ทำความสะอาดปอดของคุณด้วยวิธีธรรมชาติ ปอดที่แข็งแรงห่างไกลโรค

ทำความสะอาดปอด ทำได้ด้วยตัวเอง เทคนิคการทำความสะอาดปอดอาจไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่  แต่ยังรวมถึงผู้ที่ได้รับมลพิษทางอากาศเป็นประจำ และการรับ ฝุ่นละอองในอากาศ รวมถึงผู้ที่มีภาวะเรื้อรังที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคซิสติก ไฟโบรซิส การหายใจเอามลภาวะในอากาศ ควันบุหรี่ และสารพิษอื่นๆ สามารถทำลายปอดและแม้กระทั่งทำให้เกิดภาวะสุขภาพ การรักษาสุขภาพของปอดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาส่วนอื่นๆ ของร่างกายให้แข็งแรง

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4.2 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุการเสียชีวิต 1 ใน 5 คนในสหรัฐอเมริกา แต่จริงๆแล้วการที่ปอดถูกทำงาย อาจเกิดจากเชื่อไวรัสCovid-19 รวมทั้งการได้รับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ในระยะเวลานาน ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการบางอย่างที่ผู้คนสามารถใช้ทำความสะอาดปอดได้ด้วยตัวเอง อาจจะไม่ใช่การรักษาอาการโรคปอดแต่ ถือเป็นวิธีธรรมชาติที่ป้องกันและบรรเทาก่อนจะเกิดโรคร้ายแรงได้ค่ะ

เป็นไปได้ไหมที่จะ ทำความสะอาดปอด ของคุณ?

สุขภาพปอดมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของบุคคล ปอดเป็นอวัยวะที่ทำความสะอาดตัวเอง ซึ่งจะเริ่มรักษาตัวเองเมื่อสัมผัสกับมลพิษ เช่น เมื่อมีคนเลิกสูบบุหรี่ หลังจากที่ปอดได้รับมลภาวะ เช่น ควันบุหรี่ หน้าอกของบุคคลอาจรู้สึกอิ่ม แน่น หรืออักเสบ เมือกสะสมในปอดเพื่อจับจุลินทรีย์และเชื้อโรค ซึ่งทำให้รู้สึกหนัก ผู้คนอาจใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อช่วยล้างปอดของเสมหะและสารระคายเคืองเพื่อบรรเทาอาการแน่นหน้าอกและอาการไม่สบายอื่นๆ วิธีการทำความสะอาดปอด เหล่านี้บางวิธีอาจเปิดทางเดินหายใจ เพิ่มความจุของปอด และลดการอักเสบ ซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบของมลภาวะและควันในปอด

บทความประกอบ: รายชื่ออาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านโควิท19 กินสิ่งนี้ร่างกายแข็งแรงต้านไวรัส

วิธีล้าง ทำความสะอาดปอด

ด้านล่างนี้ เรามาดูการออกกำลังกายการหายใจและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่สามารถช่วยกำจัดเมือกส่วนเกินออกจากปอดและปรับปรุงการหายใจ ทำความสะอาดปอด แบบง่ายๆมาฝากกันค่ะ

1. การบำบัดด้วยไอน้ำ

การบำบัดด้วยไอน้ำหรือการสูดดมไอน้ำเกี่ยวข้องกับการหายใจเอาไอน้ำเพื่อเปิดทางเดินหายใจและช่วยให้ปอดระบายเมือก ผู้ที่เป็นโรคปอดอาจสังเกตเห็นอาการแย่ลงเมื่ออากาศเย็นหรืออากาศแห้ง สภาพภูมิอากาศนี้อาจทำให้เยื่อเมือกในทางเดินหายใจแห้งและจำกัดการไหลเวียนของเลือด ในทางกลับกัน ไอน้ำจะเพิ่มความอบอุ่นและความชื้นในอากาศ ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงการหายใจและช่วยคลายเสมหะในทางเดินหายใจและปอด การหายใจเอาไอน้ำเข้าไปสามารถช่วยบรรเทาได้ในทันทีและช่วยให้ผู้คนหายใจได้ง่ายขึ้น

การศึกษาเล็กๆ เกี่ยวกับชาย 16 คนที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ซึ่งเป็นภาวะปอดที่ทำให้หายใจลำบาก พบว่าการบำบัดด้วยหน้ากากด้วยไอน้ำทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการรักษาโดยไม่ใช้หน้ากากด้วยไอน้ำ อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมไม่ได้รายงานการพัฒนาระบบทางเดินหายใจที่ยั่งยืน การบำบัดนี้อาจเป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวที่มีประสิทธิภาพ แต่นักวิจัยจำเป็นต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมก่อนที่จะเข้าใจถึงประโยชน์ของการบำบัดด้วยไอน้ำต่อสุขภาพปอดอย่างถ่องแท้

2. ควบคุมอาการไอ

การไอเป็นวิธีการขับสารพิษตามธรรมชาติของร่างกายที่ติดอยู่ในเมือก การไอที่ควบคุมจะคลายเสมหะส่วนเกินในปอด และส่งผ่านทางเดินหายใจ แพทย์แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังทำแบบฝึกหัดนี้เพื่อช่วยล้างปอด ผู้คนสามารถทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อทำความสะอาดปอดจากเมือกส่วนเกิน:

• นั่งบนเก้าอี้โดยให้ไหล่ผ่อนคลายโดยให้เท้าทั้งสองราบกับพื้น
• พับแขนไว้เหนือท้อง
• หายใจเข้าช้าๆ ทางจมูก
• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ดันแขนแนบกับท้อง
• ไอ 2 หรือ 3 ครั้งขณะหายใจออก โดยอ้าปากเล็กน้อย
• หายใจเข้าช้าๆ ทางจมูก
• พักผ่อนและทำซ้ำตามความจำเป็น

บทความประกอบ: วิตามินดีสามารถลดความเสี่ยงCOVID-19 ได้หรือไม่? และมีประโยชน์อย่างไร

3. ขับเสมหะออกจากปอด

การระบายน้ำในท่าเกี่ยวข้องกับการนอนในตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อใช้แรงโน้มถ่วงเพื่อขจัดเมือกออกจากปอด การปฏิบัตินี้อาจปรับปรุงการหายใจและช่วยรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อในปอด เทคนิคการระบายน้ำในท่าจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่ง:

1. นอนราบกับพื้นหรือเตียง

• วางหมอนไว้ใต้สะโพกเพื่อให้แน่ใจว่าหน้าอกอยู่ต่ำกว่าสะโพก
• หายใจเข้าช้าๆ ทางจมูก และหายใจออกทางปาก การหายใจออกแต่ละครั้งควรใช้เวลานานเป็นสองเท่าของการหายใจเข้า ซึ่งเรียกว่าการหายใจเข้า 1:2

2. นอนตะแคง

• นอนตะแคง วางศีรษะบนแขนหรือหมอน
• วางหมอนไว้ใต้สะโพก
• ฝึกรูปแบบการหายใจ 12
• ทำซ้ำในอีกด้านหนึ่ง

3. วางหมอนไว้ใต้ท้อง

• วางกองหมอนไว้บนพื้น นอนหงายท้องเหนือหมอน อย่าลืมให้สะโพกอยู่เหนือหน้าอก
• พับแขนไว้ใต้ศีรษะเพื่อรองรับ
• ฝึกรูปแบบการหายใจ 1 2 หายใจเข้าหายใจออก

4. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถปรับปรุงสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้คน และช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสุขภาพหลายอย่าง รวมทั้งโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ การออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการหายใจของร่างกาย ส่งผลให้มีออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนทำให้ร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อออกกำลังกาย

ร่างกายจะเริ่มปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของการออกกำลังกายเป็นประจำ กล้ามเนื้อจะได้เรียนรู้การใช้ออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพและผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง แม้ว่าการออกกำลังกายอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง แต่บุคคลเหล่านี้ยังสามารถได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วย ผู้ที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคซิสติก ไฟโบรซิส หรือโรคหอบหืด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มการออกกำลังกายแบบใหม่

บทความประกอบ:การออกกำลังกายสามารถช่วยโรคไบโพลาร์ ได้อย่างไร?

5. ดื่มชาเขียว

ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่อาจช่วยลดการอักเสบในปอดได้ สารเหล่านี้อาจปกป้องเนื้อเยื่อปอดจากอันตรายจากการสูดดมควันบุหรี่ การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งที่เชื่อถือได้ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่มากกว่า 1,000 คนในเกาหลีรายงานว่าผู้ที่ดื่มชาเขียวอย่างน้อย 2 ถ้วยต่อวันมีการทำงานของปอดได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเลย

6. อาหารต้านการอักเสบ

การอักเสบของทางเดินหายใจอาจทำให้หายใจลำบากและทำให้หน้าอกรู้สึกหนักและแน่น การรับประทานอาหารต้านการอักเสบสามารถลดการอักเสบเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ อาหารที่ช่วยต่อสู้กับการอักเสบ ได้แก่:

• ขมิ้น
• ผักใบเขียว
• เชอร์รี่
• บลูเบอร์รี่
• มะกอก
• วอลนัท
• ถั่ว

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารต้านการอักเสบได้ที่นี่ สุขภาพระบบทางเดินหายใจที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับว่าร่างกายสามารถกำจัดเมือกออกจากปอดและทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ผู้ที่ปอดเสียหายอาจมีเวลายากกว่าคนอื่นในการล้างเมือกออกจากระบบ ภาวะเรื้อรัง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด และซิสติก ไฟโบรซิส ทำให้เกิดการสร้างเมือกมากเกินไป หรือมีเสมหะหนาผิดปกติซึ่งอาจทำให้ปอดอุดตันได้

บทความประกอบ:อาหารต้านการอักเสบ วิธีลดการอักเสบตามธรรมชาติ ที่ควรรู้

เทคนิคการทำความสะอาดปอด รวมถึงการระบายน้ำทิ้ง การเคาะหน้าอก และการฝึกการหายใจ สามารถช่วยขับเสมหะออกจากปอดและทางเดินหายใจได้ การบำบัดด้วยไอน้ำอาจช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกหรืออาการทางเดินหายใจเรื้อรังได้ชั่วคราว การออกกำลังกาย การดื่มชาเขียว และการรับประทานอาหารต้านการอักเสบเป็นประจำ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่อาจช่วยให้สุขภาพปอดดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพได้ค่ะ

ที่มา: medicalnewstoday

บทความประกอบ :

10 สูตรน้ำผลไม้เพิ่มภูมิคุ้มกัน เครื่องดื่มเพิ่มภูมิคุ้มกันและแก้หวัด

เจ็บหน้าอกขวา เสี่ยงโรคปอดและโรคหัวใจ บอกสัญญาณโรคร้ายอะไรได้อีกบ้าง

ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และโควิดในเด็ก ที่พ่อแม่ควรแยกให้ออก