แค่ได้ยินคำว่า ขนมไทยโบราณ เราก็หิวจนอยากออกไปตลาดกันแล้ว แต่ก็ใช่ว่าแต่ละร้านจะทำได้ถูกใจเสียทีเดียว ขนมไทยทั่วไปอาจจะหาทานง่าย แต่ขนมไทยโบราณนี่สิ หาทานยาก! อยากกินอร่อยๆ ก็ต้องเสาะแสวงหาร้านดังที่รีวิวแน่นๆ บ้างก็อยู่ไกล จะสั่งดิลิเวอรี่ค่าส่งก็แพง หากบ้านอยู่ไกล้ร้านอร่อยๆก็ถือว่าโชคดีไป บทความนี้เราจึงมาเอาใจเหล่าคุณแม่สายหวาน Home Cook ที่ชอบการทำอาหารทั้งคาวหวาน ให้มาลองทำ เมนูขนมไทยโบราณ กันค่ะ
ขนมไทยโบราณ มีลักษณะที่ปราณีต หน้าตาสวยงาม สีสันน่ารับประทาน และมีขั้นตอนการทำที่พิถีพิถัน
เมนูขนมไทยโบราณ หาทานยาก สูตรคุณแม่ทำเองได้ ถูกใจลูกๆ !!
ความเป็นมาของขนมไทยโบราณ
ขนมไทยโบราณนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความปราณีต ละเอียดอ่อน มักทำเป็นรูปร่างๆต่างที่หน้าตาสวยงามน่ารับประทาน เช่น รูปร่างดอกไม้ หรือ รูปร่างผลไม้ ขนมไทยโบราณมีวิธีขั้นตอนการทำที่พิถีพิถัน มีความใส่ใจรายละเอียดในเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบ รสชาติของขนมไทยโบราณจะมีความหอม หวานนำ กลมกล่อม โดยส่วนมากมักจะใช้ ไข่ แป้ง น้ำตาล กะทิ เป็นวัตถุดิบหลัก ขนมไทยโบราณนิยมทำกันในช่วงที่มีงานมงคล เช่นงานมงคลสมรส ทำบุญเลี้ยงพระ ต้อนรับแขกบ้านแขกเรือน นิยมตั้งชื่อขนมให้มีความหมายอย่างเป็นศิริมงคล
ในส่วนของอิทธิพลจากชาติอื่นนั้น ขนมไทยก็ได้รับวัฒนธรรมทางด้านของอาหารจากชาติต่างๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับวัตถุดิบที่มี เครื่องไม้เครื่องมือ และวัฒนธรรมการกินอยู่แบบไทยๆ ซึ่งคนรุ่นหลังๆอาจไม่รู้เลยว่าขนมไทยบางชนิด ได้ดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมจากชาติอื่นๆ อย่างขนมหวานต้นตำรับจากท้าวทองกีบม้า ที่ได้ดัดแปลงมาจากขนมโปตุเกส เช่น ทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทอง ซึ่งขนมเหล่านี้เป็นขนมมงคล มีชื่อเสียงและนิยมชมชอบกันอย่างมาก เรียกได้ว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการใช้ในงานสำคัญ
แจกสูตรเมนูขนมไทยโบราณ
ทองชมพูนุช
วัตถุดิบ
- ไข่ขาว 110 กรัม
- แป้งท้าวยายม่อม 20 กรัม
- แป้งเค้ก 130 กรัม
- หัวกะทิอบควันเทียน 300 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
- สีผสมอาหารสีชมพู
- ทองคำเปลวบริสุทธิ์ 100 %
วิธีทำ
- เตรียมภาชนะสำหรับผสม โดยใส่แป้งท้าวยายม่อม แป้งเค้ก น้ำตาลทรายขาว เกลือป่น ไข่ขาว สีผสมอาหาร และหัวกะทิอบควันเทียนลงไป
- คนส่วนผสมให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีเป็นที่เรียบร้อย ให้นำไปกรองใส่กระชอนตาถี่ลงกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟล่อน วิธีนี้จะทำให้เราได้ส่วนผสมของแป้งที่เนียนละเอียด ละมุนมากยิ่งขึ้น
- ตั้งกระทะที่มีส่วนผสมเนียนละเอียดแล้วขึ้นเตาด้วยไฟอ่อน จากนั้นกวนส่วนผสมเรื่อยๆตลอดเวลา โดยจะกวนวนไปในทางเดียวกัน
- กวนส่วนผสมจนส่วนผสมงวดและเริ่มจะจับตัวเป็นก้อน ให้กวนต่อไปเรื่อยๆจนส่วนผสมเริ่มจับตัวกันมากขึ้น
- จากนั้นให้ปิดเตา และนวดส่วนผสมต่อด้วยอุปกรณ์ที่ใช้กวน เช่นไม้พาย นวดส่วนผสมจนส่วนผสมนั้นเริ่มเนียนมากขึ้น
- เปิดเตาด้วยไฟอ่อนอีกครั้ง นวดส่วนผสมต่อ จนส่วนผสมนวลเนียนละเอียดดี จากนั้นจึงค่อยปิดเตาและนำกระทะลงมากวนต่อโดยไม่ใช้ไฟสักพัก
- พักเนื้อขนมให้อุ่นลง จนสามารถใช้มือสัมผัสได้ แล้วนำมานวดต่อสักพักด้วยมือ ให้ส่วนผสมยิ่งเนียนยิ่งขึ้น
- เมื่อเนื้อขนมเนียนจนพอใจแล้ว ให้หยิบแบ่งเนื้อขนมทีละนิดใส่ลงไปในแม่พิมพ์ กดเนื้อขนมให้แน่น ให้ขนมเป็นรูปร่างสวยงามตามที่ต้องการ โดยจะนิยมทำเป็นรูปดอกไม้นั่นเอง
- แปะแผ่นทองคำเปลวบริสุทธิ์ลงที่ตรงกลางขนมเล็กน้อย ซึ่งจะเลือกแปะหรือไม่แปะก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหากแปะทองคำเปลวบริสุทธิ์จะทำให้ขนมทองชมพูนุชดูสวยงาม ดูมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้เป็นทองคำเปลวบริสุทธิ์ 100 % เท่านั้นนะคะ หากไม่ใช่ทองคำเปลวบริสุทธิ์ 100 % อาจจะมีอันตรายต่อร่างกายได้นั่นเอง
- จัดเสิร์ฟใส่จาน ตกแต่งให้สวยงาม พร้อมให้เด็กๆได้รับประทานกันค่ะ
ทองเอก
วัตถุดิบ
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 250 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- กะทิอบควันเทียน 180 กรัม
- ไข่แดง 7 ฟอง
- กลิ่นมะลิ
- สีผสมอาหาร สีเหลืองไข่
- ทองคำเปลวบริสุทธิ์ 100 %
วิธีทำ
- เตรียมน้ำเชื่อมโดยตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่น้ำกะทิอบควันเทียนลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือเล็กน้อยเพื่อตัดหวาน คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน น้ำเชื่อมจะมีความข้นขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ที่แล้วจึงยกลงไปพักในน้ำกะทิเชื่อมเย็นลง แล้งจึงใส่กลิ่นมะลิลงไปเพิ่มความหอมเล็กน้อย
- แยกเฉพาะไข่แดงให้เรียบร้อย จากนั้นให้ใส่ไข่แดงลงในน้ำกะทิเชื่อม ต้องแน่ใจว่าน้ำกะทิเชื่อมเย็นลงแล้ว เพราะหากนำกะทิเชื่อมยังร้อนจะทำให้ไข่สุกได้
- จากนั้นให้ใส่สีผสมอาหาร สีเหลืองไข่ เพื่อให้ขนมมีที่เหลืองสดเข้มขึ้นน่ารับประทาน ตามด้วยแป้งสาลีเอนกประสงค์ ค่อยๆใส่ลงไปทีละเล็กละน้อยและคนให้ส่วนผสมเข้ากัน
- เมื่อได้ส่วนผสมที่เข้ากันดีแล้ว ให้นำไปกรองใส่กระชอนตาถี่ลงกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟล่อน วิธีนี้จะทำให้เราได้ส่วนผสมของแป้งที่เนียนละเอียดยิ่งขึ้น ทำให้เนื้อสัมผัสมีความละมุน
- ตั้งกระทะที่มีส่วนผสมด้วยไฟอ่อน กวนส่วนผสมวนๆไปเรื่อยๆ โดยต้องกวนตลอดเวลา เพื่อไม่ให้แป้งใหม้นั่นเอง
- ส่วนผสมของขนมจะค่อยๆจับตัวกันเป็นก้อน ให้เรากวนๆนวดๆต่อให้เนื้อผสมมีความเนียนมากยิ่งขึ้น
- เมื่อเนื้อขนมจับตัวเป็นก้อนกันดี มีเนื้อที่นวลเนียนขึ้น และร่อนออกจากกระทะได้หมด ถือเป็นว่าใช้ได้ ให้ปิดเตาและยกกระทะลงไปนวดส่วนผสมต่อแบบไม่ต้องใช้ไฟสักพักหนึ่ง แล้วจึงพักเนื้อขนมไว้ให้อุ่นลง
- รอจนเนื้อขนมอุ่นลงจนสามารถใช้มือสัมผัสได้ จึงนำมานวดต่อด้วยมือ เมื่อนวดจนเนียนจนพอใจ
- จากนั้นจึงหยิบเนื้อขนมทีละน้อย ใส่ลงไปในแม่พิมพ์ให้แน่น สามารถใช้พิมพ์รูปตามชอบได้ แต่โดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้พิมพ์รูปดอกไม้ ค่อยๆแกะตัวขนมออกจากแม่พิมพ์
- แปะแผ่นทองคำเปลวบริสุทธิ์ 100 % ลงไปบริเวณตรงกลางขนม จะทำให้ขนมดูสวย และมีมูลค่ามากขึ้น
- จัดตกแต่งขนมทองเอกลงจานให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
เสน่ห์จันทน์
วัตถุดิบ
- แป้งเค้กบัวแดง 100 กรัม
- หัวกะทิเข้มข้นปานกลาง 240 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 170 กรัม
- ไข่แดง 6 ฟอง
- ผงลูกจันทน์ป่น 1/2 ชช.
- สีผสมอาหารสีเหลืองไข่
- สีผสมอาหารสีน้ำตาลเข้ม
วิธีทำ
- แยกไข่แดงเตรียมไว้ ใส่ลงในภาชนะ ตามด้วยน้ำตาลทราย และคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี
- จากนั้นให้ร่อนแป้งและผงลูกจันทน์บนกระชอนตาถี่ ลงไปส่วนผสมของไข่แดง คนให้ส่วนผสมเข้ากัน จึงค่อยๆใส่หัวกะทิทีละนิด และคนตามเรื่อยๆ และใส่สีผสมอาหารสีเหลืองไข่ลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มสีสันที่สดยิ่งขึ้นให้กับขนม
- นำส่วนผสมกรองลงกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟล่อน เพื่อให้เนื้อแป้งมีความนวลเนียนละเอียดขึ้น
- นำกระทะตั้งเตาไฟกลาง คนส่วนผสมไปเรื่อยๆ เมื่อเริ่มจับตัวเป็นก้อนให้ลดเป็นไฟอ่อน และกวนไปเรื่อยๆ
- ส่วนผสมจะจับเริ่มตัวเป็นก้อน ให้เรากวนไปจนส่วนผสมเป็นก้อนและร่อนออกจากกระทะดีจึงใช้ได้ จากนั้นจึงยกขึ้นไปนวดต่อเล็กน้อยให้เนียนขึ้น และไปพักให้แป้งเย็นลง
- แบ่งแป้งส่วนหนึ่งไปผสมกับสีน้ำตาลเข้ม เพื่อทำเป็นคั่วผลจันทน์ โดยสามารถใช้พิมพ์รูปดาว หรือปั่นเป็นเส้นและม้วนเป็นวงกลมก็ได้
- นำแป้งที่เย็นลงแล้วมาปั้นเป็นลูกกลมๆ กดตรงกลางเล็กน้อยให้คล้ายกับผลลูกจันทน์ และติดส่วนคั่วให้ผลจันทน์
- ตกแต่งใส่จานให้สวยงามพร้อมรับประทาน
บุหลันดั้นเมฆ
วัตถุดิบ
- ดอกอันชัญ
- ใบเตย
- แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
- แป้งท้าว 20 กรัม
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำเปล่า 400 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
- น้ำตาลทรายปี๊บ 70 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- กะทิ 40 กรัม
วิธีทำ
- ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อต้ม และใส่ดอกอันชัญลงไปต้มด้วย เพื่อเอาสีของดอกอันชัญมาทำขนม
- เมื่อสีออกดีแล้ว ให้นำน้ำต้มดอกอันชัญนี้มากรองเอาแต่น้ำ เมื่อได้น้ำอันเชัญเพียวๆแล้ว ให้ใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน เพิ่มความหวานให้กับน้ำอันชัญ จากนั้นให้นำน้ำอันชัญไปพักให้เย็นลง
- นำซึ้งตั้งเตา โดยส่วนล่างจะใส่น้ำเปล่าตามด้วยใบเตย สามารถหั่นใบเตยเป็นชิ้นๆ หรือจะมัดใบเตยเอาก็ได้ตามความสะดวก ซึ่งใบเตยจะช่วยเพิ่มความหอมให้กับขนมได้
- จากนั้นจึงเอาถ้วยกระเบื้องเล็กๆใส่หม้อไว้ และเอาถ้วยไปนึ่งเปล่าๆก่อน ตัวถ้วยก็จะมีความร้อนขึ้น
- ระหว่างรอนึ่งถ้วย ให้เตรียมส่วนผสมสำหรับทำเนื้อขนมต่อ โดยเตรียมภาชนะผสม จากนั้นใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งท้าว ตามด้วยน้ำอันชัญที่เราเตรียมไว้ ให้แน่ใจว่าน้ำอันชัญที่เราพักไว้นั้นหายร้อนดีแล้ว เพราะถ้าหากยังร้อน อาจทำให้แป้งสุกได้
- คนส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่อีกครั้ง เพื่อกรองเอาเศษต่างๆออกไปอย่างหมดจรด
- เมื่อถ้วยที่เรานึ่งไว้ร้อนดีแล้ว ให้เรานำส่วนผสมค่อยๆหยอดลงไปในถ้วย โดยเราจะไม่หยอดจนเต็มถ้วยนะ ให้เหลือที่ไว้สักเล็กน้อย เมื่อหยอดส่วนผสมเสร็จแล้ว ให้ปิดฝานึ่งขนมต่อค่ะ
- และเราจะไปทำส่วนสีเหลืองตรงกลางขนมกันต่อค่ะ โดยใส่ไข่แดงลงในภาชนะ ตามด้วย น้ำตาลปี๊บ เกลือเล็กน้อย และใบเตยเพิ่มความหอม
- นวดให้ส่วนผสมตรงนี้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้เรานำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่อีกครั้ง แต่กรองในเนื้อขนมนุ่มนวลขึ้น
- เปิดฝาซึ้ง เมื่อขนมได้ที่แล้ว แป้งจะเช็ตและมีรูบุ๋มอยู่ตรงกลาง จึงค่อยๆหยอดส่วนผสมไข่แดงนี้ลงไปตรงกลาง
- ใช้เวลาในการนึ่งประมาณ 7 – 10 นาที ขนมบุหลันดันเมฆก็จะเซ็ทตัวสวยงาม
- ให้เรายกลงมาพักให้เย็นก่อนแล้วจึงเสิร์ฟให้ลูกน้อยได้ลองทานกัน
ขนมอินทนิล
วัตถุดิบ
- ใบเตย 8 ใบ
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 7 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- กะทิอบควันเทียน 250 มล.
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
- นำใบเตยใส่น้ำไปปั่นละเอียด และกรองเอาน้ำใบเตยด้วยผ้าขาว หรือกระชอนตาถี่
- ใส่แป้งข้าวโพด และแป้งมันลงไปในน้ำใบเตย คนให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วจึงนำไปตั้งเตา
- กวนส่วนผสมในเป็นเนื้อเดียวกันไปเรื่อยๆ ส่วนผสมจะเหนียวหนืดเป็นลักษณะใสๆ จากนั้นให้เติมรสหวานด้วยน้ำตาล คนให้น้ำตาลละลาย
- เมื่อส่วนผสมได้ที่แล้วจึงยกลงและเทใส่ภาชนะ พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมจะค่อยๆเซ็ตตัว
- เตรียมในส่วนของน้ำกะทิ โดยเทน้ำกะทิอบควันเทียนลงในภาชนะ ใส่น้ำตาลและเกลือลงไปเพิ่มรสชาติของน้ำกะทิ และนำไปอุ่นให้ร้อน
- ใช้ช้อนตักตัดส่วนผสมขนมอินทนิลทีละพอดีคำ ใส่ลงไปในน้ำกะทิที่เราเตรียมไว้ สามารถใส่น้ำแข็งเพื่อเพิ่มความสดชื่นได้
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเหล่าคุณแม่สายหวานที่อยากทำขนมไทยโบราณให้ลูกๆได้ทานกันนะคะ นอกจากจะอิ่มอร่อยแล้ว ยังได้อนุรักษ์ขนมไทยโบราณที่แสนอร่อยไว้อีกด้วย! และอีกข้อดีคือเราสามารถที่จะควบคุมความหวานหรือปริมาณน้ำตาลให้ลูกได้ด้วย เพราะหากลูกทานหวานมากเกินไปอาจไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพและฟัน อย่างไรก็ตามทานแล้วอย่าลืมแปรงฟันให้สะอาดและดื่มน้ำเปล่าเยอะๆนะคะ ขอให้มีความสุขกับการทำขนมรับประทานกันในครอบครัวนะคะ
ที่มา 1
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สูตรเด็ด ลอดช่อง ขนมไทย หวานหอมชื่นใจ ถูกใจเด็ก ๆ ทำกินก็ได้ ทำขายก็ดี
สูตร เปียกปูนใบเตย ชวนลูกเข้าครัวทำขนมไทยโบราณ ง่าย ๆ อร่อยหวานมัน
5 ขนมไทยง่าย ๆ อุปกรณ์น้อย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ใคร ๆ ก็ทำ “ขนมไทย” ได้ !!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!