ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ผ่าคลอดได้กี่คน เป็นคำถามที่คุณแม่หลายคนสงสัย การทำความเข้าใจข้อเท็จจริงและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผ่าคลอด โดยเฉพาะการผ่าคลอดหลายครั้ง จะช่วยให้คุณแม่ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมที่สุดสำหรับตนเองและลูกน้อย บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่ปลอดภัยในการผ่าคลอด พร้อมทั้งไขข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการผ่าคลอด ที่คุณแม่อยากรู้
ผ่าคลอดได้กี่คน ลูกถึงจะปลอดภัย
การผ่าคลอดสามารถทำได้หลายครั้ง แต่การผ่าตัดแต่ละครั้งก็เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่าคลอดเกิน 3 ครั้งขึ้นไป
เหตุผลที่ไม่ควรผ่าคลอดหลายครั้ง
การผ่าคลอดแต่ละครั้ง เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ยิ่งผ่าตัดมากครั้ง ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น ตัวอย่างภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น
การผ่าคลอดทำให้เกิดแผลเป็นที่มดลูก ซึ่งแผลเป็นนี้จะทำให้มดลูกมีความยืดหยุ่นน้อยลง และผนังมดลูกบางลง เพิ่มโอกาสที่มดลูกจะปริแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการตั้งครรภ์ครั้งต่อๆ ไป หรือระหว่างการคลอด
แผลเป็นจากการผ่าคลอด เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้รกเกาะผิดปกติ เช่น รกเกาะต่ำ (รกเกาะบริเวณปากมดลูก) หรือรกเกาะแน่น (รกฝังลึกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก) ภาวะเหล่านี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ตกเลือดระหว่างตั้งครรภ์หรือคลอด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทั้งแม่และลูก
การผ่าตัดทุกชนิดมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการผ่าคลอดก็เช่นกัน ยิ่งผ่าตัดหลายครั้ง โอกาสติดเชื้อก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด หรือการติดเชื้อในมดลูก
เนื่องจากการผ่าตัดทุกครั้งจะทำให้เกิดพังผืดหรือแผลเป็นภายในช่องท้อง ซึ่งพังผืดเหล่านี้จะยึดอวัยวะต่างๆ ไว้ใกล้กัน ยิ่งผ่าตัดหลายครั้ง พังผืดก็ยิ่งมากขึ้น และเพิ่มโอกาสที่ศัลยแพทย์จะพลาดไปโดนอวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ หรืออวัยวะในระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ระหว่างการผ่าตัด ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้ นอกจากนี้ พังผืดยังอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องเรื้อรังได้อีกด้วย

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนของการผ่าคลอด
การผ่าคลอดเป็นทางเลือกที่ช่วยให้แม่และลูกปลอดภัย โดยเฉพาะในกรณีที่การคลอดทางช่องคลอดอาจมีความเสี่ยง เช่น ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ ครรภ์เป็นพิษ หรือแม่มีโรคประจำตัว
แม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันจะช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าคลอดได้มาก แต่การผ่าคลอดก็ยังคงเป็นการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งอาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ทั้งระหว่างและหลังผ่าตัด
ดังนั้น หลังการผ่าคลอด คุณแม่จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและกลับมาแข็งแรงโดยเร็วที่สุด
ท้องแรกผ่าคลอด ท้องสองคลอดเองได้ไหม
เมื่อคุณแม่ ผ่าคลอดท้องแรกแล้ว แพทย์มักไม่แนะนำให้คลอดธรรมชาติในท้องต่อไป แต่ก็มีบางกรณี คุณแม่ที่เคยผ่าคลอด มีโอกาสคลอดทางช่องคลอดในท้องถัดมาได้
แม้ว่าการผ่าคลอดจะทำให้เกิดแผลเป็นที่มดลูก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกของมดลูกในระหว่างการคลอดครั้งต่อไป แต่โอกาสเกิดขึ้นจริงมีเพียงเล็กน้อย ประมาณ 2-4% เท่านั้น และด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้คุณแม่หลายคนสามารถคลอดทางช่องคลอดหลังการผ่าคลอด (VBAC) ได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม การจะคลอดแบบ VBAC ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เป็นรายบุคคล เช่น
- ลักษณะของแผลผ่าตัด แผลที่มดลูกเป็นแนวตั้งหรือแนวนอน ขนาดของแผล และความหนาของผนังมดลูกบริเวณแผล
- สุขภาพของแม่ โรคประจำตัว ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ และความพร้อมทางร่างกาย
- สุขภาพของทารก ขนาด ตำแหน่ง และภาวะแทรกซ้อนของทารก
แพทย์จะประเมินความเสี่ยงโดยรวม และให้คำแนะนำที่ดีที่สุดแก่คุณแม่ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกวิธีคลอดที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อย
ผ่าคลอดคนที่2แผลเดิมไหม
นอกจาก ผ่าคลอดได้กี่คน หลายคนสงสัยว่า ถ้าผ่าคลอดลูกคนที่สอง จะผ่าตรงแผลเดิมจากการผ่าคลอดครั้งแรกหรือไม่? คำตอบคือ ใช่ค่ะ
โดยทั่วไป ศัลยแพทย์จะเลือกผ่าตัดตามแนวแผลเดิม เพื่อลดจำนวนแผลเป็นบนร่างกายของคุณแม่ เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉิน หรือมีเหตุจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถใช้แผลเดิมได้ เช่น
- แผลเดิมมีปัญหา เช่น แผลติดเชื้อ แผลเป็นหนา หรือมีพังผืดมาก
- ตำแหน่งของทารก เช่น ทารกตัวใหญ่มาก หรืออยู่ในท่าที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
- ภาวะแทรกซ้อน เช่น รกเกาะต่ำ หรือมีภาวะเลือดออกผิดปกติ
ในกรณีเหล่านี้ แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดในตำแหน่งใหม่ ซึ่งอาจเป็นแผลเล็กๆ ใต้ขอบบิกินี่ หรือแผลแนวตั้ง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และความปลอดภัยของคุณแม่และทารกเป็นสำคัญ

หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง
หลังผ่าคลอด คุณแม่จะต้องงดน้ำและอาหารในช่วงแรก เพื่อให้ระบบย่อยอาหารฟื้นตัว เมื่อแพทย์อนุญาตให้รับประทานอาหารได้ ควรเริ่มจากอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม แกงจืด และค่อยๆ เพิ่มปริมาณและชนิดของอาหาร เมื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้าน คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อบำรุงร่างกาย เสริมสร้างน้ำนม และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เช่น
- โปรตีน จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และสร้างน้ำนม แหล่ง ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ ถั่ว ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม (ควรหลีกเลี่ยงปลาทะเลบางชนิด เช่น ปลาทูน่า ปลาทู ซึ่งอาจมีสารปรอทปนเปื้อน) เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และสร้างน้ำนม
- ผักใบเขียวและผลไม้ อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย และบำรุงเลือด ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า ตำลึง เป็นแหล่งของธาตุเหล็ก ส่วนผลไม้ เช่น กล้วย ส้ม ฝรั่ง ให้วิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานแก่ร่างกาย ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ข้าวโอ๊ต และธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งจะช่วยให้อิ่มนาน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ไขมันดี จำเป็นต่อการดูดซึมวิตามิน และการทำงานของระบบประสาท แหล่งไขมันที่ดี ได้แก่ น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วต่างๆ และปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน
- แคลเซียม สำคัญต่อการสร้างกระดูก และฟัน แหล่งแคลเซียมที่ดี ได้แก่ นม โยเกิร์ต ชีส งา ปลาเล็กปลาน้อย และผักใบเขียวบางชนิด
- น้ำ ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายสดชื่น ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม
ข้อห้ามหลังผ่าคลอด
การดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดที่ดีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้แผลหายเร็ว ลดโอกาสเกิดแผลเป็น โดยคุณแม่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- รักษาความสะอาด ห้ามแกะ เกา หรือสัมผัสแผลโดยไม่จำเป็น ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ จนกว่าแพทย์จะอนุญาต หากแผลเปียกน้ำ ให้ซับเบาๆ ด้วยผ้าสะอาด เพื่อป้องกันความอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การยกของหนักจะเพิ่มแรงกดที่แผล ทำให้แผลหายช้า และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- งดเว้นการออกกำลังกายหนัก ควรงดเว้นการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมาก เช่น ยกเวท วิ่ง หรือกระโดด จนกว่าแพทย์จะอนุญาต
- หลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันไดบ่อยๆ การขึ้นลงบันไดจะทำให้แผลเกิดการเสียดสี และอาจทำให้แผลหายช้า
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ เพราะคาเฟอีนอาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ และส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็ก
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น อาหารเผ็ด อาหารหมักดอง เพราะอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร และทำให้แผลหายช้า
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อย
หากคุณแม่สังเกตอาการผิดปกติ หากพบว่าแผลมีอาการบวม แดง ร้อน มีหนอง หรือมีกลิ่นเหม็น ควรไปพบแพทย์ทันที
จากที่กล่าวมา หากคุณแม่ต้องการผ่าคลอด จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการคลอดอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงสุขภาพของทั้งแม่และลูกเป็นสำคัญค่ะ
ที่มา: โรงพยาบาลพญาไท , โรงพยาบาลวิมุต , โรงพยาบาลศิครินทร์ , โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
หมอเตือนแม่ๆ อย่าหาทำ! แม่ผ่าคลอดกินลูกปลาช่อน จะทำให้แผลหายเร็ว
อาการผิดปกติหลังผ่าคลอด ที่ต้องไปพบแพทย์
แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด คีลอยด์ รักษายังไง? วิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หายเร็ว
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!