ถอดรหัส ฝันไม่ดี ฝันร้ายฝันน่ากลัวของลูกน้อย ควรรับมืออย่างไร?

ฝันไม่ดี ฝันร้าย นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย เราจึงควรรู้ถึงสาเหตุของความฝันเหล่านี้ และดูแลจัดการอย่างเหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ฝันไม่ดี สำหรับผู้ใหญ่เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว เรื่องเล็กน้อยที่ว่านี้อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจทำให้เด็ก ๆ มีปัญหาสุขภาพจิตเมื่อโตขึ้นได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องตื่นนอนกลางดึกเพื่อมาปลอบขวัญเจ้าตัวเล็กเพราะลูกฝันร้าย ฝันไม่ดี ฝันน่ากลัวในขณะนอนหลับ เช่น วิ่งหนีผี ตกจากที่สูง หรือจมน้ำ เป็นต้น ดังนั้น ในฐานะผู้ปกครอง จึงควรรู้ถึงสาเหตุของความฝันเหล่านี้ และดูแลจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกน้อยที่หวาดผวาจากความฝันสงบลงและนอนหลับได้อย่างมีความสุข

 

ประเภทของฝันร้าย ฝันไม่ดีที่พบบ่อย

ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของซิกมันด์ ฟรอยด์ พูดถึงความฝันของคนเราว่าเกิดจากการเก็บกด ปิดกั้นของจิตใต้สำนึก ดังนั้นความฝันในเชิงจิตวิทยาจะบ่งบอกถึงสภาวะอยู่ดีมีสุข หรือทุกข์ร้อนของจิตใจ ดังนั้น ลักษณะฝันไม่ดี อาจแสดงถึงภาวะจิตใจที่มีความเครียด และความวิตกกังวล จากงานวิจัยพบว่าฝันร้ายอันดับต้น ๆ ที่คนมักจะฝันกันมากที่สุด ได้แก่

  • ฝันว่าตกจากที่สูง 39.5%
  • ฝันว่าโดนไล่ล่า หรือฝันว่าวิ่งหนี 25.7%
  • ฝันว่าเป็นอัมพาต ขยับตัวไม่ได้ 25.3%
  • ฝันว่าไปถึงที่หมายสาย 24.0%
  • ฝันว่าคนใกล้ชิดหายตัวไป หรือตาย 20.9%
  • ฝันถึงหนังผี 18.9%
  • ฝันว่าทำงานไม่เสร็จ 17.3%

บทความที่เกี่ยวข้อง : เมลาโทนิน สำหรับเด็ก ปลอดภัยจริงไหม? ผู้ปกครองควรรู้ก่อนให้ลูกกินยา

 

 

ทำไมลูกน้อยถึงฝันไม่ดี ฝันร้ายฝันน่ากลัว

ฝันไม่ดี หรือฝันร้ายนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ และทุกวัย โดยยังไม่สามารถชี้ชัดได้ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร ซึ่งอาจมาจากความเหนื่อยล้า หรือการพบเจอกับสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า สำหรับเด็ก ๆ แล้วในเด็กเล็กช่วงวัย 1-2 ขวบ จะสามารถสังเกตอาการภายนอกที่บ่งบอกว่าฝันร้าย คือการสะดุ้งตื่นกลางดึกและร้องไห้ แต่เนื่องจากเด็กเล็กอาจจะยังไม่รู้ว่านั่นคือฝันร้าย แค่รับรู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี

เด็ก ๆ จะเริ่มรู้ และแยกแยะความจริง และความฝันได้ ก็เมื่ออายุประมาณ 3-4 ขวบ นั่นคือเมื่อเขาสามารถสื่อสารถึงเรื่องราวที่ฝันได้นั่นเอง อาการฝันร้ายจะเริ่มเกิดขึ้นในเด็กที่มีอายุระหว่าง 3-6 ปีเป็นต้นไป และการฝันร้ายในเด็ก ๆ กลุ่มนี้ สามารถที่จะรบกวนคุณพ่อคุณแม่ได้ในกลางดึกมากถึงร้อยละ 10-50% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไปตอนต้นว่าสาเหตุของการฝันร้ายนั้นจะยังไม่มีความแน่นอน แต่อาการฝันร้ายของเด็ก ๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยเหล่านี้

ฝันร้ายอาจเชื่อมโยงมาจากเหตุการณ์ที่โรงเรียน โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่ทำให้เด็ก ๆ เป็นกังวล เช่น การไปโรงเรียน การได้รับความพ่ายแพ้ การถูกบูลลี่ ถูกเพื่อนแกล้ง กระทำความผิด หรือกำลังปกปิดความลับ ฝันร้ายเพราะถูกแยกจากพ่อหรือแม่ หรือถูกแยกออกมาจากทั้งพ่อและแม่

ฝันร้ายเพราะฉากในละคร อาจเป็นฉากที่มีความน่ากลัวหรือทำให้เด็ก ๆ รู้สึกกลัวจนเก็บเอาไปฝัน เช่นเดียวกันกับที่ผู้ใหญ่หลายคนเคยมีประสบการณ์กลัวผีเพราะดูละครที่เกี่ยวกับผีเมื่อครั้งยังเป็นเด็กนั่นเอง การที่เด็ก ๆ ฝันร้ายติดกันบ่อยครั้ง อาจมีสาเหตุมาจากการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : เด็กนอนหลับไม่สนิท ภาวะหลับยากในเด็ก เกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้

 

 

เทคนิคที่ช่วยให้ลูกน้อยนอนฝันร้ายฝันไม่ดี น้อยลง

คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะอาการเหล่านี้สามารถที่จะแก้ไขและรับมือได้ ด้วยเทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ลูกน้อยนอนฝันร้ายฝันไม่ดีน้อยลงได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • คอยดูแลให้ลูกนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

ดูแลตารางการเข้านอนของลูก เพื่อให้ลูกได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม การทำเช่นนี้มีแนวโน้มที่จะช่วยลดสาเหตุของการฝันร้ายได้

  • สร้างบรรยากาศก่อนการเข้านอน

ใช้เวลาสัก 30-60 นาที ในการพาเด็กออกห่างจากรายการทีวี หรือดนตรีที่น่ากลัว และเสี่ยงที่จะทำให้เด็กเก็บเอาไปฝัน เปลี่ยนมาเป็นการเล่านิทานให้ลูกฟัง หรือเล่าเรื่องราวอื่น ๆ ที่จรรโลงใจ ให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย และสนุกสนาน พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องราวที่น่ากลัวเพราะอาจจะทำให้ลูกเก็บเอาไปฝัน

  • ปลอบและอยู่ข้าง ๆ เมื่อลูกตกใจตื่นจากฝันร้าย

เมื่อลูกตกใจตื่น คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าไปกอด และปลอบลูกทันที เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย จนสามารถนอนหลับต่อไปได้ในที่สุด

  • ฝึกให้ลูกรู้จักผ่อนคลายตัวเอง

การสอนให้ลูกรู้จักวิธีผ่อนคลายตัวเองให้รู้สึกสบายตัวก่อนเข้านอน เช่น นอนในท่าที่สบาย ค่อย ๆ หายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายที่สุดก่อนหลับไป และวิธีนี้ยังใช้ได้ในเวลาที่ลูกตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • หาโอกาสพูดคุยกับลูกเรื่องความฝัน

พูดคุยถึงที่มาที่ไป รับฟังเหตุการณ์ของความฝันนั้น สอบถามเพื่อดูว่าช่วงนี้ลูกของคุณกำลังกังวลหรือเครียดกับสิ่งใดอยู่หรือไม่

  • สร้างความรู้สึกปลอดภัยในการนอน

เลือกซื้อตุ๊กตาหรือของเล่นชิ้นโปรดให้กับลูกไว้สำหรับนอนกอด เพราะการกอดจะทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและอุ่นใจ หรือหากเด็ก ๆ ต้องการที่จะเปิดไฟนอน ก็ให้เปิดไฟไว้จนกระทั่งแน่ใจว่าลูกของคุณหลับแล้วจึงปิดไฟ หรืออาจเลือกใช้ไฟที่ไม่สว่างมากจนเกินไปแต่ก็ไม่มืดสนิท อาจเป็นโคมไฟที่มีแสงนวลตา และให้แสงสว่างที่เพียงพอจะทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย

  • ใช้จินตนาการ

เด็กๆ หลายคนใช้จินตนาการในการเอาชนะฝันร้าย คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกเล่านิทานที่มีฮีโร่หรือนางฟ้าที่ออกมาช่วยเหลือเด็ก ๆ และอาจแนะนำลูกว่าถ้าเกิดฝันร้าย นางฟ้า และฮีโร่เหล่านี้จะออกมาช่วยลูก

บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกร้องไห้ขณะนอนหลับ มีสาเหตุมาจากอะไร? ฝันร้ายหรือเปล่า

 

 

ฝันร้ายขนาดไหนที่ไม่ธรรมดา ควรพาลูกไปพบคุณหมอ

ฝันร้าย ฝันน่ากลัวทำร้ายสุขภาพลูกได้มากกว่าที่คิด เพราะสำหรับเด็ก ๆ นั้นช่วงการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงเป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ยังเป็นช่วงที่เซลล์ต่าง ๆ กำเนิดใหม่อีกด้วย ทั้งเซลล์สมอง และเซลล์ร่างกาย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจหากลูกมีอาการดังต่อไปนี้

  • ลูกของคุณมีปัญหาในการตื่นนอนตอนเช้า อาจเป็นการตื่นสาย หรือเหนื่อย เพลียทุกครั้งที่ตื่นนอน
  • ลูกของคุณมักจะง่วงนอน และมีอาการหงุดหงิดในระหว่างวัน
  • อาการฝันร้ายแย่ลง มีอาการฝันร้ายถี่มากขึ้น ติดต่อกันเป็นประจำทุกวัน
  • ความฝันรบกวนชีวิตประจำวัน ทำให้ลูกกลัวมากขึ้น ไม่กล้านอน ตลอดจนมีอาการตกใจกลัวในช่วงกลางวัน จนพ่อแม่ผู้ปกครองเองไม่เป็นอันทำอะไร
  • ลูกมีความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือพฤติกรรม เช่น ไม่ยอมทำกิจกรรมที่เคยทำ ซึมเศร้า แสดงว่าเป็นอาการร่วมของความผิดปกติส่งผลต่อด้านอื่นๆ
  • มีอาการกรีดร้องขณะหลับ หรือร้องแล้วตกใจตื่น ตาเปิดสุดขีดหายใจเร็ว แต่ไม่รู้สึกตัวชั่วขณะเมื่อหลับต่อ ตื่นเช้ามาจะจำเรื่องที่ฝันไม่ได้ ลักษณะความฝันแบบนี้เกิดจากความผิดปกติจากการนอนหรือระบบประสาทเล็กน้อย เรียกว่า “Night terror”

แม้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือมีผลเสียใดที่น่ากังวล แต่สำหรับเด็ก ๆ ผู้ปกครองไม่ควรวางใจ และใช้มาตรฐานของความเป็นผู้ใหญ่ในการละเลยต่อปัญหาของเด็ก หากลูกของคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้นนี้ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้ จำเป็นต้องปรึกษาคุณหมอเพื่อรับการบำบัดรักษา

บทความที่เกี่ยวข้อง : ฝันร้ายกับละเมอฝันผวา ต่างกันอย่างไร?

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ที่มา : clevelandclinic

 

บทความที่คุณอาจจะสนใจ :

นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ จะมีผลเสียอะไรบ้าง และต้องนอนกี่ชั่วโมงถึงจะเพียงพอ?

วิธีการงีบหลับที่ดีที่สุด ในตอนกลางวันและไม่กระทบปัญหานอนไม่หลับช่วงกลางคืน

วิธีรักษาโรควิตกกังวล และโรคเครียด ด้วยวิธีทางธรรมชาติทำได้ที่บ้าน

บทความโดย

Narinrada Akrapram