เรื่องราวของคุณแม่ชื่อว่า Kim เธอได้เขียน Blog เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกสาวเธอว่า วันหนึ่งขณะที่เธอไปรับลูกที่โรงเรียน ซึ่งตอนนั้นเด็กหญิงเรียนอยู่ในชั้นอนุบาล เธอสังเกตเห็นลูกมีอาการตาแดงก่ำราวกับร้องไห้มา เธอได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอ เพราะหากมีเหตุการณ์อะไรรุนแรง คุณครูน่าจะโทร.แจ้งให้เธอทราบก่อนที่เธอจะมาถึงโรงเรียน เมื่อสอบถามกับคุณครู ปรากฏว่าคุณครูได้สอบถามเด็กหญิงไปเรียบร้อยแล้ว แต่เด็กหญิงก็ไม่ยอมพูดจากับใคร และได้หลบออกไปนั่งคนเดียว
ขณะที่กำลังจูงมือเธอและเดินไปที่รถ ก็เกิดคำถามขึ้นมากมายว่าลูกของเธอเป็นอะไร ประสบอุบัติเหตุหกล้มที่สนามเด็กเล่นหรือเปล่า? หรือทะเลาะกับเพื่อนสนิทมา? เมื่อขึ้นไปในรถแล้ว เธอจึงถามลูกออกไปว่า เกิดอะไรขึ้น?
เด็กหญิงตอบแม่ของเธอว่า “หนูเล่นเป็นเจ้าหญิงราพันเซลกับเพื่อน ๆ ไม่ได้ เพราะผมหนูไม่ยาวพอ ทุกคนหัวเราะและบอกว่าผมหนูไม่สวย”
เธอบอกว่า เธอยอมรับว่า เธอโกรธที่มีเด็ก ๆ มาพูดแบบนั้นกับลูกของเธอ แต่สิ่งหนึ่งคือต้องยอมรับว่า มันเป็นความเชื่อที่มีมาช้านานร่วม 20 ปี ที่คนมักมองว่า เด็ก ๆ ที่มีผมยาวตรง คือเด็กที่น่ารัก
เธอจึงตั้งคำถามออกไปว่า ใครบ้างในสายตาลูกคือคนที่มีผมสวยและน่ารัก? เด็กหญิงตอบชื่อของญาติและเพื่อนของเธอมาจำนวนหนึ่ง
เธอจึงถามต่ออีกว่า แล้วพวกเขาเหล่านั้น เล่นเป็นเจ้าหญิงราพันเซลหรือเปล่า? เด็กหญิงจึงตอบว่า ไม่
เธอพยายามบอกให้ลูกเข้าใจว่า คำว่าสวยหรือน่ารัก คือสิ่งที่ต้องออกมาจากทั้งภายในและภายนอก และเราไม่ควรใส่ใจว่า คนอื่นจะมองว่าเราเป็นยังไง
ประโยคสุดท้าย เธอถามลูกว่า ทำไมแม่ถึงคิดว่าลูกสวยล่ะ? เด็กหญิงตอบว่า เพราะหนูเป็นเด็กดีและมีมารยาท
เธอยิ้มดีใจและบอกลูกว่า นั่นเป็นเพราะลูกสวยและน่ารักจากทั้งภายในและภายนอกไงจ๊ะ
เธอเล่าต่อว่า เรื่องนี้ เธอกับลูกยังคงคุยต่อเนื่องและทำความเข้าใจกันอยู่เป็นประจำ จนลูกสาวได้บอกกับเธอว่า เมื่อโตขึ้น ลูกสาวเธออยากจะยืดผม ทำผมสวย ๆ เหมือนแม่แบบนั้นแบบนี้ แต่แล้วคุณแม่รายนี้ก็ตัดสินใจที่จะไม่ยืดผมอีก และปล่อยไว้เป็นธรรมชาติ จนลูกสาวเธอพูดออกมาว่า “ตอนนี้แม่ผมเหมือนหนูแล้ว คนจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร” เธอได้แต่หัวเราะขำ ๆ พร้อมปาดน้ำตาเล็กน้อย สิ่งเหล่านี้เธอทำ เพียงเพื่ออยากสอนให้ลูกรู้จักความสวยงามที่แท้จริง ว่าที่สำคัญต้องออกมาจากภายในจิตใจด้วย
ข้อแนะนำในการตอบคำถามลูกเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก
1.สอนให้ลูกรู้จักความสวยงามที่มาจากภายในจิตใจ
2.ไม่ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว อาจจะลองเล่าเหตุการณ์ของคนที่เจอเรื่องราวคล้าย ๆ กันเป็นตัวอย่างให้ลูกฟัง
3.ห้ามตำหนิติเตียนในสิ่งที่ลูกกังวล เพราะลูกจะจดจำไปตลอด
4.เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก
5.สอบถามลูกว่าลูกอยากมีทรงผมแบบไหน สไตล์ไหน
ที่มา: www.huffingtonpost.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
7 ข้อที่แม่ควรสอนลูกสาวเกี่ยวกับเด็กผู้ชาย
มารยาท 23 ข้อที่ใช้สอนลูกให้เป็นที่รักของคนอื่น
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!