การโป๊เปลือยที่ต้องอาบน้ำพร้อมลูกเป็นเรื่องธรรมดาของแม่แทบทุกคน เป็นเพราะแม่ไม่อาจปล่อยลูกให้อาบน้ำเองเพียงลำพัง อีกทั้งการอาบน้ำด้วยกันยังเป็นการสร้างความใกล้ชิดระหว่างลูกน้อยกับคุณแม่ได้ดี แต่ในขณะที่ลูกเริ่มค่อย ๆ โตขึ้น คุณแม่เคยคิดไหมคะว่า แม่ควร อาบน้ำกับลูก ถึงตอนไหน เลิกโป๊ต่อหน้าลูกเมื่อไหร่ดี ?
ควร อาบน้ำกับลูก ถึงตอนไหน
ลูก อาบน้ำกับแม่
#การต้องโป๊ต่อหน้าลูกคือการที่ต้องอาบน้ำไปด้วยพร้อมลูกที่ต้องการประหยัดเวลาและไม่อาจปล่อยให้เจ้าตัวเล็กอยู่ตามลำพัง
แน่นอนว่าคุณแม่สามารถอาบน้ำไปพร้อม ๆ กับลูกได้ เพราะนี้คือกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้แม่ลูกใกล้ชิดและผูกพัน อีกทั้งสอนลูกสาวให้เข้าใจสรีระของผู้หญิงว่าเป็นอย่างไร รวมถึงสอดแทรกเรื่องอื่น ๆ เข้าไปในขณะที่อาบน้ำ เช่น การล้างทำความสะอาดร่างกายทุกส่วน รวมถึงจุดสงวนที่ควรดูแล การรักนวลสงวนตัว ฯลฯ คุณแม่สามารถโป๊เปลือยต่อหน้าลูกได้ หากพิจารณาดูความเหมาะสมและอายุของลูกยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
#เมื่อไหร่ก็ตามที่มองเห็นว่าลูกเริ่มเขินอาย รู้สึกอึดอัดใจ ก็ถึงเวลาที่แม่ควรเลิกโป๊ต่อหน้าลูกได้แล้ว
เมื่อเด็กเริ่มโตขึ้นและต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เขาจะเริ่มแสดงความอึดอัดใจหรือเขินอายที่ต้องโป๊เปลือยต่อหน้าแม่หรือแม้แต่ต้องมองคุณแม่โป๊ต่อหน้าลูก ดังนั้นได้เวลาแล้วล่ะที่คุณแม่ต้องคิดถึงความรู้สึกของลูกเป็นสำคัญ โดยเคารพสิทธิ์ของลูกและปล่อยให้เขาดูแลตัวเองในขณะที่อาบน้ำลำพัง
#เมื่อไหร่ที่ลูกต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น คือสัญญาณที่คุณแม่ควรจะเลิกโป๊เปลือยต่อหน้าลูกเสียที
ลูกบางคนเริ่มมองว่าในขณะที่แม่โป๊เปลือยต่อหน้าลูกนั้นไม่เหมาะสมกับพวกเขาแล้ว บางคนถึงขนาดที่ลูกไล่ให้ไปเสื้อผ้าแม้ว่าจะแก้ผ้าเปลือยเปล่าในห้องนอนตัวเองก็เถอะ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าลูกกำลังรู้จักโตและมองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้สึกเขินอาย ไม่กล้ามอง ไม่เหมือนกับตอนลูกเป็นเด็กเล็ก ๆ แล้วนะ ถึงเวลาที่คุณแม่ควรเลิกเดินเปลือยชิล ๆ ได้แล้ว
ลูก อาบน้ำกับแม่ อาบน้ำกับลูก ถึงตอนไหนดี อาบน้ำกับแม่
การที่แม่โป๊เปลือยที่จะอาบน้ำพร้อมกับลูกในตอนที่ลูกยังเล็ก ๆ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่เรื่องผิด หรือเป็นสิ่งที่คุณแม่ไม่ควรทำ ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ได้จำกัดเรื่องอายุที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของลูกเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการเลี้ยงดู ขนบธรรมเนียมประเพณี สภาพแวดล้อมและสังคมที่อยู่อาศัย
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่คุณแม่มองเห็นแล้วว่าลูกชายหรือลูกสาวนั้นโตขึ้นพอที่จะช่วยเหลือตัวเอง เข้าวัยเรียนที่พอจะรู้อะไรหลายอย่าง หรือลูกเริ่มปฏิเสธที่จะให้คุณแม่เข้าไปช่วยตอนอาบน้ำ และเริ่มถามหาถึงความเป็นส่วนตัว นั้นแสดงว่าเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวัยของพวกเขาแล้ว คุณแม่ก็ควรเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเลิกโป๊เปลือยต่อหน้าลูก ทำทุกอย่างให้รัดกุมขึ้น หรืออยู่ในเฉพาะห้องส่วนตัว เพื่อทำพฤติกรรมให้เหมาะสมเป็นตัวอย่างที่ดี และไม่เกิดการเลียนแบบในสิ่งที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าลูกนะคะ
บทความอื่นที่น่าสนใจ : ลูกกลัวการอาบน้ำ จะทำอย่างไรดีเมื่อเด็ก ๆไม่ชอบที่อาบน้ำ งอแงทุกครั้งที่อาบน้ำ
ลูก อาบน้ำกับแม่ เลิก อาบน้ำกับลูก ตอนไหนจึงจะเหมาะสม อาบน้ำกับแม่
ลูกขี้อาย ทำไงดี
ลูกขี้อาย ทำไงดี เป็นอีกปัญหาที่ผู้ปกครองหลายท่านกลุ้มใจ อย่าให้การขี้อายของลูก กลายเป็นข้อบกพร่อทางสังคม พ่อแม่ควรเช็คให้ดี ถ้าเบบี๋อยู่ในวัย 2-6 ขวบแล้ว ขี้อายถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าโตแล้วยังเป็นอยู่ให้ เตือนพ่อแม่เลย ระวังลูกจะกลายเป็นเป้าให้เพื่อนแกล้ง และอาจจะกลายเป็นโรคออทิสติกได้ แล้วพ่อแม่จะวิธีช่วยให้ ลูกขี้อาย กลายเป็นคนที่มีความมั่นใจได้อย่างไร
ลูกขี้อายเกิดผลเสียอย่างไร
เด็กที่มีนิสัยขี้อาย ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง เงียบขรึม อ่อนแอ ไม่มีเพื่อน มักจะตกเป็นเป้าหมายของการถูกเพื่อนรังแก เช่น การทำร้ายจิตใจด้วยคำพูด การพูดจาล้อเรียน การทำร้ายร่างกาย รีดไถเอง แย่งสิ่งของ กีดกันไม่ให้เข้าร่วมกลุ่ม และการกลั่นแกล้งกันผ่านสื่อออนไลน์
นายธวัชชัย พาชื่น ผู้จัดการโครงการไม่รังแกกัน มูลนิธิแพธทูเฮลท์ กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนั้น เกิดได้ทั้งการพูดและการกระทำ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของเด็ก และเด็กก็จะเกิดการซึมซับความรุนแรงโดยไม่รู้ตัว และยังไม่ยอมบอกครูหรือพ่อแม่ด้วย แต่เลือกที่จะใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยตนเองกับเพื่อน หรือยอมให้เพื่อนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
วิธีทำให้ลูกกล้าแสดงออก
1. ปล่อยให้ลูกทำในสิ่งที่ต้องการ
เด็กที่ขาดความมั่นใจส่วนใหญ่ มักเกิดจากพ่อแม่กีดกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และไม่กล้าบอกพ่อแม่ เพราะกลัวว่าคุณจไม่พอใจและโดนดุด่า พอเด็กทำในสิ่งที่เขาไม่สนใจ เด็กก็จะไม่เกิดการพยายามเรียนรู้ และแสดงความรู้สึกออก พอไม่แสดงความรู้สึกบ่อย ๆ สุดท้ายลูกน้อยก็จะกลายเป็นคนไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น กลัว และอายที่จะทำด้วย
2. พยายามให้ลูกเล่นกับคนอื่น
การหัดให้ลูกน้อยเข้าสังคมกับคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี นอกจากจะทำให้เขาได้เรียนรู้การเข้าสังคม การมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นแล้ว ยังช่วยให้เด็กไม่ขี้อาย และกล้าแสดงออกกับคนอื่นมากขึ้น เพราะเด็กจะได้เรียนรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น หากอยากมีเพื่อนเล่น หรืออยากทำในสิ่งที่ต้องการด้วย เช่น พาไปเยี่ยมญาติ เพื่อให้ลูกได้เล่นกับญาติพี่น้อง และการทำกิจกรรมร่วมกัน
3. อย่าบังคับลูกน้อย
เด็กที่เขินอาย มักจะไม่กล้าทำอะไรบางอย่าง พ่อแม่คนไหนที่อยากให้ลูกแสดงออกก็อย่าไปบังคับฝืนใจลูก ควรเลือกเข้าไปถามเขาดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น ทำลูกถึงไม่กล้า ซึ่งพ่อแม่ต้องค่อย ๆ ให้ลูกได้ลองทำให่สิ่งที่ลูกไม่กล้า แนะวิธีว่าทำอย่างไร บอกลูกด้วยเหตุผลอย่าบังคับเขา ไม่เช่นนั้นลูกน้อยของคุณอาจจะเกลียดไปเลยก็ได้
4. ทำให้เด็กมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถ
เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ส่วนหนึ่งมาจากเด็กที่ไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง กลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ กลัวโดนคนอื่นดูถูก หรือทำไปแล้วไม่มีคนสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ เด็กก็เลยกลายเป็นคนไม่แสดงออกในที่สุด ดังนั้น พ่อแม่ต้องคอยชมเชยลูกน้อยอยู่เสมอ
5. ส่งเสริมให้ลูกไปทำกิจกรรม
หากมีโอกาสพ่อแม่ควรพาลูกน้อยออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ้าง หรือจะให้เล่นกับคนอื่น ให้เด็กเห็นว่าคนอื่น ๆ เขาทำยังไงกัน และทำแบบนี้เป็นปกติใครๆ ก็ทำกัน ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยค่อยๆ ได้ซึมซับวิธีการพูด การแสดงออกจากเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ อีกด้วย เช่น การเข้าค่ายกีฬา หรือค่ายดนตรี เป็นต้น
6. สร้างความมั่นใจให้ลูก
ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กขี้อาย พ่อแม่ช่วยได้ โดยที่คุณอาจจะหาเรื่องพูดคุย ซักถามกับเขาในทุก ๆ วัน คอยถามว่าเรื่องนี้ลูกมีความคิดเห็นว่าอย่างไร แล้วต้องทำยังไง หรือพยายามให้เขาได้ลองตัดสินใจเอง เช่น ลองเลือกเสื้อใส่เองดีไหม เป็นต้น
เมื่อไหร่ลูกจะเลิกเป็นเด็กขี้อาย
ระยะเวลาเราไม่สามารถบอกแน่นอนได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับเด็กว่าจะมีการพัฒนาตนเองอย่างไร อย่างกรณีของนางเอกสาว มิว นิษฐา จิรยั่งยืน ก็เคยบอกว่า สมัยเด็กเคยเป็นเด็กที่ขี้อายมาก พอโตขี้นนิสัยเดิมก็ยังเป็นอยู่ ถึงแม้มิวจะชอบเล่นสนุกกับเพื่อน ๆ แต่ยังมีความขี้อายอยู่ ทำให้ไม่ชอบกิจกรรม ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ชอบที่เป็นจุดสนใจ และมักจะตื่นเต้นเวลาไปนำเสนอหน้าชั้นเรียน แต่เธอก็สามารถเอาชนะใจตัวเองจกลายมาเป็นนักแสดงดังได้ เพราะเขารู้จักปรับตัว กล้าคิด กล้าแสดงออก แต่กล้าจะได้ปรับเปลี่ยนตัวเองก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
มาถึงนางนักแสดงดาวรุ่งช่อง 7 มุก มุกดา ที่บอกว่าสมัยก่อนขี้อายมาก ไม่สนใจอะไรเลย ไม่กล้าแสดงออก แต่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองและเข่ร่วมประกวดมิสทีนไทยเแลนด์ เพราะว่าต้องการโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน แล้วก็ได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ตอนนั้นก็ยังไม่เลิกขี้อาย ทำให้ไม่มีผลงานให้เห็น จนผ่านไปประมาณ 5 ปี จึงเริ่มที่จะเรีนรู้พัฒนาตัวเอง ไม่เป็นคนขี้อาย และได้รับเลือกให้เป็นนางเอกเรื่องแรกด้วย
จะเห็นได้ว่า การเป็นเด็กขี้อาย ไม่แสดงออก มักจะเป็นตัวปิดกั้นโอกาสในหลาย ๆ ด้าน ทำให้เด็กไม่สามาถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ คนที่กล้าแสดงออกย่อมได้รับโอกาสที่ดีกว่า ซึ่งพ่อแม่สามารถช่วยลูกได้ค่ะ
ที่มา : www.deknaruk.com และ th.theasianparent.com
บทความอื่นที่น่าสนใจ :
5 สิ่งที่พ่อแม่น่าโชว์ออฟต่อหน้าลูก
7 สิ่งทีไม่ควรทำต่อหน้าลูก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!