เมล็ดเจีย เรียกได้ว่าเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, ไฟเบอร์, วิตามิน และแร่ธาตุอื่น ๆ มากมาย ซึ่งคุณค่าของสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ ทั้งมีส่วนช่วยในการป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น ดังนั้น เพื่อให้การรับประทานเมล็ดเจียนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพร่างกาย เราจึงจะมาแนะนำ วิธีกินเมล็ดเจีย ให้ถูกต้องกันค่ะ เพราะถ้าหากกินไม่ถูกต้อง ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูพร้อมกันเลย
เผยเคล็ดลับ วิธีกินเมล็ดเจีย ให้ถูกต้อง
สำหรับการกินเมล็ดเจีย สามารถกินได้ทั้งแบบแห้ง และแบบแช่น้ำ และสำหรับใครที่เพิ่งมาเริ่มรับประทานเมล็ดเจีย แนะนำให้เริ่มกินแบบทีละน้อยก่อน เพื่อที่จะได้สร้างความคุ้นเคยให้กับร่างกาย โดยควรเริ่มกินประมาณ 2 – 3 ช้อนชา ต่อวัน และเมื่อร่างกายเริ่มคุ้นเคยแล้วจึงค่อย ๆ จึงค่อย ๆ ปรับปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอัตราส่วนในการกินเมล็ดเจียที่ถูกต้องจะต้องไม่ให้เกิน 6 ช้อนโต๊ะ/ต่อวัน นะคะ
และเมื่อคุณกินเมล็ดเจียเข้าไปแล้ว ก็จำเป็นจะต้องดื่มน้ำให้มากขึ้นตามไปด้วย จะเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ก็ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มชูกำลังค่ะ และสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก ท้องอืด แนะนำให้รับประทานเมล็ดเจียแบบแช่น้ำเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการกินเมล็ดเจียแบบแห้ง ๆ โดยเด็ดขาดค่ะ เพื่อที่จะได้ช่วยลดความเสี่ยงของอาการท้องอืด หรือท้องผูกค่ะ
กินเมล็ดเจียลดน้ำหนักได้จริงไหม?
เนื่องจากภายในเมล็ดเจียนั้นจะมีไฟเบอร์ และโปรตีนอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีแคลอรีที่ต่ำ เมื่อรับประทานเมล็ดเจียเข้าจึงทำให้มีอิ่มท้องนานมากขึ้น ไม่เกิดอาการหิวบ่อย ๆ แถมยังช่วยในเรื่องการปรับสมดุลของระบบขับถ่ายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้น การรับประทานเมล็ดเจียจึงเหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างมาก แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ก็จะต้องออกกำลังกายร่วมด้วยนะคะ
ทำไมกินเมล็ดเจียแล้วมีอาการท้องอืด ท้องผูก?
สำหรับบางคนเมื่อรับประทานเมล็ดเจียเข้าไป อาจเกิดปัญหามีอาการท้องอืด ท้องผูกเกิดขึ้น แทนที่การรับประทานเมล็ดเจียเข้าไปนั้นจะทำให้ขับถ่ายได้สะดวก ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นจะมีอยู่ 2 อย่าง ก็คือ การรับประทานเมล็ดเจียผิดวิธี และร่างกายไม่ตอบรับต่อธัญพืชชนิดนี้ ซึ่งวิธีการรับประทานเมล็ดเจียนั้นสามารถรับประทานได้ทั้งแบบแห้ง และแบบแช่น้ำ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องท้องผูกขับถ่ายไม่สะดวก หรือท้องอืด แนะนำให้ลองรับประทานแบบแช่น้ำนะคะ ดังนั้น ก่อนที่จะรับประทานเมล็ดเจียควรตรวจสอบดูก่อนนะคะว่าตัวเรานั้นรับประทานเมล็ดเจียถูกวิธีหรือไม่
เมล็ดเจียรับประทานกับอะไรได้บ้าง?
ในส่วนของการรับประทานเมล็ดเจีย บอกเลยว่า เมล็ดเจีย ถือเป็นธัญพืชที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย และเป็นธัญพืชที่รับประทานกับอะไรก็อร่อย สามารถรับประทานได้ทั้งแบบอาหารคาว อาหารหวาน และยังสามารถนำมาเป็นส่วนผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น นำไปโรยรับประทานกับสลัดผัก, สปาเกตตี, พิซซ่า หรือโรยตกแต่งหน้าไอศกรีม, โยเกิร์ต, ซีเรียลอาหารเช้า, พุดดิ้งเมล็ดเจีย หรือจะนำไปผสมกับเครื่องดื่มน้ำผลไม้ต่าง ๆ ได้ตามความชอบเลยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ไอเดียเมนูจากเมล็ดเจีย 35 วิธีสนุกและสร้างสรรค์จากเมล็ดเจีย อร่อยได้ประโยชน์
ข้อควรระวังในการรับประทานเมล็ดเจีย
- เวลาที่รับประทานเมล็ดเจียเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการสำลักขึ้นได้ เพราะเมื่อรับประทานเมล็ดเจียแห้งเข้า เมล็ดเจียก็จะทำการดูดซับของเหลว และเกิดการพองตัว ทำให้อาจติดในลำคอ และทำให้หลอดอาหารอุดตันได้ ดังนั้น เพื่อการรับประทานที่ปลอดภัย ควรแช่เมล็ดเจียในน้ำ 5-10 นาที เพื่อทำให้เมล็ดเจียพองตัวก่อนที่จะรับประทานนะคะ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเจียในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เพราะภายในเมล็ดเจียนั้นมีไฟเบอร์สูง ถ้าหากดื่มน้ำไม่พอ อาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ย่อยอาหารได้ยาก และทำให้เกิดอาการปวดท้อง, ท้องผูก, ท้องร่วง, ท้องอืด ตามมา
- สำหรับบางคนอาจมีอาการแพ้เมล็ดเจีย ซึ่งคนที่มีอาการแพ้เมล็ดเจียจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง หรือมีอาการคันที่ริมฝีปากหรือลิ้น และมีอาการอาเจียนเกิดขึ้น ดังนั้น หากพบว่ามีอาการแพ้ให้หยุดรับประทานทันที และรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา
- สำหรับคนที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร แนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเจียนะคะ เนื่องจากยังไม่มีการยืนยันได้ว่าการใช้เมล็ดเจียในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือช่วงให้นมบุตรนั้นจะปลอดภัย แต่ถ้าหากต้องการที่จะรับประทาน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนนะคะ
- เมล็ดเจียบางชนิด อาจส่งผลทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ถ้าหากใครที่มีไขมันชนิดนี้สูง ควรเลือกรับประทานเฉพาะเมล็ดเจียชนิดซัลบา (Salba) เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นกว่าเดิม
- สำหรับคนที่มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเจีย เพราะเมล็ดเจียนั้นมีกรดอัลฟาลิโนเลนิกอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีงานวิจัยศึกษาว่า ถ้าหากได้รับกรดชนิดนี้มาก ๆ อาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินเมล็ดเจียได้ไหม มีประโยชน์หรือมีโทษอย่างไรบ้าง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ วิธีกินเมล็ดเจีย ที่ถูกต้อง ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ หากทราบถึงวิธีกินที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากเมล็ดเจียได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนะคะ นอกจากนี้ ก็ไม่ควรกินเมล็ดเจียติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป ควรกินร่วมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และให้ได้โภชนาการที่ครบถ้วนด้วยนะคะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ประโยชน์มากมาย ! ธัญพืชสำหรับเด็ก ให้พลังงาน บำรุงสมอง ดีต่อการขับถ่ายลูก
แพ้ถั่ว มีอาการอย่างไร? รู้ได้อย่างไรว่าลูกของเราแพ้ถั่ว จัดการทำยังไง
รู้หรือไม่? ข้าวกล้อง คนท้องกินแล้วอารมณ์ดี ลดการแปรปรวนของฮอร์โมนได้
ที่มา : pobpad, hellokhunmor, Kapook