังคลอด …ทำความรู้จัก “ริดสีดวงทวาร” คืออะไร?

ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids หรือ Piles) คือ ภาวะที่เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักและส่วนปลายของลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (Rectum) คล้ายกับเส้นเลือดขอดที่ขา แต่เกิดขึ้นที่บริเวณขอบทวารหนักหรือภายในทวารหนัก ลองจินตนาการภาพ บริเวณทวารหนักของเรามีกลุ่มหลอดเลือดดำเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยในการควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ เมื่อแรงดันในบริเวณนี้เพิ่มสูงขึ้น เช่น จากการเบ่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน ท้องผูกเรื้อรัง การตั้งครรภ์ หรือน้ำหนักตัวมากเกินไป หลอดเลือดดำเหล่านี้ก็จะขยายตัวและโป่งพองออกมา กลายเป็น “ริดสีดวงทวาร” ในที่สุด

ริดสีดวงทวารสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ ตามตำแหน่งที่เกิดขึ้น

  1. ริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids): เกิดขึ้นบริเวณใต้ผิวหนังรอบขอบทวารหนัก คุณสามารถคลำเจอก้อนเนื้อนิ่มๆ ได้ มักมีอาการเจ็บปวด คัน หรือระคายเคือง โดยเฉพาะเมื่อเกิดการอักเสบหรือมีลิ่มเลือดอุดตัน (Thrombosed External Hemorrhoid)
  2. ริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids): เกิดขึ้นภายในทวารหนัก มักไม่มีอาการเจ็บปวดในระยะแรก แต่อาจมีเลือดสดๆ ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ หรือหลังถ่ายอุจจาระ ริดสีดวงภายในสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้ตามการยื่นออกมาจากทวารหนัก
  • ระดับที่ 1: มีเลือดออก แต่ริดสีดวงไม่ยื่นออกมา
  • ระดับที่ 2: ริดสีดวงยื่นออกมาขณะเบ่งถ่าย แต่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง
  • ระดับที่ 3: ริดสีดวงยื่นออกมาขณะเบ่งถ่าย และต้องใช้นิ้วดันกลับเข้าไป
  • ระดับที่ 4: ริดสีดวงยื่นออกมาอยู่ภายนอกตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ และมักมีอาการเจ็บปวด

สรุปง่ายๆ ก็คือ ริดสีดวงทวารคือภาวะที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพอง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น เลือดออก เจ็บปวด คัน หรือมีก้อนเนื้อยื่นออกมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งภายนอกและภายในทวารหนัก การทำความเข้าใจว่าริดสีดวงทวารคืออะไร จะช่วยให้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ได้นั่นเอง

Advertisement

ริดสีดวงหลังคลอดสาเหตุที่ทำให้เกิดริดสีดวงในคุณแม่หลังคลอด

ริดสีดวงหลังคลอด …สาเหตุที่ทำให้เกิดริดสีดวงในคุณแม่หลังคลอด

ริดสีดวงหลังคลอด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคุณแม่หลังคลอดบุตร ซึ่งมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้เกิดภาวะนี้ได้ ดังนี้

1. การขยายตัวของมดลูกและแรงดันในช่องท้อง: ในระหว่างการตั้งครรภ์ มดลูกจะขยายขนาดขึ้นอย่างมากเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงขนาดของทารกที่ใหญ่ขึ้น จะเพิ่มแรงดันในช่องท้องและกระดูกอุ้งเชิงกราน แรงดันที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดจากบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกรานกลับสู่หัวใจทำได้ยากขึ้น ทำให้เลือดคั่งค้างและโป่งพองบริเวณหลอดเลือดดำรอบทวารหนัก จนก่อตัวเป็นริดสีดวงในที่สุด

2. อาการท้องผูก: คุณแม่ที่อยู่ในช่วงใกล้คลอดมักประสบปัญหาท้องผูกได้ง่าย เนื่องจากมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะกดทับบริเวณหน้าท้องและลำไส้ใหญ่ ส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารและการเคลื่อนไหวของลำไส้ เมื่อเกิดอาการท้องผูก คุณแม่จะต้องนั่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานานและออกแรงเบ่งมากขึ้น ซึ่งการเบ่งถ่ายที่รุนแรงนี้จะเพิ่มแรงดันให้กับหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนัก ทำให้โป่งพองและกลายเป็นริดสีดวงได้

3. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ในขณะตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายจะสูงขึ้น ฮอร์โมนนี้มีผลทำให้ผนังหลอดเลือดคลายตัวและอาจบวมพองได้ง่ายขึ้น ซึ่งรวมถึงหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักด้วย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงเพิ่มขึ้น

4. ขนาดของทารกและการเบ่งคลอด: การคลอดทารกที่มีน้ำหนักมาก (มากกว่า 3.8 กิโลกรัม) และการออกแรงเบ่งอย่างมากในระหว่างการคลอดธรรมชาติ จะเพิ่มแรงดันโดยตรงต่อบริเวณทวารหนักและอุ้งเชิงกราน แรงดันที่สูงนี้สามารถทำให้หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพองและเกิดริดสีดวงหลังคลอดได้

5. ระยะเวลาในการคลอดนาน: การใช้เวลาในการคลอดบุตรนานกว่า 12 ชั่วโมง ทำให้ร่างกายส่วนล่าง โดยเฉพาะบริเวณทวารหนักและอุ้งเชิงกราน ได้รับแรงดันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวงหลังคลอด

6. การรับประทานอาหารเสริมบางชนิด: อาหารเสริมบางชนิด เช่น อาหารเสริมธาตุเหล็ก อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารและนำไปสู่อาการท้องผูก ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดริดสีดวง

7. วิธีการคลอด: การคลอดธรรมชาติที่ต้องออกแรงเบ่งบริเวณช่องคลอด รวมถึงการคลอดทางช่องคลอดโดยอาศัยเครื่องมือช่วยคลอด (Instrumental vaginal delivery) เช่น การใช้คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศ อาจเพิ่มแรงดันให้กับหลอดเลือดบริเวณทวารหนักจนโป่งพองและเกิดเป็นริดสีดวงหลังคลอดได้

การทำความเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้ จะช่วยให้คุณแม่หลังคลอดสามารถตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงและหาวิธีป้องกันหรือรับมือกับภาวะริดสีดวงหลังคลอดได้อย่างเหมาะสมค่ะ

 

ริดสีดวงหลังคลอด อาการที่พบบ่อยในคุณแม่หลังคลอด

คุณแม่หลังคลอดที่ประสบปัญหาริดสีดวง อาจมีอาการแสดงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของริดสีดวง โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

1. มีก้อนเนื้อรอบปากทวารหนัก: คุณแม่อาจคลำเจอก้อนเนื้อนิ่มๆ บริเวณขอบทวารหนัก ซึ่งมักเป็นอาการของ ริดสีดวงทวารภายนอก หรือ ริดสีดวงทวารภายในระดับที่ 3 หรือ 4 ที่ยื่นออกมาภายนอก

2. เจ็บปวดขณะถ่ายอุจจาระ: อาการเจ็บปวดมักเกิดขึ้นเมื่อมีการเบ่งถ่าย หรือเมื่ออุจจาระแข็งและเสียดสีกับริดสีดวงที่กำลังอักเสบ โดยเฉพาะ ริดสีดวงทวารภายนอก ที่มีการอักเสบหรือมีลิ่มเลือดอุดตัน จะทำให้รู้สึกเจ็บปวดมาก

3. เจ็บทวารหนัก และทวารหนักบวม: บริเวณทวารหนักอาจรู้สึกตึง บวม และเจ็บ โดยเฉพาะเมื่อริดสีดวงมีการอักเสบ บวม หรือมีภาวะแทรกซ้อน

4. อาการคันบริเวณทวารหนัก: ความชื้นและเมือกที่อาจออกมาจากริดสีดวง สามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองและคันบริเวณรอบทวารหนักได้

5. มีเลือดปนในอุจจาระ: มักเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยเลือดที่ออกมามักเป็นเลือดสดๆ สีแดง อาจหยดออกมาหลังถ่ายอุจจาระ หรือปนออกมากับอุจจาระ โดยเฉพาะในกรณีของ ริดสีดวงทวารภายใน

6. รู้สึกเหมือนถ่ายอุจจาระไม่สุดทั้งที่เพิ่งถ่ายเสร็จ: ริดสีดวงที่บวมโตอาจทำให้รู้สึกเหมือนมีสิ่งกีดขวางอยู่ในทวารหนัก แม้จะเพิ่งถ่ายอุจจาระเสร็จแล้วก็ตาม

7. มีเมือกติดอยู่ที่กางเกงชั้นในหรือกระดาษชำระที่ใช้เช็ดบริเวณทวารหนัก: ริดสีดวง โดยเฉพาะริดสีดวงภายใน อาจมีการผลิตเมือกออกมา ทำให้รู้สึกเปียกชื้นและมีเมือกติดอยู่ที่บริเวณทวารหนักหรือบนกระดาษชำระ

ซึ่งคุณแม่อาจมีอาการเหล่านี้รุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากอาการบางอย่างอาจคล้ายคลึงกับภาวะสุขภาพอื่นๆ ได้

วิธีรักษา ริดสีดวงหลังคลอด

บทความจากพันธมิตร
นมสำหรับเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สร้างสมองไว เสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง ที่แม่ยุคใหม่เลือก
นมสำหรับเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สร้างสมองไว เสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง ที่แม่ยุคใหม่เลือก
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก
โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก

วิธีรักษา ริดสีดวงหลังคลอด แนวทางการดูแลตัวเองเบื้องต้น

สำหรับคุณแม่หลังคลอดที่กำลังเผชิญกับปัญหาริดสีดวง การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการและส่งเสริมให้ริดสีดวงดีขึ้นได้ โดยมีแนวทางเบื้องต้นดังนี้

  • บรรเทาอาการปวด

1. รับประทานยาพาราเซตามอล: สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่ไม่รุนแรงบริเวณทวารหนักได้ คุณแม่ควรรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

2. ประคบเย็น: การใช้แผ่นเจลเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณทวารหนักวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 20-30 นาที สามารถช่วยลดอาการปวด บวม และอักเสบได้ โดยควรห่อด้วยผ้าบางๆ ก่อนสัมผัสผิวหนังโดยตรงเพื่อป้องกันการระคายเคืองจากความเย็นจัด

  • จัดการอาการท้องผูก

1. รับประทานยาระบายที่ออกฤทธิ์ทำให้อุจจาระนิ่ม (Stool softener laxatives): ยาในกลุ่มนี้จะช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้น ทำให้ถ่ายได้ง่ายขึ้นและลดการระคายเคืองบริเวณริดสีดวง อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับอาการและสภาวะสุขภาพของคุณแม่

2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร: เน้นการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายง่ายขึ้น

  • การดูแลสุขอนามัยบริเวณทวารหนัก

1. แช่น้ำอุ่น (Sitz Bath): การแช่น้ำอุ่นในระดับที่ท่วมเฉพาะบริเวณสะโพกและทวารหนัก วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักคลายตัว ลดอาการปวดและบวม รวมถึงช่วยให้ริดสีดวงหดตัวลงได้

2. ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: หลังถ่ายอุจจาระ ควรทำความสะอาดบริเวณทวารหนักด้วยน้ำเปล่า หรือใช้ทิชชู่เปียกสำหรับเด็กที่ไม่ผสมน้ำหอมและแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระที่แห้งและแข็งกระด้าง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น

3. หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่าย: พยายามหลีกเลี่ยงการเบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆ หรือนั่งถ่ายเป็นเวลานาน หากรู้สึกว่ายังไม่พร้อมถ่าย ควรลุกจากห้องน้ำก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่เมื่อรู้สึกปวดถ่ายจริงๆ

วิธีการเหล่านี้เป็นการดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อบรรเทาอาการ หากอาการริดสีดวงไม่ดีขึ้น มีเลือดออกมาก หรือมีอาการปวดรุนแรง คุณแม่ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจพิจารณาการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การใช้ยาเหน็บ ยาทา หรือการรักษาด้วยหัตถการต่างๆ หากจำเป็น

 

การดูแลตนเองเพื่อหลีกเลี่ยง ริดสีดวงหลังคลอด 

แม้ว่า ริดสีดวงหลังคลอด อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร แต่คุณแม่ก็สามารถดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดภาวะนี้ได้

  • ใส่ใจเรื่องอาหาร

1. รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง: การเพิ่มปริมาณใยอาหารในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไฟเบอร์จะช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม มีปริมาตรมากขึ้น และเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ได้แก่

  • ผักใบเขียว: บรอกโคลี คะน้า กะหล่ำปลี ชะอม ผักบุ้ง ตำลึง
  • ผลไม้: อะโวคาโด ลูกพรุน ฝรั่ง มะละกอ กล้วย ส้ม
  • พืชตระกูลถั่ว: ถั่วลันเตา ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วแดง
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด: ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลโฮลเกรน

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: น้ำมีความสำคัญต่อระบบขับถ่าย ช่วยให้อุจจาระไม่แข็งกระด้างและขับถ่ายได้สะดวก คุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะผู้ที่ให้นมบุตร ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือมากกว่านั้น เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปในการผลิตน้ำนมและรักษาสมดุลของร่างกาย

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

1. หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานๆ: การอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานจะเพิ่มแรงดันให้กับหลอดเลือดบริเวณทวารหนัก พยายามเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ หากจำเป็นต้องนั่งให้นาน อาจหาเบาะรองนั่งที่ออกแบบมาสำหรับผู้มีปัญหาริดสีดวง

2. เปลี่ยนท่าให้นม: หากต้องให้นมนานๆ ลองเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงเพื่อลดแรงกดทับบริเวณทวารหนัก

3. หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่าย: เมื่อรู้สึกปวดอุจจาระ ควรรีบเข้าห้องน้ำทันที และพยายามถ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เบ่งแรงๆ หรือนั่งแช่อยู่นาน

4. ดูแลน้ำหนักตัว: ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดแรงกดทับในช่องท้องและอุ้งเชิงกราน

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

1. ขยับร่างกายเท่าที่ทำได้: การออกกำลังกายเบาๆ หรือการเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก ตัวอย่างการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดินเล่นในระยะทางสั้นๆ การว่ายน้ำ หรือโยคะสำหรับคุณแม่หลังคลอด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกายหลังคลอด

  • ดูแลสุขอนามัยบริเวณทวารหนัก

1. ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: หลังถ่ายอุจจาระ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า หรือทิชชู่เปียกที่ไม่ผสมน้ำหอมและแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีสารเคมีรุนแรง

2. ซับให้แห้ง: หลังจากทำความสะอาด ควรซับบริเวณทวารหนักให้แห้งสนิทด้วยผ้าเนื้อนุ่ม

 

การปฏิบัติตามแนวทางการดูแลตัวเองเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวงหลังคลอด และส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคุณแม่ในระยะยาว ดังนั้น คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ หากคุณแม่สังเกตพบความผิดปกติต่างๆ หลังคลอด ควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยอาการไว้

 

 

 

 

อ้างอิง

  1. โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids), โรงพยาบาล MedPark https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/hemorrhoids
  2. ริดสีดวงทวาร อาการที่บ่งบอกว่าเป็น !, คณะแพทยศาสาตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/ริดสีดวงทวาร-อาการที่บ่/
  3. อาการผิดปกติหลังคลอด…ปัญหาที่คุณแม่ควรรู้, โรงพยาบาลพญาไท https://www.phyathai.com/th/article/2042-อาการผิดปกติหลังคลอด___ป?
  4. ริดสีดวง หลังคลอด สาเหตุ อาการ วิธีรักษา, helloคุณหมอ https://hellokhunmor.com/การตั้งครรภ์/สุขภาพคุณแม่/ริดสีดวง-หลังคลอด-สาเหตุ-อาการ-วิธีรักษา/
  5. มารู้จักกับริดสีดวงทวาร, โรงพยาบาลบางปะกอก 3 https://www.bangpakok3.com/care_blog/view/164

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

อภิญญา คำเอก

  • หน้าแรก
  • /
  • หลังคลอด
  • /
  • ริดสีดวงหลังคลอด สาเหตุ อาการ และวิธีรับมือสำหรับคุณแม่
แชร์ :
  • ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

    ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

  • แม่รู้ไหม ลูกไอเวลานอน มีโรคอะไรแฝงอยู่?

    แม่รู้ไหม ลูกไอเวลานอน มีโรคอะไรแฝงอยู่?

  • แผลปลูกฝีเป็นหนอง ต้องดูแลยังไง? ลูกมีไข้ งอแงหลังปลูกฝี ปกติไหม?

    แผลปลูกฝีเป็นหนอง ต้องดูแลยังไง? ลูกมีไข้ งอแงหลังปลูกฝี ปกติไหม?

  • ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

    ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

  • แม่รู้ไหม ลูกไอเวลานอน มีโรคอะไรแฝงอยู่?

    แม่รู้ไหม ลูกไอเวลานอน มีโรคอะไรแฝงอยู่?

  • แผลปลูกฝีเป็นหนอง ต้องดูแลยังไง? ลูกมีไข้ งอแงหลังปลูกฝี ปกติไหม?

    แผลปลูกฝีเป็นหนอง ต้องดูแลยังไง? ลูกมีไข้ งอแงหลังปลูกฝี ปกติไหม?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว