คนท้องระวัง อากาศร้อนชื้น ทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ยากกว่าปกติ และล่าสุดมีงานวิจัยที่น่าตกใจยืนยันแล้วว่า สภาวะอากาศเช่นนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทารกในครรภ์ ทำให้เสี่ยงต่อภาวะตัวเล็กและพัฒนาการช้า
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สิ่งแวดล้อม แต่กำลังคุกคามสุขภาพของแม่และเด็กโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง ประเทศไทยของเรา ความชื้นในอากาศคือปัจจัยเร่งที่ทำให้ผลกระทบจากความร้อนรุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ บทความนี้จะพาคุณแม่ไปเจาะลึกข้อมูลวิจัยและวิธีดูแลตัวเองเพื่อให้ลูกน้อยปลอดภัยแข็งแรงครับ
ทำไม “ร้อนชื้น” ถึงน่ากลัวกว่า “ความร้อน” ทั่วไป?
ปกติแล้วเมื่อเรารู้สึกร้อน ร่างกายจะระบายความร้อนออกมาในรูปแบบของเหงื่อ เมื่อเหงื่อระเหยออกไป ผิวหนังก็จะเย็นลง อุณหภูมิร่างกายก็จะลดลงตามธรรมชาติ
แต่ในสภาวะ อากาศร้อนชื้น เหงื่อที่ไหลออกมาจะไม่สามารถระเหยได้ เพราะอากาศอิ่มตัวด้วยไอน้ำอยู่แล้ว ทำให้ความร้อนสะสมอยู่ในร่างกายแม่ ไม่ถูกระบายออกไป ภาวะนี้เรียกว่า “ความเครียดจากความร้อน” (Heat Stress)
สำหรับคนท้อง ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงานสูงกว่าคนทั่วไปและมีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเจอกับ อากาศร้อนชื้น จึงทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานหนักขึ้น ร่างกายต้องสูบฉีดเลือดจำนวนมากไปที่ผิวหนังเพื่อพยายามระบายความร้อน ผลที่ตามมาคือ เลือดถูกแย่งไปจากมดลูก เลือดที่จะส่งสารอาหารและออกซิเจนผ่านรกไปเลี้ยงลูกจึงลดน้อยลง นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทารกในครรภ์ได้รับผลกระทบค่ะ
เปิดงานวิจัย อากาศร้อนชื้น ทำลูกเสี่ยงตัวเตี้ยกว่าเกณฑ์ 13%
ข้อมูลที่น่าสนใจ มาจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำอย่าง Science Advances โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา (University of California, Santa Barbara) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของสภาพภูมิอากาศต่อหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ซึ่งมีสภาพอากาศร้อนชื้นคล้ายคลึงกับประเทศไทย
นักวิจัยได้วิเคราะห์อัตราส่วนความสูงของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ จำนวนมหาศาล เมื่อเทียบกับความสูงเฉลี่ยของเด็กในวัยเดียวกัน เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างสภาพอากาศช่วงตั้งครรภ์กับพัฒนาการทางร่างกายของเด็ก ผลการศึกษาพบความจริงที่น่ากังวล ดังนี้
1. ความชื้นคือตัวแปรสำคัญ
เด็กที่แม่ต้องเผชิญกับ อากาศร้อนชื้น (อุณหภูมิสูง + ความชื้นสูง) ตลอดช่วงการตั้งครรภ์ หรือในทุกไตรมาสก่อนคลอด มีแนวโน้มที่จะมีพัฒนาการทางร่างกายหยุดชะงัก โดยพบว่าเด็กกลุ่มนี้ มีส่วนสูงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานในวัยเดียวกันถึง 13 เปอร์เซ็นต์
2. ร้อนแห้ง vs ร้อนชื้น
สิ่งที่ยืนยันว่าความชื้นคือศัตรูตัวร้าย คือการเปรียบเทียบผลกระทบ พบว่าในทางตรงกันข้าม การสัมผัสกับความร้อนจัดเพียงอย่างเดียว (ในสภาพอากาศแห้ง) ส่งผลให้ส่วนสูงของเด็กลดลงเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับอายุเท่านั้น ข้อมูลนี้ชี้ชัดว่า คนท้องระวัง แค่แดดอย่างเดียวไม่พอ ต้องระวังความชื้นด้วย เพราะมันเพิ่มความเสี่ยงขึ้นหลายเท่าตัว
3. ผลกระทบระยะยาว
ผลวิจัยที่ออกมานี้ มาจากการศึกษากับหญิงตั้งครรภ์ที่อาศัยอยู่ในเอเชียใต้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า พื้นที่แถบนี้อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากคลื่นความร้อนที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยเองก็อยู่ในโซนที่ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศแบบนี้เช่นกัน

อนาคตที่น่าห่วง ภาวะแคระแกร็นกับวิกฤตปี 2050
งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้มองแค่ผลในปัจจุบัน แต่ยังมองถึงอนาคตเพื่อให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและการดูแลสุขภาพแม่ตั้งครรภ์
มีการคาดการณ์ว่า หากโลกของเรายังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูง ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีมาตรการแก้ไข ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) พื้นที่ในภูมิภาคเอเชียใต้และใกล้เคียง จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายจนส่งผลกระทบต่อประชากรรุ่นใหม่
ตัวเลขคาดการณ์ระบุว่า เด็กประมาณ 3.5 ล้านคน ในภูมิภาคจะประสบภาวะแคระแกร็น อันเนื่องมาจากผลกระทบของสภาพอากาศร้อนชื้นระหว่างที่คุณแม่อุ้มท้อง
ภาวะแคระแกร็น (Stunting) ในทางการแพทย์ไม่ได้หมายความแค่เรื่องความสูงหรือรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังสัมพันธ์โดยตรงกับ
- พัฒนาการทางสมอง: เด็กที่มีภาวะแคระแกร็นมักมีพัฒนาการทางสติปัญญาช้ากว่าเกณฑ์
- ภูมิต้านทานต่ำ: เจ็บป่วยง่าย และมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในอนาคต เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง
- โอกาสในชีวิต: ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงานในอนาคต
ดังนั้น คำเตือนเรื่อง คนท้องระวัง สภาพอากาศ จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่องของการปกป้องอนาคตและศักยภาพสมองของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ค่ะ
ไตรมาสไหนที่คนท้องต้องระวังที่สุด?
แม้ว่า อากาศร้อนชื้น จะส่งผลกระทบได้ตลอดระยะการตั้งครรภ์ แต่ช่วงเวลาที่มีความเปราะบางแตกต่างกันไปในแต่ละไตรมาส
- ไตรมาสแรก (1-3 เดือน): เป็นช่วงการสร้างอวัยวะสำคัญ ความร้อนสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติของทารก หรือภาวะแท้งคุกคาม
- ไตรมาสที่สองและสาม (4-9 เดือน): เป็นช่วงที่ทารกต้องการสารอาหารเพื่อขยายขนาดร่างกายและสร้างน้ำหนักตัว งานวิจัยชี้ว่าผลกระทบเรื่อง “ส่วนสูง” และ “น้ำหนักตัวน้อย” มักเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงรกในช่วงนี้ ทำให้ทารกเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR – Intrauterine Growth Restriction)
สัญญาณเตือน! เมื่อคนท้องกำลังโดน “ความร้อนชื้น” เล่นงาน
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหมั่นสังเกตสัญญาณเตือนจากร่างกาย หากมีอาการเหล่านี้ ให้รีบพาตัวเองเข้าที่ร่มและเย็นทันที
- เหงื่อออกมากผิดปกติ หรือ เหงื่อไม่ออกเลย ทั้งที่อากาศร้อน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายของฮีทสโตรก
- รู้สึกหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม
- ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว หายใจหอบถี่
- ปวดศีรษะ ตุบๆ หรือคลื่นไส้อาเจียน
- ผิวหนังแดงและร้อนจัด
- ลูกดิ้นน้อยลง เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงมดลูกลดลง ทารกจะเซฟพลังงานด้วยการอยู่นิ่งๆ

How-to คู่มือคนท้อง ป้องกันลูกตัวเล็ก
เมื่อเรารู้แล้วว่า คนท้องระวัง เรื่อง อากาศร้อนชื้น เป็นเรื่องใหญ่ เราจะมีวิธีรับมืออย่างไรในเมื่อเราไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้? นี่คือคำแนะนำเชิงปฏิบัติที่คุณแม่ทำตามได้ทันทีค่ะ
1. เช็ก “ดัชนีความร้อน” (Heat Index) แทนอุณหภูมิ
อย่าดูแค่อุณหภูมิในแอปพยากรณ์อากาศ แต่ให้ดูค่าดัชนีความร้อน เพราะค่านี้คำนวณความชื้นเข้าไปแล้ว หากค่าดัชนีความร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งเด็ดขาด
2. ดื่มน้ำให้มากกว่าที่คิด
ในวันที่อากาศชื้น แม่ท้องอาจไม่รู้สึกกระหายน้ำมากเท่าวันที่แดดจัด แต่ร่างกายสูญเสียน้ำตลอดเวลา ให้จิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน อย่ารอให้หิว เพื่อรักษาปริมาณเลือดในร่างกายให้เพียงพอต่อการส่งไปเลี้ยงลูก
3. เลี่ยงช่วงเวลา “แดดเปรี้ยง-ชื้นจัด”
ช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด หากจำเป็นต้องออกจากบ้าน พยายามอยู่ในที่ร่ม หรืออาคารที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
4. การแต่งกายช่วยได้
สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน เนื้อผ้าเบาสบายที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าลินิน หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปที่ทำให้ระบายเหงื่อยาก
5. อาบน้ำหรือเช็ดตัวเพื่อลดอุณหภูมิ
หากรู้สึกร้อนและอึดอัด ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามข้อพับ ซอกคอ หรืออาบน้ำเพื่อช่วยลดอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย ช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับไปเลี้ยงมดลูกได้ดีขึ้น
ดูแลตัวเอง เท่ากับดูแลอนาคตลูก
ข้อมูลจากงานวิจัยเรื่อง อากาศร้อนชื้น ส่งผลต่อความสูงและพัฒนาการของทารก อาจดูน่ากังวล แต่การที่ คนท้องระวัง และดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ฝืนทนร้อน ไม่ละเลยสัญญาณเตือนของร่างกาย คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์เติบโตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง หากคุณแม่มีอาการผิดปกติ สงสัยว่าลูกดิ้นน้อย หรือร่างกายอ่อนเพลียจากการแพ้ความร้อน อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ทันทีนะคะ
ที่มา: University of California, Santa Barbara , The World Bank Data , World Health Organization (WHO)
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
นมที่กินแล้วสูง ชี้เป้า! 10 นม UHT สำหรับเด็กแคลเซียมสูง
6 เคล็ดลับเพิ่มความสูงให้ลูก ทำยังไงให้ลูกสูง ? แม้พ่อแม่ตัวเล็ก
วิทยาศาสตร์ยืนยัน ผู้หญิงต้องการนอนมากกว่าผู้ชาย เพราะใช้สมองมากกว่า
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!