ลูกมาร้องไห้บอกว่าเพื่อนแกล้งดึงผม เพราะผมหยิก ผมหยัก มีผมฟู หรือผู้ปกครองอาจมีความ อยากให้ลูกผมตรง เพราะเชื่อว่าดูดีกว่า ช้าก่อน ก่อนลงมือทำอะไรกับเส้นผมลูก ต้องเข้าใจกันก่อนว่าพันธุกรรมของเส้นผมนั้นเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และลักษณะของเส้นผมไม่ได้จำกัดคำว่า “ดูดี” หรือไม่ได้ ต้องปรับความคิดใหม่ ให้ลูกเข้าใจว่าเส้นผมของตนเองไม่ใช่สิ่งเลวร้าย พร้อมแนะนำวิธีบำรุงรักษาเส้นผม ให้เส้นผมแข็งแรง ไม่ชี้ฟูมากกว่าเดิม และมีความตรงมากขึ้น เพื่อความเรียบร้อยระหว่างวัน
อยากให้ลูกผมตรง ต้องถามก่อนว่าทำไม ?
หากผู้ปกครองเข้ามาอยู่ในบทความนี้ แสดงว่ากำลังมองหาวิธีที่จะช่วยให้ลูกมีผมตรง เพราะลูกมีผมหยิก มีผมหยักศก ไม่ได้เรียบตรงเหมือนคนอื่น ๆ ผู้ปกครองต้องพิจารณาที่มาของความต้องการให้ดี หากเป็นเพราะอยากให้ลูกสวย อยากให้ลูกดูดีเฉย ๆ อาจจะทำให้ลูกเข้าใจผิด คิดว่าผมหยิก ผมหยักศกที่ตัวเองมี ไม่ใช่สิ่งที่สวย เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่อยากได้ จนอาจเกิดความรู้สึกด้านลบกับตนเอง และกับผู้อื่นที่มีผมหยิกเหมือนกันได้ หรือเกิดจากการที่มีเพื่อนล้อเลียนเรื่องเส้นผมที่โรงเรียน ทำให้ลูกไม่ชอบผมหยิกหรือเปล่า เหตุผลเหล่านี้คงต้องพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำผมให้ตรง เพราะควรให้ลูกเรียนรู้ก่อนว่าควรคิดแบบไหน หรือรับมืออย่างไรกับปัญหาเหล่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : แม่ตอบคำถามจากลูก “หนูมีผมหยิก ไม่น่ารักตรงไหน”
เหล่าสาเหตุที่อยากให้ลูกผมตรง
เรื่องลักษณะเส้นผมที่ผู้ปกครองอาจไม่ได้คิดมาก อาจมองเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเด็กอาจมีอะไรมากกว่านั้น สาเหตุที่กระตุ้นให้ลูกอยากมีผมตรงมีหลายสาเหตุ ตัวอย่างเช่น
- ต้องการให้ลูกมีผมสวย : เป็นความต้องการที่เกิดมาจากผู้ปกครองเอง เด็ก ๆ อาจไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้เจออะไรมาที่ทำให้อยากผมตรง หากเป็นแบบนี้ผู้ปกครองควรถามลูกก่อน ไม่ควรตัดสินใจในเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อลูกโดยไม่ถามให้ดี และผู้ปกครองควรเข้าใจว่า ความสวยงามมีหลายรูปแบบไม่ใช่แค่คนผมตรงเท่านั้นที่จะเป็นคนสวยได้
- ลูกถูกล้อเลียนเรื่องเส้นผม : ลูกอาจไปโรงเรียนมา แล้วถูกเพื่อนล้อ ทำให้ลูกรู้สึกว่าการที่มีผมหยิกไม่ใช่เรื่องดี ไม่มีใครชอบ หากสาเหตุเกิดจากเรื่องนี้ ผู้ปกครองอย่านิ่งเฉย ควรพูดคุยให้ลูกเข้าใจว่า ลูกนั้นไม่ได้ผิด การที่มีผมหยิกไม่ได้บอกว่าใครดี หรือบอกว่าใครสวย ลูกควรเข้าใจในเรื่องนี้ ก่อนที่จะพูดคุยกับลูก แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำผมตรงหรือไม่
- ลูกเห็นผู้ปกครองยืดผม : การที่เด็กคนหนึ่งจะมีผมหยิก ผมหยักศก แน่นอนว่าต้องมาจากพันธุกรรมของพ่อและแม่ และผู้ปกครองคงมีเหตุผลที่ไม่อยากให้ผมตนเองหยิก จึงไปยืดตลอดมา ลูกที่เห็นแบบนี้จะมีความเข้าใจไปเองว่ามีผมหยิกไม่ดี ตนเองมีผมหยิกจึงอยากจะยืดผมให้ตรงบ้าง แน่นอนว่าผู้ปกครองต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่ากุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาเบื้องต้น คือ การพูดคุยให้รู้สาเหตุ และความคิดของลูกว่า คิดแบบไหนกับเส้นผมของตนเอง พูดคุยให้ลูกเข้าใจถึงความสวยที่มีได้หลายแบบ เมื่อลูกเข้าใจแล้ว จึงเข้าสู่การพูดคุยว่าอยากมีผมตรงหรือไม่ หากมีความจำเป็น หรือตกลงกันแล้วจึงค่อยอ่านบทความส่วนต่อไป
![อยากให้ลูกผมตรง](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2022/12/help-child-to-have-straight-hair.jpg?width=700&quality=10)
จะยืดผมให้ลูกเหรอ ? ความเสี่ยงมีมากกว่าที่คิด
ผู้ปกครองมาถึงจุดนี้คงอยากจะพาลูกตัวน้อยไปยืดผมแล้ว เพราะพูดคุยแล้วว่าจะช่วยให้ลูกมีผมที่ตรงมากขึ้น แต่การยืดผมไม่ใช่การแก้ปัญหาถาวร ต้องคอยทำอยู่ตลอด และยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้พอสมควร ในกรณีของเด็ก ๆ นั้น ยิ่งต้องเลี่ยง เนื่องจากขั้นตอนที่เสี่ยงต่อการใช้สารเคมี ที่อาจเป็นอันตราย ทำให้ลูกมีอาการแพ้ ไปจนถึงการสะสมสารเหล่านั้นบนเส้นผม บนหนังศีรษะของลูกตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้มีโอกาสสูงที่ลูกจะมีเส้นผมแห้งเสียได้ไวกว่าเด็กในวัยรุ่นเดียวกันแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เราจึงแนะนำให้มองไปที่การบำรุงเส้นผม เพื่อให้ผมมีสุขภาพดี ลดผมหยิก ลดผมหยักให้น้อยลง ดูเรียบร้อยมากขึ้นได้
4 วิธีช่วยให้ลูกผมหยิกมีสุขภาพผมดี ผมเรียบตรงขึ้น
การยืดผมเป็นขั้นตอนที่เราอาจไม่แนะนำหากเด็กยังไม่โตพอ ดังนั้นเราจึงแนะนำการบำรุงเส้นผมให้กับลูก และการดูแลให้ผมไม่พันกัน มีสุขภาพดี และมีความเรียบตรงขึ้นได้บ้างไปก่อน หมั่นทำบ่อย ๆ จะค่อย ๆ เห็นผลเอง ดังนี้
1. สระผมให้ถูกวิธี เพิ่มการบำรุงเส้นผม
ยาสระผม / แชมพูมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ควรเลือกที่เหมาะสมกับเด็ก พยายามเลี่ยงยาสระผมที่มีส่วนผสมของคอนดิชันเนอร์ลงไปด้วย กรณีต้องการใช้ หรือลูกโตพอที่จะใช้คอนดิชันเนอร์ ควรใช้แบบแยกเป็นยาสระผม 1 ตัว และคอนดิชันเนอร์ 1 ตัวจะดีกว่า และให้เลือกสูตรที่เน้นบำรุงรากผม นอกจากนี้ระหว่างที่ใช้คอนดิชันเนอร์ สามารถใช้หวีซี่ห่างสางผมไปด้วย เพื่อให้เส้นผมได้รับการบำรุงอย่างทั่วถึง ควรสระผมด้วยน้ำเย็น เพื่อลดปัญหาการชี้ฟู และควรเลี่ยงการสระผมบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้เส้นผมขาดความชุ่มชื้น จนแห้งฟูยิ่งกว่าเดิมได้
2. เลือกยาสระผม / แชมพูที่ป้องกัน SPF
หากมีผมหยิกฟู หรือหยักศก และยังต้องแห้งเสียด้วย จะทำให้ลำบากได้ การปกป้องเส้นผมจากแสงแดดมีความสำคัญมาก เนื่องจากแสงแดดในประเทศไทยที่ร้อนแรง สามารถทำให้ผมแห้งเสียได้ ยิ่งถ้าลูกเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรม ชอบเล่นกลางแจ้ง ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการดูแลเส้นผม ป้องกันไม่ให้แสงแดดทำร้ายได้โดยตรง
![อยากให้ลูกผมตรง 2](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2022/12/help-child-to-have-straight-hair-2.jpg?width=700&quality=10)
3. เลี่ยงการย้อมผม เป่าผม
น่าเสียดายสำหรับผู้ที่มีเส้นผมหยักศก หรือหยิก ที่ต้องเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับเส้นผม สำหรับเด็ก อาจมองว่าไม่ได้มีปัญหา เพราะไม่ได้ทำสีผมอยู่แล้ว แต่อาจจะขัดใจเด็กที่โตเป็นวัยรุ่น เนื่องจากการย้อมผม มีโอกาสทำให้ผมเสีย ซึ่งเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากนี้การเป่าผมก็ด้วยเช่นกัน เพราะความร้อนที่ออกมา สามารถทำให้ผมเสียได้ ทั้งการย้อมผม และการเป่าผม ยังทำให้เส้นผมแตกปลาย เพิ่มโอกาสในการทำให้ผมชี้ฟูมากขึ้นตามไปด้วย
4. ลดการพันกันของเส้นผมด้วยหวีซี่ห่าง
เด็กที่มีเส้นผมหยิก หรือหยักไม่สามารถหวีผมได้แบบคนที่มีผมตรง เนื่องจากการหวีจะทำให้เกิดการติดขัด ทำได้ลำบาก จะทำให้ผมพันกัน และทำให้ผมล่วงนั่นเอง การหวีผมของลูกที่มีผมหยิกนั้นจึงต้องใช้วิธีที่แตกต่างออกไป ด้วยการใช้หวีซี่ห่างหวี โดยให้หวีในตอนที่เส้นผมยังคงชื้นจากการสระผม และควรหวีให้เบามือ ไล่ตั้งแต่รากผม จะช่วยให้ผมมีทรงที่ดีขึ้นได้เช่นกัน
หากลูกเริ่มโตขึ้น สามารถคิดตัดสินใจได้เอง และอยู่ในช่วงวัยที่มีความเหมาะสมต่อการยืดผม ผู้ปกครองสามารถให้ลูกตัดสินใจได้อีกครั้งว่าต้องการยืดผมหรือไม่ ซึ่งต้องคิดให้ดี และอย่าลืมการดูแลเส้นผมซึ่งสำคัญมากสำหรับคนที่มีเส้นผมหยิก หรือหยักศก ไปจนถึงคนผมฟู
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เคล็ดลับ! วิธีดูแลผมเด็ก ต้องทำยังไง? สิ่งที่ควรคำนึงถึงมีอะไรบ้าง?
มาดูเคล็ดลับ วิธีทำให้ลูกผมสวย เงางาม จัดทรงง่าย ไม่พันกัน
โลชั่นบำรุงผม วิตามินบำรุงผมเด็ก ใช้อะไร ? ให้ผมลูกน้อยนุ่ม หนา ดกดำ
ที่มา : naturally curly, เกร็ดความรู้.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!