ช่วงคอเป็นอวัยวะที่มักถูกใช้งานหนักและคนส่วนใหญ่ละเลย ทำให้เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนจะมีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณคอจากการที่ข้อต่อและหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพ แต่เลือกที่จะปล่อยทิ้งไว้ เพราะคิดว่าอาการปวดนั้นเป็นเพียงชั่วคราวและหายได้เอง ซึ่งทำให้มีอาการปวดเรื้อรัง หากไม่รีบเข้ารับการรักษาก็อาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาวได้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปเช็ก 3 ระดับของโรคกระดูกคอเสื่อม ว่ามีอาการปวดและระดับความร้ายแรงอย่างไรบ้าง รวมถึงวิธีรักษาเมื่อมีภาวะปวดคอที่เกิดจากกระดูกคอ หมอนรองกระดูกคอ และข้อต่อบริเวณใกล้เคียงกันอีกด้วย
อาการโรคกระดูกคอเสื่อมแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
อาการกระดูกคอเสื่อมเป็นอาการปวดที่บริเวณคอหรือต้นคอ และอาจลามไปยังบริเวณอื่นๆ ใกล้เคียงได้ ซึ่งโดยปกติแล้วอาการของกระดูกคอเสื่อมจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
1. อาการปวดต้นคอ (Axial Neck Pain)
สำหรับกลุ่มแรก เป็นอาการปวดบริเวณต้นคอ บริเวณท้ายทอย บริเวณบ่าและไหล่ ลามไปจนถึงต้นสะบักด้านหลัง แต่ยังไม่ถึงกับกดทับเส้นประสาทและไขสันหลัง ซึ่งกลุ่มนี้ส่งผลมาจากข้อกระดูกคอหรือหมอนรองกระดูกที่คอเสื่อม
2. อาการกดทับรากประสาท (Radiculopathy)
กลุ่มนี้จะเป็นอาการของโรคกระดูกคอเสื่อม ที่มีสาเหตุมาจากหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท หรือการที่กระดูกงอกจากความเสื่อมของร่างกายจนไปกดทับรากประสาทนั่นเอง อาการที่แสดงออกมาจะเป็นอาการปวดตามแนวเส้นประสาท รวมถึงอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนและมือ ไปจนถึงอาการปวดร้าวจากคอลงไปที่แขน ซึ่งอาการมักจะเป็นๆ หายๆ แต่เรื้อรัง
3. อาการกดทับไขสันหลัง (Myelopathy)
สำหรับกลุ่มนี้สาเหตุเกิดจากการกดทับของไขสันหลัง อาการจะคล้ายกับอาการของกลุ่มกดทับรากประสาท (Radiculopathy) และจะมีอาการปวดเกร็งบริเวณลำตัว แขนและขาร่วมด้วย ลามไปจนถึงกล้ามเนื้อด้านหลังแขน ส่งผลให้มีอาการข้อมือเกร็ง ไม่สามารถใช้งานแขนและมือได้อย่างเต็มที่ และมีการเดินทรงตัวที่ลำบาก ก้าวขาได้สั้นลง ซึ่งบางครั้งอาจไม่มีอาการปวดคอ ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้สับสนอาการอยู่บ่อยๆ และนับเป็นอาการของโรคกระดูกคอเสื่อมที่รุนแรงและอันตรายอย่างมาก
แนวทางการรักษา โรคกระดูกคอเสื่อม
สำหรับการรักษาของอาการกระดูกคอเสื่อมมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการวินิจฉัยของแพทย์ ได้แก่
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
วิธีนี้จะใช้รักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงมาก แพทย์จะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ เช่น หลีกเลี่ยงการหมุนคอ การก้มและเงยศีรษะ การแหงนคอบ่อยๆ ไปจนถึงการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นสามารถส่งผลให้กระดูกคอเสื่อมเร็วขึ้นนั่นเอง
ใช้ยารักษา
เนื่องจากโรคกระดูกคอเสื่อมไม่มียารักษาโดยตรง จึงใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดและหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เช่น กลุ่มยาคลายกล้ามเนื้อ ยาลดอาการอักเสบ หรือยาบรรเทาอาการปวดปลายประสาท ซึ่งจะให้ผลกับผู้ป่วยที่อยู่กลุ่มอาการปวดต้นคอ (Axial Neck Pain) และกลุ่มอาการกดทับรากประสาท (Radiculopathy) ส่วนกลุ่มอาการกดทับไขสันหลัง (Myelopathy) จะไม่เห็นผล
กายภาพบำบัด
สำหรับกรณีที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและใช้ยารักษาแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ใช้วิธีทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย ซึ่งกายทำกายภาพบำบัดก็มีหลายวิธี เช่น การทำกายบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ การประคบร้อนเพื่อบรรเทาอาการปวด การใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ เพื่อส่งผ่านความร้อนไปยังชั้นกล้ามเนื้อ การช็อกเวฟ (Shock Wave) เพื่อลดอาการปวดในกรณีที่มีอาการปวดมากๆ หรือเรื้อรัง และการใช้เครื่องเรดคอร์ด (Red Cod) เพื่อจัดระเบียบการทำงานของกล้ามเนื้อ และลดอาการปวด เป็นต้น
ผ่าตัดรักษา
กรณีที่แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยผ่าตัด จะมีอาการบ่งชี้ของโรค ดังนี้
- อาการปวดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น เช่น การกินยา การทำกายภาพบำบัด แต่อาการปวดยังรุนแรงอยู่
- อาการปวดแย่ลง ร่วมกับมีภาวะอ่อนแรงที่รุนแรง ซึ่งหากทำการรักษาแล้ว แต่พบว่าอาการของผู้ป่วยไม่ดีขึ้นหรือร่างกายอ่อนแอลง อย่างเช่น แขน-ขาอ่อนแรง หรืออาการยกแขนไม่ขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัด
- อาการกดทับไขสันหลัง (Myelopathy) อย่างที่บอกไปแล้วว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อาการร้ายแรงที่สุด อาการที่แสดงออกจะมาจะเป็น อาการแขน-ขาเกร็ง ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวได้ และไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เป็นต้น
ผู้ที่มีอาการกระดูกคอเสื่อม ส่วนใหญ่จะเกิดจากปัจจัยด้านการใช้งานและเรื่องอายุที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องข้อต่อของร่างกายจะเริ่มสภาพลงตามอายุและการใช้งานที่หนัก และขาดการดูแล ซึ่งจะพบเจอได้มากในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และเมื่ออายุ 40 ปี ข้อต่อและกระดูกต่างๆ ในร่างกายก็จะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากยังอยากให้สุขภาพร่างกายและสุขภาพของข้อต่อสามารถใช้งานอย่างปกติ ควรหมั่นดูแลรักษาและปรับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่างๆ ที่ส่งผลเสียต่อข้อต่อและกระดูก หากใครที่กำลังพบเจอกับภาวะกระดูกคอเสื่อม หรือเริ่มมีอาการปวดตามข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย ควรรีบทำการปรึกษาแพทย์และหาแนวทางการรักษา ที่ KDMS Hospital โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ ชั้นนำของประเทศไทย มีทีมศัลยกรรมแพทย์มากประสบการณ์ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหากระดูกและข้อเป็นอย่างดี พร้อมให้คำปรึกษา และวางแผนแนวทางการรักษาเพื่อรักษาข้อต่อและกระดูกของคนไข้ทุกท่านให้อยู่คู่กับร่างกายไปอย่างยาวนาน
ปรึกษา | วางแผนการรักษา ที่ KDMS Hospital
Address: เลขที่ 9 ซอยสุคนธสวัสดิ์ 38 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
Tel: 02-080-8999
Line: @kdmshospital
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!