ไลโคปีน ปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริงไหม? ผักผลไม้อะไรบ้างที่มีไลโคปีนสูง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ไลโคปีน มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพได้หลาย ๆ อย่าง เช่น ช่วยฟื้นบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส อมชมพู และช่วยให้ผิวแข็งแรงทนต่อแสงแดด, ช่วยป้องกันโรคหัวใจ, โรคต่อมลูกหมากโต, และโรคกระดูกพรุน เป็นต้น ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่มี ไลโคปีน จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ซึ่งบทความในวันนี้เราจะพาทุกคนไปคลายข้อสงสัยกันค่ะ ว่าไลโคปีนนั้นจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริงไหม และจะต้องรับประทานในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะดีต่อร่างกาย และแหล่งอาหารที่มีไลโคปีนอยู่นั้นจะอยู่ในผักและผลไม้ชนิดใดบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว มาตามไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

 

ไลโคปีนช่วยให้ผิวทนทานต่อแสงแดดจริงไหม?

 

 

ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่สามารถละลายได้ดีในไขมัน และไลโคปีนยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระแรงที่สุดของกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า ซึ่งสารไลโคปีนนั้นจะมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีจากแสงแดด และลดอาการผิวไหม้จากแสงแดด ทำให้ผิวที่ไหม้แดดหายได้เร็วขึ้น แถมยังส่งผลทำให้ผิวทนต่อแสงแดดได้มาก ไม่ทำให้ผิวไม่คล้ำเสียง่าย ซึ่งการรับประทานมะเขือเทศที่มีไลโคปีน 16 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ นั้นจะช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีได้ลึกถึงระดับดีเอ็นเอ (DNA) อีกด้วยค่ะ

 

รับประทานไลโคปีนปริมาณเท่าไหร่ถึงจะดีต่อร่างกาย

ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการรับประทานไลโคปีน หากไม่มีอาการแพ้ หรือไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีความเสี่ยงต่อความผิดปกติใด ๆ  ได้มีการศึกษาให้แนะนำว่าควรได้รับไลโคปีน 9-21 มิลลิกรัมต่อวัน แต่จะต้องรับประทานอาหารที่หลากหลายอย่างครบถ้วนในแต่ละวันร่วมด้วย และสำหรับการรับประทานไลโคปีนในรูปแบบอาหารเสริม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกซื้อมารับประทาน เพื่อที่จะได้รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและถูกต้อง โดยเฉพาะคนที่กำลังตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคประจำตัว เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกาย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แต่ถ้าหากใครที่ไม่โรคประจำตัว หรือไม่มีอาการแพ้ใด ๆ หากต้องการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไลโคปีน แนะนำให้รับประทานตามคำแนะนำที่ผลิตภัณฑ์ได้กำหนดไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อนั้น ๆ เพื่อที่ร่างกายจะได้ดูดซึมไลโคปีนไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ และจะได้ให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ตามความต้องการค่ะ

 

อาหารที่มี ไลโคปีน (Lycopene) มีอะไรบ้าง?

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

มะเขือเทศ  (Tomato)

มะเขือเทศจะมีสารไลโคปีนอยู่จำนวนมาก และอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด ซึ่งจะมีคุณสมบัติเด่นในการช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ลดริ้วรอย บำรุงให้ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน และทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และยังสามารถต้านมะเร็งได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำมะเขือเทศ ดีอย่างไร กินน้ำมะเขือเทศแล้วมีประโยชน์อะไรต่อร่างกายบ้าง

แตงโม (Watermelon)

แตงโมถือเป็นผลไม้ที่หาซื้อรับประทานง่ายมาก ๆ แถมยังช่วยคลายร้อน และเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งแตงโมก็ถือเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์หลากหลาย  รวมทั้งมีสารไลโคปีนที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอยู่ภายในแตงโมด้วยเช่นกัน ซึ่งการรับประทานแตงโมเป็นประจำ จะช่วยลดการสะสมของไขมันที่อยู่ภายในหลอดเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย แต่จะต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป

 

ฝรั่งแดง (Red Guava)

เป็นฝรั่งที่ภายในจะมีเนื้อสีแดง รสชาติหวาน กรอบ ซึ่งฝรั่งแดงก็ถือเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ รวมทั้งสารไลโคปีน  (Lycopene) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งมดลูก, มะเร็งปอด และป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากถึง 20% อีกทั้งยังช่วยลดไขมันในเลือด และบำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดี ชะลอริ้วรอยก่อนวัยอันควร

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคมะเร็งปอด อาการเป็นอย่างไรบ้าง สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาหรือไม่

 

บีทรูท (Beetroot)

บีทรูท หรือ ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง เรียกได้ว่าเป็นผักเพื่อสุขภาพ มีวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด รวมทั้งสารไลโคปีน (Lycopene)  ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี การรับประทานบีทรูทจะช่วยบำรุงสายตาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก และมะเร็ง ช่วยทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

 

ผลข้างเคียงในการรับประทานไลโคปีน

สำหรับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานในรูปแบบของแหล่งอาหารที่มีไลโคปีน หรือรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไลปีน จากการศึกษาวิจัยพบว่า ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุถึงการพบโทษร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ก็ได้มีรายงานว่าหากรับประทานไลโคปีนเข้าไปในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่าง อาการคลื่นไส้ หรือ ตัวเหลือง ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไป เมื่อหยุดรับประทาน

 

ไลโคปีน ถือเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ เลยนะคะ ทั้งช่วยในเรื่องบำรุงสุขภาพผิวพรรณให้แข็งแรงทนทานต่อแสงแดด และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เป็นต้น แต่การที่จะรับประทานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ จะต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไปนะคะ และไลโคปีนก็ยังสามารถหารับประทานได้ง่ายจากในผัก และผลไม้สีแดงอีกด้วย เช่น มะเขือเทศ, แตงโม, ผักกาดแดง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ก็คือปัจจุบันทุกคนสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไลโคปีนมารับประทานได้ด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าหากใครที่รับประทานมะเขือเทศได้ยาก หรือไม่ค่อยรับประทานผักผลไม้ที่มีสีแดงเป็นประจำ การเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ไลโคปีน เข้าไปในร่างกายก็สามารถทดแทนได้เช่นกันค่ะ สำหรับใครที่อยากมีผิวสวย แข็งแรง สุขภาพดี อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีไลโคปีนให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการนะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

9 ผัก ผลไม้สีเหลือง บอกลาปัญหาท้องผูก รวมคุณค่าดี ๆ สำหรับคนอยากหน้าเด็ก

7 ประโยชน์ของวิตามินซี ดีต่อใจ และ ดีต่อร่างกาย ที่คนรักสุขภาพห้ามพลาด

เด็กเล็กกินซอสมะเขือเทศได้ไหม ดีจริงหรือเปล่า แม่ต้องดูให้ดี ระวังโซเดียมสูง

ที่มา : 1, hibalanz, disthai

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Suttida Butdeewong