การนับประจำเดือน เป็นสิ่งที่ผู้หญิงควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเรื่องของสุขภาพแล้ว ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผนความพร้อมในการตั้งครรภ์อีกด้วย โดยวิธีการสังเกตคือ ช่วงระยะเวลาที่เป็นประจำเดือน และระยะเวลารอบของประจำเดือน ซึ่งตรงส่วนนี้ อาจทำให้หลายคนสงสัยว่า การนับประจำเดือน ต้องเริ่มยังไง แล้วการนับประจำเดือน นั้นดีอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย
ประจำเดือนคืออะไร?
ประจำเดือนหรือการมีประจำเดือนคือการหลั่งของเยื่อบุมดลูก ประจำเดือน เรียกอีกอย่างว่า ประจำเดือน ประจำเดือนเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพทางเพศตามปกติสำหรับผู้หญิงในช่วงวัยเจริญพันธุ์ โดยกระบวนการของประจำเดือน คือการที่เนื้อเยื่อเยื่อบุโพรงมดลูกหลั่งออกจากมดลูกและปล่อยทางช่องคลอดค่ะ การมีประจำเดือน ที่มีเลือดออกจากช่องคลอด
มักพบในคนและสัตว์ที่คล้ายคลึงกันเป็นหลัก เช่น ไพรเมต ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันได้แก่ สัตว์จำพวกลีเมอร์, ลิง และลิงไม่มีหาง ซึ่งรวมถึงมนุษย์ด้วย มีชื่อสามัญเรียกกันโดยทั่วไปว่า ไพรเมต จึงกล่าวได้ว่าสามารถพบไพรเมตได้ทั่วโลก โดยไพรเมตที่ไม่ใช่มนุษย์ ส่วนใหญ่จะอยู่ในแอฟริกา, ตอนล่างของทวีปเอเชีย, อเมริกากลางนั่นเอง
ผู้หญิงมีประจำเดือนประมาณทุก ๆ 28 วัน อย่างไรก็ตาม วัฏจักรนี้มีความผันแปรบางอย่างตั้งแต่รอบ 24 วันถึง 35 วัน ระยะเวลาเป็นส่วนหนึ่งของรอบเดือนของผู้หญิง เป็นสัญญาณว่าร่างกายทำงานอย่างปกติ ดังนั้นจึงมีการนับประจำเดือน และเราจะมาบอกวิธีนับประจำเดือนที่ถูกต้องกันค่ะ
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการมีประจำเดือน
นี่คือประเด็นสำคัญบางประการเกี่ยวกับการมีประจำเดือนที่ควรรู้
- โดยปกติระยะเวลาเริ่มต้นการมีประจำเดือนจะอยู่ระหว่างอายุ 8 ถึง 16 ปี
- โดยเฉลี่ยแล้วเลือดจะหลั่งประมาณ 5 ถึง 12 ช้อนชา
- อาการของโรคก่อนมีประจำเดือน (PMS) ได้แก่ ท้องอืด หงุดหงิด และเจ็บเต้านม
ทำไมต้องนับประจำเดือน
เพราะการนับประจำเดือนนั้น เป็นวิธีที่จะทำให้สาว ๆ สังเกตการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของร่างกายที่เกิดขึ้น ทั้งในช่วงก่อนและหลังการมีประจำเดือน รวมถึงอาการ ในระหว่างมีประจำเดือน เพราะการมีประจำเดือนเป็นจุดเริ่มต้นของปีเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ตั้งแต่มีประจำเดือนครั้งแรกหรือสองสามวันก่อนสามารถตั้งครรภ์ได้ การมีประจำเดือนจะจบลงด้วยวัยหมดประจำเดือน โดยปกติแล้วจะอยู่ระหว่างอายุ 45 ถึง 55 ปี หญิงสาวจะสังเกตเห็นช่วงเวลาแรกของเธอเพราะเลือดจะมาจากช่องคลอดของเธอ
ผู้หญิงคนหนึ่งมีรังไข่ 2 ข้าง ซึ่งแต่ละรังไข่มีไข่จำนวนหนึ่ง ทุกเดือนในช่วงปีเจริญพันธุ์จะมีการออกไข่ นอกจากนี้ ทุกเดือน มดลูกจะเตรียมเยื่อบุในกรณีที่ไข่ควรปฏิสนธิ ถ้าไข่ไม่ปฏิสนธิก็ไม่จำเป็นต้องใส่ซับในและจะหลั่งร่วมกับไข่ เราเห็นว่าการหลั่งนี้เป็นเลือด นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า ประจำเดือน หากไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว มดลูกก็จะต้องการซับในและจะไม่หลุดร่วง นี่คือสาเหตุที่ช่วงเวลาหยุดลงเมื่อเริ่มตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 20 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับประจำเดือน เช็กเลยว่าอาการไหนคือความผิดปกติ!
ประจำเดือนเริ่มเมื่อไหร่ และ นับประจำเดือนวันแรกยังไง?
Menarche (การมีประจำเดือนครั้งแรก / การเริ่มแรกมีระดู) เป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลา มันจะเกิดขึ้นเมื่อทุกส่วนของระบบสืบพันธุ์ของเด็กผู้หญิงโตเต็มที่และทำงานร่วมกัน ช่วงเวลาของเด็กผู้หญิงมักเริ่มต้นระหว่างอายุ 12 ถึง 14 ปี แต่อาจแตกต่างกันตั้งแต่ 8 ถึง 16 ปี การมีประจำเดือนเป็นขั้นตอนสำคัญในวัยแรกรุ่นของเด็กผู้หญิง เป็นหนึ่งในสัญญาณทางกายภาพหลายประการที่ผู้หญิงกลายเป็นผู้หญิง
วิธีสังเกต ประจำเดือนครั้งแรกยังไง
ประมาณ 6 เดือนก่อนมีประจำเดือน เด็กผู้หญิงอาจตรวจพบตกขาวที่ชัดเจนขึ้น เว้นแต่สารคัดหลั่งจะมีกลิ่นแรงหรือทำให้เกิดอาการคัน ถือเป็นเรื่องปกติและไม่มีอะไรต้องกังวล ประจำเดือนจะเกิดขึ้นเป็นประจำจนกว่าสตรีจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
วิธีนับประจำเดือนในแต่ละเดือน
วันนี้เรานำวิธี วิธีนับประจำเดือนมาฝากสาว ๆ โดยปกติ ผู้หญิงมักจะมีประจำเดือน 1 – 8 วัน ซึ่งจะไม่เกินจากนี้ แต่หากพบว่ามีประจำเดือนมามากเกิน 8 วัน ซึ่งผิดปกติและควรที่จะรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษา และสำหรับการ นับประจำเดือนนั้น ควรเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน ให้เป็นวันที่ 1 หลังจากนั้นจึงนับต่อไป จนเมื่อประจำเดือนมาอีกรอบจะถือว่าเป็นวันที่ 1 ใหม่ โดยระยะเวลาปกติที่ประจำเดือนจะมา จะอยู่ในช่วง 21 – 35 วัน โดยส่วนใหญ่ประจำเดือนจะมาราว ๆ วันที่ 28 ซึ่งหากระยะเวลามากกว่าหรือน้อยกว่านี้ ก็อาจกลายเป็นความผิดปกติได้
รู้จักรอบประจำเดือน
การมีรอบเดือน จะแบ่งออกได้เป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงก่อนไข่ตก ช่วงไข่ตก ช่วงหลังไข่ตก และช่วงมีประจำเดือน ดังนี้
- ช่วงก่อนไขตก เป็นช่วงที่ประจำเดือนสิ้นสุดลง ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น และเยื่อบุโพรงมดลูกก็จะเริ่มหนาขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิร่างกายของคุณลดลง
- ช่วงไขตก เป็นช่วงที่ปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเพิ่มสูงสุด และไข่ถูกปล่อยออกมาจากรังไข่
- ช่วงหลังไข่ตก เป็นช่วงที่ฟอลลิเคิล (Follicle) เปลี่ยนเป็นคอร์ปัส ลูทีล (corpus luteum) และจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาจำนวนมาก การที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกนิ่มและอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น
- ช่วงมีประจำเดือน หากไม่มีการตั้งครรภ์ เยื่อบุโพรงมดลูกที่เตรียมไว้สำหรับการปฏิสนธิ จะหลุดลอกและถูกขับออกมาถ่ายร่างกาย กลางเป็นประจำเดือน
ข้อดีของการนับประจำเดือน
-
ช่วยป้องกันโรค
นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะการนับประจำเดือน จะช่วยให้คุณสามารถสังเกตอาการผิดปกติเบื้องต้นจากมดลูกได้ ซึ่งความผิดปกติเหล่านั้นหากละเลยหรือปล่อยผ่าน อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งในกรณีร้ายแรงอาจอันตรายถึงขั้นที่บางครั้งอาจเกิดเป็นก้อนเนื้อร้ายหรือมะเร็งได้
-
เตรียมพร้อมได้ทันท่วงที
สำหรับผู้ที่มีประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ การนับและจดประจำเดือนจะสามารถทำให้คาดคะเนได้ว่า ประจำเดือนในรอบถัดไปจะมาประมาณวันไหน ทำให้สามารถเตรียมพร้อมผ้าอนามัย ไว้รับมือได้หากต้องออกจากบ้าน
-
รู้วันปลอดภัย
สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ การนับระยะปลอดภัยจะต้องมีระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อความแม่นยำ นับประจำเดือนวันแรกยังไง ให้สังเกตโดยเอารอบเดือนที่สั้นที่สุดมาลบ 18 ส่วนรอบที่ยาวที่สุดมาลบ 11 เช่นรอบเดือนสั้นสุดวันที่ 27 กับยาวสุดวันที่ 30 มาหักลบ ก็จะได้ 9 และ 19 ตามลำดับ ทำให้ระยะอันตรายคือวันที่ 9 -19 โดยนับจากวันที่ประจำเดือนมาวันแรก เป็นวันที่ 1 ซึ่งหากนอกเหนือจากระยะนี้ก็จะนับว่าเป็นระยะที่ปลอดภัย
สำหรับวิธีการที่เรียกว่า หน้าเจ็ด หลังเจ็ด นั้น เป็นวิธีที่สาว ๆ นิยมใช้กัน โดยต้องขอเตือนก่อนว่า วิธีนี้ไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่ดีและแม่นยำนัก และพบว่าส่วนใหญ่มักจะนับผิดกัน เพราะมักจะไปนับวันหมดประจำเดือนเป็นวันที่ 1 ซึ่งวิธีนับที่ถูกต้องคือ “หน้าเจ็ด” คือ ก่อนมีประจำเดือน 7 วัน ส่วน “หลังเจ็ด” คือ 7 วัน โดยนับวันที่ประจำเดือนมาวันแรก เป็นวันที่ 1 โดยวิธีนี้นั้นจะเหมาะกับคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีรายละเอียดเพิ่มเติม ตามนี้เลยค่ะ
-
คาดเดาวันไข่ตกได้
หากใครที่กำลังวางแผนสำหรับการตั้งครรภ์นั้น การนับประจำเดือนและนับประจำเดือนวันแรก จะสามารถคาดเดาวันไข่ตกได้อย่างง่าย ๆ โดยไข่จะตกก่อนที่จะมีประจำเดือนครั้งถัดไป 14 วัน ดังนั้นคนที่นับประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งคาดคะเนวันที่ประจำเดือนครั้งถัดไป ได้แม่นเท่าไร โอกาสที่จะคาดคะเนวันไข่ตกก็จะแม่นยำตามไปด้วย
สำหรับการตกไข่ในผู้หญิงนั้น จะมีการตกไข่เดือนละ 1 ครั้ง เมื่อมีการนับวันตกไข่ที่แน่นอนสำหรับแต่ละคนแล้ว ก็จะช่วยกำหนดวันมีเพศสัมพันธ์ ที่จะเพิ่มโอกาสมีลูกมากขึ้น เพราะในช่วงวันที่ตกไข่ จะเป็นช่วงที่อสุจิสามารถเข้าไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ได้ตามธรรมชาติ และส่งผลให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพิ่มขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : นับวันไข่ตก จากมูกช่องคลอดได้อย่างไร? เรื่องที่ผู้หญิงควรรู้
หน้า 7 หลัง 7 นับยังไงไม่มีพลาด?
สำหรับในกรณี คู่ที่ยังไม่พร้อมจะมีลูกอาจใช้วิธีการคาดเดาช่วงเวลาแบบ หน้า 7 หลัง 7 เพื่อป้องกันเบื้องต้น แต่เชื่อว่ายังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ยังสับสนกับวิธีการนับกันอยู่ จะต้องนับอย่างไร แล้วระยะเวลาไหนล่ะ คือช่วงเวลาปลอดภัย หน้า 7 หลัง 7 คือ การคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติ หรือ Fertility Awareness Method: FAM โดยใช้ช่วงเวลาที่ไข่ตกไปแล้ว จนถึงก่อนไข่โต เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มดลูกไม่เหมาะสำหรับการตั้งครรภ์ ระยะปลอดภัยนี้อยู่ในช่วงดังนี้
- หน้า 7 คือ 7 วัน “ก่อน” วันที่ประจำเดือนมา
- หลัง 7 คือ 7 วัน “หลังจากวันแรก” ที่มีประจำเดือน
ซึ่งการนับหน้า 7 หลัง 7 นี้จะเป็นระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันหรืออุปกรณ์คุมกำเนิด เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เช่น ประจำเดือนในรอบนี้ จะมาในวันที่ 8 9 10 11 การนับระยะปลอดภัยหน้า 7 คือ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 – 7 และการนับระยะปลอดภัยหลัง 7 คือ นับจากวันที่ 8 – 14 ดังนั้นจากตัวอย่างที่กล่าวมา ระยะปลอดภัยของการมีเพศสัมพันธ์ คือ วันที่ 1 – 14 นั่นเอง
โดยเน้นย้ำว่า วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับสุภาพสตรีที่มีรอบเดือนที่มาปกติสม่ำเสมอเท่านั้น หากมีความคลาดเคลื่อนแม้แต่เพียงวันเดียวก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามการมีเพศสัมพันธ์เมื่อยังไม่พร้อมมีบุตร ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันทั้งความเสี่ยงในการมีลูกและโรคติดต่อค่ะ
วิธีนับประจำเดือนและนับวันไข่ตก
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือการตั้งครรภ์สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันได้ตลอดเวลาในระหว่างรอบเดือน หากไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดลง และเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrium) จะเริ่มสลายตัว นี่เป็นจุดเริ่มต้นของประจำเดือน ระยะเวลาประกอบด้วยเลือดจำนวนเล็กน้อยและเยื่อบุโพรงมดลูก เลือดออกเกิดจากการแตกของเส้นเลือดฝอยภายในมดลูกเมื่อเยื่อบุหลุดออกจากตัวมันเอง
ระยะเวลาโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน เลือดออกมีแนวโน้มที่จะหนักขึ้นในช่วง 2 วันแรก แม้ว่าการไหลเวียนของเลือดจะดูหนัก แต่ปริมาณเลือดที่เสียไปมักจะอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 12 ช้อนชา ผู้หญิงบางคนมีประจำเดือนหนักกว่าปกติหรือที่เรียกว่าประจำเดือน แพทย์ควรประเมิน Menorrhagia เนื่องจากอาจทำให้เกิดปัญหาเช่นโรคโลหิตจางเนื่องจากการนับเม็ดเลือดต่ำ
สัญญาณเตือนอาการก่อนประจำเดือนมา
วิธีการนับประจำเดือน อาจมีสัญญาณ จากอาการก่อนมีประจำเดือนได้เช่นกัน นั่นคือ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) หรือภาวะก่อนมีประจำเดือน (PMT) คือกลุ่มอาการทางอารมณ์ จิตใจ และร่างกายที่เชื่อมโยงกับรอบประจำเดือนของผู้หญิง อาการที่ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกได้ในช่วงก่อนมีประจำเดือน ได้แก่
- ท้องอืด
- สิว
- ปวดหัวรวมทั้งไมเกรน
- ความหงุดหงิด
- ปวดโดยเฉพาะปวดหลัง
- อารมณ์ต่ำ
- มักมีอารมณ์หรือเป็นทุกข์
- นอนไม่หลับ
- ขาดสมาธิ
- ความอ่อนโยนของเต้านมหรือบวม
- น้ำหนักขึ้นเล็กน้อย
- กินจุ
เมื่อประจำเดือนมาและผู้หญิงเริ่มมีเลือดออก อาการโดยทั่วไปจะดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อสิ้นสุดรอบเดือน
ปัจจัยการเพิ่มโอกาส PMS
- การบริโภคคาเฟอีนสูง
- ความเครียด
- ประวัติภาวะซึมเศร้าหรือความเจ็บป่วยทางจิตอื่น ๆ
- การสูบบุหรี่และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ประวัติครอบครัว PMS
- ระดับต่ำของวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด แคลเซียม และวิตามินบี
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ความยาวเฉลี่ยของรอบคือ 28 วัน แต่อาจแตกต่างกันตั้งแต่ 21 ถึง 40 วัน
ภาวะขาดประจำเดือน คืออะไร?
การนับประจำเดือน มีข้อดีให้เรารู้ทันการผิดปกติของร่างกายเรา เช่น ภาวะขาดประจำเดือน คือ การที่ผู้หญิงหยุดมีประจำเดือนโดยปกติมักจะพลาดสามรอบติดต่อกัน ซึ่งภาวะขาดประจำเดือนนั้นยังเกิดขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ออกกำลังกายมากเกินไปหรือลดน้ำหนัก
- ความเครียด
- ยาบางชนิดรวมถึงการคุมกำเนิด
- ปัญหาฮอร์โมน
- การตั้งครรภ์
- แพทย์อาจกำหนดให้ใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อรักษาภาวะขาดประจำเดือน
อาการเจ็บปวดจากประจำเดือน
การปวดประจำเดือน ถือเป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีอาการปวดมดลูกอย่างรุนแรงในช่วงมีประจำเดือน ผู้หญิงส่วนใหญ่มีอาการปวดเล็กน้อยในช่วงมีประจำเดือน แต่ถ้าปวดมากจนรบกวนการทำงานปกติ จะเรียกว่าประจำเดือน อาจต้องใช้ยา ผู้หญิงบางคนมีอาการปวดในช่วงก่อนมีประจำเดือน ขณะที่บางคนมีประจำเดือนในระหว่างมีประจำเดือน เมื่อประจำเดือนหมดลง ความเจ็บปวดก็มักจะเกิดขึ้นเช่นกัน ผู้หญิงบางคนมีประสบการณ์ทั้งประจำเดือนและประจำเดือนหรือเสียเลือดมากเกินไป โดยอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น
- ตะคริวและปวดในช่องท้องส่วนล่าง
- ท้องเสีย
- ปวดหัว
- ปวดหลัง
- คลื่นไส้
- ปวดร้าวลงขา
- ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
- ความอ่อนแอ
- อาเจียน
บทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำ 13 วิธี หยุดอาการปวดประจำเดือน มดลูกจ๋า อย่าใจร้าย
การรักษาอาการปวดประจำเดือน
ผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือน สามารถใช้วิธีเหล่านี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดได้
- ยาแก้ปวด สำหรับอาการปวดประจำเดือนและความรู้สึกไม่สบาย ยาแก้ปวดสามารถให้ผลได้ เหล่านี้อาจรวมถึง acetaminophen (Tylenol), ibuprofen และแอสไพริน
- การคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดมักช่วยลดอาการปวดประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะบางลง ส่งผลให้มีการหดตัวน้อยลงในช่วงมีประจำเดือน
- การออกกำลังกาย การออกกำลังกายได้รับการค้นพบเพื่อช่วยลดระดับความรู้สึกไม่สบายและความเจ็บปวดที่ผู้หญิงมีปัญหาเรื่องระยะเวลา
- เทคนิคการผ่อนคลาย สิ่งเหล่านี้รวมถึงการออกกำลังกายการหายใจ การนวด และการใช้ยา ผู้หญิงบางคนฝึกโยคะเพื่อลดความเจ็บปวดและความเครียด
- การรักษาความร้อน การถือขวดน้ำร้อนแนบหน้าท้องอาจช่วยลดความรู้สึกไม่สบายได้
- การอาบน้ำอุ่น นอกจากจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว การอาบน้ำอุ่นยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไม่สบายได้อีกด้วย
การมีประจำเดือนกับการตั้งครรภ์
- การมีประจำเดือนระหว่างตั้งครรภ์ ไม่น่าเป็นไปได้นะคะ แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่จะตั้งครรภ์หากคุณมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาของคุณ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของรอบเดือนของคุณ เนื่องจากสเปิร์มสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 5 วัน
- จุดประสงค์ของประจำเดือนคือเพื่อเตรียมมดลูกให้พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ หากการปฏิสนธิไม่เกิดขึ้น ไข่และเยื่อบุที่ไม่ได้ใช้จะหลุดออก และมดลูกก็พร้อมที่จะลองอีกครั้ง ประจำเดือนไม่ต่อเนื่องในระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น
- คุณไม่น่าจะมีประจำเดือนในระหว่างตั้งครรภ์ แต่การจำหรือเลือดออกอาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ในเวลาที่คุณมีประจำเดือนตามปกติ
- เลือดออกอาจเกิดขึ้นประมาณสัปดาห์ที่ 6 ในขณะที่รกเข้ามาบำรุงทารกในครรภ์
- เลือดออกอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือการสูญเสียการตั้งครรภ์ ควรรายงานการตกเลือดใด ๆ ต่อแพทย์
การนับประจำเดือน หรือรอบเดือน เป็นสิ่งที่สำคัญต่อผู้หญิงมาก ๆ ทั้งในด้านป้องกันการเกิดโรคร้าย หรือในด้านการวางแผนการตั้งครรภ์ จนรวมไปถึงด้านการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ยังรวมถึงการเตรียมความพร้อมในวันที่จะมีประจำเดือน เพราะคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ หากไม่ได้เตรียมพร้อมก่อนออกไปข้างนอก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ประจำเดือนขาดกี่วันท้อง ประจำเดือนไม่มา ท้องหรือเปล่า
แพ้ผ้าอนามัย ควรทำอย่างไร? มารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปพร้อมกัน!
ของกิน แก้ปวดประจำเดือน ในเซเว่น หาซื้อง่าย ปวดท้องเมนส์ กินอะไรดี?
ร่วมแชร์ประสบการณ์ เกี่ยวกับการนับประจำเดือน ได้ที่นี่!
วิธีนับประจำเดือน มีวิธีไหนนับได้แม่น ๆ บ้างคะ
ที่มา : haihealth, Sanook, ladyissue, sofyclub