X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ติ่งเนื้อปากมดลูก อันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างไร รักษาได้หรือไม่

บทความ 5 นาที
ติ่งเนื้อปากมดลูก อันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างไร รักษาได้หรือไม่

ติ่งเนื้อปากมดลูก ความผิดปกติที่พบบ่อยในผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัว เนื่องจากมีเลือดกะปริดกะปรอยคล้ายรอบเดือนมาไม่ปกติ บางรายมีอาการตกขาวปนเลือดหรือมีเลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หากเกิดอาการเช่นนี้บ่อยๆ เสี่ยงต่อโรคมะเร็งปากมดลูกได้

 

แม่ท้อง เป็นติ่งเนื้อ

ติ่งเนื้อปากมดลูก เกิดขึ้นได้อย่างไร

อาการ ติ่งเนื้อปากมดลูก (Cervical Polyps) คือถุงน้ำที่เกิดจากการอักเสบ หรือ เกิดขึ้นจากเนื้องอกของเนื้อเยื่อบุปากมดลูก เมื่อผู้หญิงพบมีติ่งเนื้อบริเวณปากมดลูกหรือช่องคลอด ซึ่งติ่งเนื้อนี้จะมีสีจากสีแดงก่ำไปจนถึงสีม่วงปนแดงบางครั้งมีสีขาวปนเทา ส่วนขนาดอาจจะมีตั้งแต่ 2 เซนติเมตรขึ้นไปแตกต่างกันไปและไม่เป็นอันตราย ซึ่งมีสาเหตุมาจาก

 

1. อาการอักเสบของปากมดลูก

ในผู้หญิงตั้งครรภ์หากพบว่ามีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์กับสามี ก็อาจพบติ่งมดลูกเกิดขึ้นได้ เนื่องจากอาการอักเสบที่เรื้อรัง และนิ่งนอนใจกับการมีเลือดออก

 

2. หลอดเลือดตีบตัน

ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือไม่ได้ตั้งครรภ์ หากปรากฏว่าเป็นโรคหลอดเลือดตีบตันบริเวณปากมดลูกหรือในโพรงมดลูก ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ จึงการอุดตันกลายเป็นก้อนเนื้อหรือติ่งโผล่ออกมา

 

3. ฮอร์โมนในร่างกาย

Advertisement

เกิดจากความผิดปกติจากการตอบสนองฮอร์โมนเอาโตรเจนในผู้หญิงจึงเกิดติ่งห้อยออกมาบริเวณปากมดลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตรมาแล้ว ส่วนเด็กผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเดือนจะไม่ค่อยพบอาการดังกล่าวโดยประเภทของ ติ่งเนื้อปากมดลูกมี 2 ประเภท

  • ติ่งเนื้อปากมดลูกภายนอก (Ectocervical polyps) เป็นติ่งเนื้อที่เติบโตในเซลล์พื้นผิวบริเวณคอมดลูก ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน
  • ติ่งเนื้อปากมดลูกภายใน (Endocervical polyps) ติ่งเนื้อประเภทนี้มักจะเติบโตจากต่อมต่างๆ ภายในโพรงมดลูก ซึ่งเป็นอาการที่ผู้หญิงเป็นกันมากทั้งในผู้หญิงปกติและผู้หญิงตั้งครรภ์ และพบมากในผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือน

บทความที่น่าสนใจ : ระวัง! แม่ท้องขาดแคลเซียม อาจเป็นอันตรายต่อตัวเอง ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

 

ติ่งเนื้อปากมดลูก 1

 

ปัจจัยเสี่ยงของผู้หญิงตั้งครรภ์กับ ติ่งเนื้อปากมดลูก

อย่างที่ทราบกันว่า ไม่ว่าจะเป็นว่าที่คุณแม่หรือผู้หญิงทั่วไปที่มีประจำเดือนย่อมมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดติ่งหรือเนื้องอกต่างๆ บริเวณมดลูก เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่มีตลอดเวลาโดยฮอร์โมนของผู้หญิงเอง จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงต่อโรคติ่งเนื้อปากมดลูก

 

1. ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง

ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยิ่งช่วงตั้งครรภ์ระดับของฮอร์โมนจะมีค่าสูงที่สุดทั้งนี้ยังสามารถพบฮอร์โมนนี้ได้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่น สารซีโนเอสโตรเจน (Xenoestrogens) ในเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม และพบได้ในอาหารที่อยู่ภาชนะพลาสติก โดยเฉพาะเมื่อได้รับความร้อนจะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์รับฮอร์โมนนี้เข้าสู่ร่างกายในชีวิตประจำวันอย่างมาก จนมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงก่อให้เกิดติ่งเนื้อขึ้นในที่สุด

 

2. การติดเชื้อจนทำให้มดลูกอักเสบ

ที่ควรระวังที่สุดเรื่องการมีเพศสัมพันธ์จนเกิดอาการอักเสบ ซึ่งทำให้ปากมดลูกติดเชื้อและระคายเคือง จนเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะปากมดลูกติดเชื้อแบคทีเรีย อาจส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพเพิ่มเติมได้ เช่น การเกิดหูด การแท้งบุตร โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์

 

การตัดติ่งเนื้อ การใช้ปากคีบรูปวงแหวนเพื่อดึงติ่งเนื้อออก

การวินิจฉัยเมื่อเกิดติ่งเนื้ออย่างละเอียด

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงปกติทั่วไป หากผู้ป่วยอยู่ในความเสี่ยงอย่างที่กล่าวข้างต้น แพทย์อาจจะต้องทำการทดสอบ เช่น การตรวจโดยวิธีอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) จากนั้นแพทย์จะนำตัวอย่างชิ้นเนื้อเยื่อของติ่งเนื้อบางส่วน ไปทดสอบในห้องปฏิบัติการว่าเป็นชิ้นเนื้องอกปกติหรือ เสี่ยงต่อการเป็นเนื้อร้ายหรือไม่

 

การรักษาอาการติ่งเนื้อปากมดลูกที่ถูกวิธี

ในการรักษาอาการติ่งเนื้อปากมดลูก ในบางกรณีนั้น ติ่งเนื้ออาจหายไปได้เองหรือหลุดออกจากปากมดลูกหรือโพรงมดลูกผ่านการมีประจำเดือนหรือมีเพศสัมพันธ์ แต่ทั้งนี้ยังมีติ่งเนื้อส่วนใหญ่จำเป็นต้องกำจัดออกไปให้เรียบร้อย เพื่อรักษาเนื้อเยื่อในโพรงมดลูกและเพื่อความปลอดภัยของคุณผู้หญิง

 

1. การผ่าตัดเอาติ่งเนื้อออก

คุณหมอจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าปากคีบติ่งเนื้อ คีบและดึงออกอย่างเบาๆ ซึ่งคุณแม่ไม่ต้องกังวลเพราะวิธีนี้จะไม่มีเลือดออกมาก แต่อาจจะต้องใช้ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์ไม่รุนแรงร่วมกับการรักษาด้วย เช่น ยาอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) และยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อลดอาการเจ็บปวด หลังจากสะกิดติ่งออกแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการชาและเกิดตะคริวเล็กน้อย

 

บทความจากพันธมิตร
ตรวจ NIPT ราคา ปี 2568 รู้ทันความผิดปกติของลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์
ตรวจ NIPT ราคา ปี 2568 รู้ทันความผิดปกติของลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
MFGM จากนมแม่กุญแจสำคัญ สู่ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าของเด็ก Gen ใหม่
MFGM จากนมแม่กุญแจสำคัญ สู่ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าของเด็ก Gen ใหม่

2. การตรวจชิ้นติ่งเนื้ออย่างละเอียด

ชิ้นส่วนที่คุณหมอดึงออกมาจะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หากมีคุณหมอจะให้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) แต่หากโชคร้ายติ่งเนื้อเกิดเป็นมะเร็ง ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีแผนการรักษาต่อไปซึ่งขึ้นอยู่กับกระบวนการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้หากติ่งเนื้อขนาดใหญ่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดโดยใช้ยาชา (Anesthesias) การตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอได้รับการแนะนำเพื่อช่วยตรวจจับและรักษาติ่งเนื้อแต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตามการรักษายังมีอีกหลายวิธีเช่น

  • บิดส่วนโคนตรงรากของติ่งเนื้อออก
  • คุณหมอจะผูกสายผ่าตัดรอบโคนติ่งเนื้อและตัดออก
  • ใช้ปากคีบรูปวงแหวนเพื่อดึงติ่งเนื้อออก
  • คุณหมออาจจะใช้ไนโตรเจนเหลวเพื่อลดความเจ็บปวด
  • มีวิธีการจี้ด้วยไฟฟ้า โดยการใช้เข็มจี้ที่ทำให้ร้อนด้วยไฟฟ้า
  • การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ ซึ่งวิธีนี้แผลจะหายเร็วและไม่ทิ้งร่องรอย

บทความที่เกี่ยวข้อง: ท้องพร้อมเนื้องอก! แม่ท้องมีเนื้องอกมดลูกเกือบ30ซม. เบียดทารกอยู่ในท่าผิดปกติ

 

คนท้องมีติ่งเนื้อปากมดลูกอันตรายหรือไม่

จริงๆ แล้วไม่เกิดอันตรายถ้าติ่งเนื้อนั้นไม่ใช่เนื้อร้าย และสามารถตัดออกได้ตอนคลอดบุตร ซึ่งแพทย์มักจะรักษาติ่งเนื้อปากมดลูกโดยการตัดติ่งเนื้อนั้นออก ยกเว้นติ่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่มาก อาจต้องมีการผูกที่ขั้วของติ่งเนื้อหรือต้องจี้ด้วยไฟฟ้าที่ขั้วติ่งเนื้อก่อนตัดและหลังตัดติ่งเนื้อเพื่อหยุดเลือดออก ซึ่งคุณแม่ท้อง แพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีปัจจัยที่อาจเสี่ยงแท้งบุตรได้

 

ผลข้างเคียงของภาวะติ่งเนื้อปากมดลูก

ผู้หญิงทั่วไปที่เกิดติ่งเนื้อบริเวณปากมดลูกหรือโพรงมดลูกบ่อยๆ จะเผชิญกับภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากติ่งเนื้อในโพรงมดลูกเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากที่พบได้บ่อยครั้ง เพราะเจ้าก้อนเนื้อเล็กๆ นั้นไปขัดขวางการฝังตัวและการเจริญเติบโตของตัวอ่อนในโพรงมดลูก ส่งผลทำให้เกิดภาวะแท้งบุตรง่ายขึ้น และอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดการแท้งบุตรได้เพราะอาจส่งผลให้ไข่ฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกได้ไม่สมบูรณ์

 

 

ปัจจัยเสี่ยงของผู้หญิงตั้งครรภ์กับ ติ่งเนื้อปากมดลูก

 

วิธีดูแลร่างกายระหว่างตั้งครรภ์

คุณแม่ท้องได้อ่านแล้วก็อย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องติ่งเนื้อหรือการมีเพศสัมพันธ์ เพียงแค่หมั่นตรวจร่างกายบ่อยๆ ในช่วงตั้งครรภ์ สังเกตว่ามีเลือดออกบริเวณปากมดลูกหรือไม่ และตอนคลอด ก็ขอให้คุณหมอเช็คอย่างละเอียดทันที อย่างไรก็ตาม อย่าลืมดูแลตัวเองให้ลดความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรดังนี้

 

1. เลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

อาหารที่ดีของคุณแม่ต้องอุดมด้วยธาตุเหล็กและโฟเลต เช่น ตับ เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อความพิการแต่กำเนิด อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย

 

2. ดื่มน้ำสะอาดให้มาก

ไม่ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ก็ตาม คนเราควรดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ยิ่งคุณแม่ท้องควรดื่มน้ำวันละ 10-12 แก้ว เพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น แบ่งดื่มได้ทั้งวัน อย่าดื่มรวดเดียว เพราะน้ำนั้นจะนำสารอาหารจากแม่ไปสู่ลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณแม่ควรมีขวดน้ำไว้ใกล้ตัวเสมอจะได้ไม่ต้องลุกเดินไปดื่มน้ำบ่อยๆ

 

3. รับประทานยาและวิตามิน

ปกติแพทย์จะตรวจร่างกายของคุณแม่ว่า ขาดสารอาหาร วิตามินแร่ธาตุอะไรบ้าง หมั่นรับประทานตามแพทย์สั่งให้ครบ โดยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญมาก คือ กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก ไอโอดีน และแคลเซียม จะช่วยบำรุงคุณแม่และคุณลูก ต้านทานโรคและอาการแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์

 

วิธีดูแลร่างกายระหว่างตั้งครรภ์

 

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เช้าๆ คุณแม่ลองเดินออกกำลังกายช้าๆ รอบบ้าน หาเวลาว่างไปว่ายน้ำ ซึ่งว่ากันว่าจะทำให้คุณแม่คลอดง่ายขึ้น หรือลองแกว่งแขนไปมาเช้า กลางวัน เย็น แต่หากคุณแม่ตั้งครรภ์แฝด ลองปรึกษาคุณหมอว่าสามารถออกกำลังกายด้วยวิธีใดได้บ้างจะได้ปลอดภัย

 

5. นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่

พยายามอย่าติดโซเชียล ดูซีรีส์แก้เหงาจนเพลินค่ะ ยิ่งคุณแม่นอนมากเท่าไร ร่างกายก็จะแข็งแรงมากขึ้น และระหว่างวันพยายามหากิจกรรมทำที่ผ่อนคลาย เพื่อให้นอนหลับได้สนิท ชวนคุณพ่อเล่นเกมบอร์ดสนุกๆ หรือฟังเพลงเพลินๆ พร้อมกับอ่านหนังสือดีๆ สักเล่มค่ะ

 

6. คุณแม่ท้องห้ามเครียด

เตือนไว้เสมอว่า ความเครียดเป็นอันตรายกับลูกในท้อง หากคุณแม่ท้องกังวลหรือเครียด ร่างกายจะหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมา ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูกและรกเกิดการหดตัว ตรงนี้แหละที่อาจทำให้ปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปยังทารกในครรภ์ลดน้อยลงได้

 

คุณแม่ท้องห้ามเครียด

 

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ท้องหรือผู้หญิงไม่ว่าจะวัยใด ควรใส่ใจเรื่องปากมดลูกเป็นสำคัญ เนื่องจากฮอร์โมนของผู้หญิงสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ทุกเดือน ขณะมีประจำเดือน บางคนเลือดออกมาก ออกน้อย ก็ยังขึ้นอยู่กับความเครียดที่สะสมจนส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ ยิ่งกับผู้หญิงตั้งครรภ์ด้วยแล้ว การเปลี่ยนแปลงในร่างกายนั้นเกิดแทบทุกวันขณะที่อุ้มท้อง ซึ่งอยากให้คุณแม่หมั่นดูแลสุขภาพ และสังเกตร่างกายตนเองทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศ ช่องคลอด เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติ และคอยบันทึกไว้ หากต้องหาหมอ คุณแม่จะได้นำบันทึกนั้น ให้คุณหมอดูเพื่อประกอบการวินิจฉัยค่ะ

 

บทความที่น่าสนใจ

มะเร็งปากมดลูก ภัยร้ายใกล้ตัวของผู้หญิง อันตรายถ้าไม่รีบตรวจ?

สัญญาณเตือนการเป็น มะเร็งปากมดลูก

วิธีทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว รู้ได้อย่างไรว่ามดลูกเข้าอู่แล้ว หลังคลอดมดลูกเข้าอู่กี่วัน

ที่มา : hellokhunmor , Amarinbabyandkids , becomemom

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
ddc-calendar
เตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อย โดยใส่วันครบกำหนดคลอดของคุณ
หรือ
คำนวณวันครบกำหนดคลอด
img
บทความโดย

Chatchadaporn Chuichan

  • หน้าแรก
  • /
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • /
  • ติ่งเนื้อปากมดลูก อันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างไร รักษาได้หรือไม่
แชร์ :
  • ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

    ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

  • 7 อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ รับมือยังไง? ให้ราบรื่นตลอด 9 เดือน

    7 อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ รับมือยังไง? ให้ราบรื่นตลอด 9 เดือน

  • วิจัยชี้! คนท้องทำงานกะดึก เพิ่มความเสี่ยงแท้งลูก-คลอดก่อนกำหนด

    วิจัยชี้! คนท้องทำงานกะดึก เพิ่มความเสี่ยงแท้งลูก-คลอดก่อนกำหนด

  • ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

    ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ "เบ่งคลอด" ให้ราบรื่นและปลอดภัย

  • 7 อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ รับมือยังไง? ให้ราบรื่นตลอด 9 เดือน

    7 อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ รับมือยังไง? ให้ราบรื่นตลอด 9 เดือน

  • วิจัยชี้! คนท้องทำงานกะดึก เพิ่มความเสี่ยงแท้งลูก-คลอดก่อนกำหนด

    วิจัยชี้! คนท้องทำงานกะดึก เพิ่มความเสี่ยงแท้งลูก-คลอดก่อนกำหนด

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว