X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ไลโคปีน ปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริงไหม? ผักผลไม้อะไรบ้างที่มีไลโคปีนสูง

บทความ 5 นาที
ไลโคปีน ปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริงไหม? ผักผลไม้อะไรบ้างที่มีไลโคปีนสูง

ไลโคปีน มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพได้หลาย ๆ อย่าง เช่น ช่วยฟื้นบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส อมชมพู และช่วยให้ผิวแข็งแรงทนต่อแสงแดด, ช่วยป้องกันโรคหัวใจ, โรคต่อมลูกหมากโต, และโรคกระดูกพรุน เป็นต้น ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่มี ไลโคปีน จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ซึ่งบทความในวันนี้เราจะพาทุกคนไปคลายข้อสงสัยกันค่ะ ว่าไลโคปีนนั้นจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริงไหม และจะต้องรับประทานในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะดีต่อร่างกาย และแหล่งอาหารที่มีไลโคปีนอยู่นั้นจะอยู่ในผักและผลไม้ชนิดใดบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว มาตามไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

 

ไลโคปีนช่วยให้ผิวทนทานต่อแสงแดดจริงไหม?

 

ไลโคปีน

 

ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่สามารถละลายได้ดีในไขมัน และไลโคปีนยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระแรงที่สุดของกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า ซึ่งสารไลโคปีนนั้นจะมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีจากแสงแดด และลดอาการผิวไหม้จากแสงแดด ทำให้ผิวที่ไหม้แดดหายได้เร็วขึ้น แถมยังส่งผลทำให้ผิวทนต่อแสงแดดได้มาก ไม่ทำให้ผิวไม่คล้ำเสียง่าย ซึ่งการรับประทานมะเขือเทศที่มีไลโคปีน 16 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ นั้นจะช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีได้ลึกถึงระดับดีเอ็นเอ (DNA) อีกด้วยค่ะ

 

รับประทานไลโคปีนปริมาณเท่าไหร่ถึงจะดีต่อร่างกาย

ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการรับประทานไลโคปีน หากไม่มีอาการแพ้ หรือไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีความเสี่ยงต่อความผิดปกติใด ๆ  ได้มีการศึกษาให้แนะนำว่าควรได้รับไลโคปีน 9-21 มิลลิกรัมต่อวัน แต่จะต้องรับประทานอาหารที่หลากหลายอย่างครบถ้วนในแต่ละวันร่วมด้วย และสำหรับการรับประทานไลโคปีนในรูปแบบอาหารเสริม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกซื้อมารับประทาน เพื่อที่จะได้รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและถูกต้อง โดยเฉพาะคนที่กำลังตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคประจำตัว เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกาย

แต่ถ้าหากใครที่ไม่โรคประจำตัว หรือไม่มีอาการแพ้ใด ๆ หากต้องการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไลโคปีน แนะนำให้รับประทานตามคำแนะนำที่ผลิตภัณฑ์ได้กำหนดไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อนั้น ๆ เพื่อที่ร่างกายจะได้ดูดซึมไลโคปีนไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ และจะได้ให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ตามความต้องการค่ะ

 

อาหารที่มี ไลโคปีน (Lycopene) มีอะไรบ้าง?

 

ไลโคปีน

 

มะเขือเทศ  (Tomato)

มะเขือเทศจะมีสารไลโคปีนอยู่จำนวนมาก และอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด ซึ่งจะมีคุณสมบัติเด่นในการช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ลดริ้วรอย บำรุงให้ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน และทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และยังสามารถต้านมะเร็งได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำมะเขือเทศ ดีอย่างไร กินน้ำมะเขือเทศแล้วมีประโยชน์อะไรต่อร่างกายบ้าง

แตงโม (Watermelon)

แตงโมถือเป็นผลไม้ที่หาซื้อรับประทานง่ายมาก ๆ แถมยังช่วยคลายร้อน และเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งแตงโมก็ถือเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์หลากหลาย  รวมทั้งมีสารไลโคปีนที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอยู่ภายในแตงโมด้วยเช่นกัน ซึ่งการรับประทานแตงโมเป็นประจำ จะช่วยลดการสะสมของไขมันที่อยู่ภายในหลอดเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย แต่จะต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป

 

ฝรั่งแดง (Red Guava)

เป็นฝรั่งที่ภายในจะมีเนื้อสีแดง รสชาติหวาน กรอบ ซึ่งฝรั่งแดงก็ถือเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ รวมทั้งสารไลโคปีน  (Lycopene) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งมดลูก, มะเร็งปอด และป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากถึง 20% อีกทั้งยังช่วยลดไขมันในเลือด และบำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดี ชะลอริ้วรอยก่อนวัยอันควร

บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคมะเร็งปอด อาการเป็นอย่างไรบ้าง สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาหรือไม่

 

บีทรูท (Beetroot)

บีทรูท หรือ ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง เรียกได้ว่าเป็นผักเพื่อสุขภาพ มีวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด รวมทั้งสารไลโคปีน (Lycopene)  ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี การรับประทานบีทรูทจะช่วยบำรุงสายตาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก และมะเร็ง ช่วยทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

 

ผลข้างเคียงในการรับประทานไลโคปีน

สำหรับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานในรูปแบบของแหล่งอาหารที่มีไลโคปีน หรือรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไลปีน จากการศึกษาวิจัยพบว่า ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุถึงการพบโทษร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ก็ได้มีรายงานว่าหากรับประทานไลโคปีนเข้าไปในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่าง อาการคลื่นไส้ หรือ ตัวเหลือง ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไป เมื่อหยุดรับประทาน

 

ไลโคปีน ถือเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ เลยนะคะ ทั้งช่วยในเรื่องบำรุงสุขภาพผิวพรรณให้แข็งแรงทนทานต่อแสงแดด และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เป็นต้น แต่การที่จะรับประทานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ จะต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไปนะคะ และไลโคปีนก็ยังสามารถหารับประทานได้ง่ายจากในผัก และผลไม้สีแดงอีกด้วย เช่น มะเขือเทศ, แตงโม, ผักกาดแดง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ก็คือปัจจุบันทุกคนสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไลโคปีนมารับประทานได้ด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าหากใครที่รับประทานมะเขือเทศได้ยาก หรือไม่ค่อยรับประทานผักผลไม้ที่มีสีแดงเป็นประจำ การเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ไลโคปีน เข้าไปในร่างกายก็สามารถทดแทนได้เช่นกันค่ะ สำหรับใครที่อยากมีผิวสวย แข็งแรง สุขภาพดี อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีไลโคปีนให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการนะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

9 ผัก ผลไม้สีเหลือง บอกลาปัญหาท้องผูก รวมคุณค่าดี ๆ สำหรับคนอยากหน้าเด็ก

7 ประโยชน์ของวิตามินซี ดีต่อใจ และ ดีต่อร่างกาย ที่คนรักสุขภาพห้ามพลาด

เด็กเล็กกินซอสมะเขือเทศได้ไหม ดีจริงหรือเปล่า แม่ต้องดูให้ดี ระวังโซเดียมสูง

ที่มา : 1, hibalanz, disthai

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Suttida Butdeewong

  • หน้าแรก
  • /
  • ความงาม
  • /
  • ไลโคปีน ปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริงไหม? ผักผลไม้อะไรบ้างที่มีไลโคปีนสูง
แชร์ :
  • หิวแต่ไม่รู้จะกินอะไรดี!? 10 ไอเดียอาหารคนท้อง อร่อยถูกปาก ลูกได้สารอาหารครบ

    หิวแต่ไม่รู้จะกินอะไรดี!? 10 ไอเดียอาหารคนท้อง อร่อยถูกปาก ลูกได้สารอาหารครบ

  • ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

    ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

  • ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

    ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

  • หิวแต่ไม่รู้จะกินอะไรดี!? 10 ไอเดียอาหารคนท้อง อร่อยถูกปาก ลูกได้สารอาหารครบ

    หิวแต่ไม่รู้จะกินอะไรดี!? 10 ไอเดียอาหารคนท้อง อร่อยถูกปาก ลูกได้สารอาหารครบ

  • ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

    ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

  • ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

    ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว