คนทุกคนไม่ได้มีความสามารถหรือร่างกายที่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์เหมือนกันหมด บางคนท้องง่ายมาก ในขณะที่บางคนก็พยายามอยู่นานกว่าจะท้อง ว่ากันว่า ความเครียด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ท้องได้ยาก เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบมาให้
ความเครียด ทำให้ท้องยากจริงหรือ
ผลจากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ชี้ว่าผู้หญิงที่มีความเครียดสะสมในร่างกาย หรือรู้สึกเครียดมาก ๆ จะท้องได้ยากกว่าคนที่ไม่ค่อยเครียด มากถึง 29 เปอร์เซ็นต์ เพราะร่างกายของเรารู้ดีว่า ในช่วงที่เราเครียด ไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมสำหรับการมีลูก เนื่องจากความเครียดอาจส่งผลต่อเด็กในท้องได้ แถมเมื่อรู้สึกเครียด ผู้หญิงบางคนก็อาจจะดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนมากขึ้น และนอนน้อยลง แถมยังมีเซ็กส์น้อยลงอีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ยิ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์มากขึ้นไปอีก
เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว มีหญิงอายุ 42 คนหนึ่งจากบอสตัน พยายามมีลูกมานานกว่า 2 ปี แต่ก็ไม่สำเร็จสักที เธอพยายามมาทั้งหมด 4 ครั้ง ทั้งใช้เทคโนโลยีด้านการแพทย์ และพยายามมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติ แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เธอกลับแท้งในช่วงไตรมาสที่ 2 เธออยากมีลูกมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาความคิดและจิตใจ ซึ่งเป็นคอร์สสั้น ๆ 10 สัปดาห์ ที่เน้นสอนโยคะ การนั่งสมาธิ และใช้เทคนิคเพื่อจัดการกับความเครียดและความคิด หลังจากจบคอร์ส เธอก็ได้ตั้งท้องอีกครั้ง และคลอดลูกคนแรกออกมาในปี 2018 ได้สำเร็จ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็มีงานวิจัยอีกชิ้นในปี 1990 ที่ชี้ว่า เทคนิคช่วยจัดการกับความเครียดและความคิดเหล่านี้ ก็ช่วยให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน
ในตอนแรกเอง ผู้หญิงคนดังกล่าว ไม่เชื่อว่าความเครียดจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เธอท้องได้ยาก และเธอก็รู้สึกรำคาญ เวลาที่มีคนบอกให้เธอทำตัวสบาย ๆ ผ่อนคลาย อย่ากังวล แต่ตอนนี้ เธอได้พิสูจน์แล้วว่า ความเครียด ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ท้องได้ยากจริง ๆ
แม้ว่าในอดีต จะไม่มีคนยอมรับว่าความเครียด เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ท้องได้ยาก แต่ตอนนี้ เรื่องนี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง หลังจากที่นักวิจัยได้พยายามศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานหลายปี เมื่อไหร่ก็ตามที่คนเรารู้สึกเครียด ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด ออกมาเยอะผิดปกติ ซึ่งฮอร์โมนนี้ จะไปขัดขวางการทำงานของรังไข่และสมอง ทำให้การตกไข่เกิดความผิดปกติ จึงตั้งท้องได้ยากนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : การรักษาผู้มีบุตรยาก ทำอย่างไรให้ท้องได้สักที คำแนะนำแม่ท้องยาก
จะจัดการกับความเครียดยังไงได้บ้าง
หากรู้สึกเครียดเพียงเล็กน้อย หรือเครียดแค่ไม่กี่วัน ก็อาจจะไม่ส่งผลเสียต่อการตกไข่เท่าไหร่นัก แต่หากมีอาการเครียดเรื้อรัง หลายสัปดาห์ติดต่อกัน อาจทำให้การตกไข่ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการ และไม่สามารถตั้งท้องได้ดั่งใจหวัง รวมทั้งความเครียดยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจด้านอื่น ๆ ได้อีก ฉะนั้น เราควรเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียดของตัวเองอยู่เสมอ โดยวิธีต่อไปนี้
1. ปรึกษากับคนรัก
ให้ลองพูดคุยกับแฟนหรือสามีเกี่ยวกับปัญหาที่เกิด ลองเล่าให้เขาฟังว่าความเครียดส่งผลต่อการตั้งครรภ์ยังไง แต่ควรพูดคุยในเชิงที่เหมาะสม ไม่ถากถางกันและกัน จากนั้นให้ลองหาวิธีแก้ไข พยายามใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เติมความหวานให้กันและกันมากขึ้น โดยอาจจะออกไปดูหนังสุดสัปดาห์ด้วยกันที่โรงหนัง ออกไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ๆ หรืออยู่บ้านด้วยกันให้เยอะขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้ อาจเป็นการช่วยคลายเครียดอีกวิธีหนึ่ง แถมยังทำให้ความสัมพันธ์ภายในบ้านดีขึ้นอีกด้วย
2. ปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง
ไม่ควรนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมคนอื่นถึงท้องง่าย แล้วตัวเองถึงไม่ท้องสักที เพราะการคิดแบบนี้ มีแต่จะทำให้เครียดและหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม ให้เปลี่ยนความคิดใหม่ โดยการคิดว่า ไม่ใช่เราเพียงคนเดียวที่กำลังเจอกับปัญหานี้ จริง ๆ แล้วมีผู้หญิงมากมายที่ตั้งครรภ์ได้ยาก นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมถึงได้มีเทคนิคทางการแพทย์ ที่ช่วยในเรื่องการตั้งครรภ์ แถมยังมีคลินิกที่รับปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อยู่เยอะแยะเต็มไปหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง : 12 วิธีคลายเครียด แบบง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง รับรองหายเครียดไม่รู้ตัว
3. ระบายความเครียดลงกระดาษ
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การเขียนสิ่งที่ทำให้เครียด หรือสิ่งที่ทำให้กังวลใจลงในกระดาษ จะช่วยทำให้เครียดน้อยลงได้ หลังจากเขียนเสร็จ ให้ฉีกกระดาษและโยนทิ้งไปด้วย ก็ยิ่งช่วยได้มากขึ้น วิธีนี้ เป็นอีกวิธีที่ช่วยได้ และดีเสียยิ่งกว่าการระบายอารมณ์ทางคำพูดใส่คนอื่น
4. ทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ
พยายามทำตัวให้กระตือรือร้นอยู่เสมอ โดยการทำกิจกรรมที่ตัวเองรักหรือชอบ เพราะวิธีนี้จะช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น และลืมเรื่องที่เราเครียดไปชั่วขณะ หากเรามีความสุขมากยิ่งขึ้น ร่างกายก็จะผลิตสารเซโรโทนินที่ดีต่อร่างกายออกมามากยิ่งขึ้น
5. ใช้เทคนิคผ่อนคลายความเครียด
ลองหาเวลาว่างสัปดาห์ละ 2-3 วันมาลองนอนนิ่ง ๆ หลับตาเบา ๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และจินตนาการภาพตัวเองอยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่ใดก็ได้ที่มองแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ปล่อยให้ตัวเองได้สัมผัสกับความรู้สึกรอบ ๆ ตัวในขณะที่จินตนาการถึงภาพนั้น ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราผ่อนคลาย อัตราการเต้นของหัวใจจะช้าลง และความดันโลหิตก็จะลดลง นอกจากนี้ การทำสมาธิ หรือเล่นโยคะ ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่ง ที่สามารถทำได้เพื่อช่วยลดความเครียดเช่นเดียวกัน
6. ออกกำลังกาย
นอกจากการออกกำลังกาย จะทำให้เรามีสุขภาพดีแล้ว ก็ยังช่วยให้เครียดได้น้อยลงด้วย ลองหาเวลาว่างในแต่ละวัน เล่นกีฬาเพื่อคลายเครียด อาจจะเดินเหยาะ ๆ ว่ายน้ำ เล่นโยคะ หรือเล่นกีฬาอื่น ๆ ที่ชอบก็ได้ แต่ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะอาจเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดออกมามากผิดปกติได้
เมื่อรู้แล้วว่าความเครียดมีส่วนทำให้มีลูกยากมากขึ้น เราจึงควรรู้วิธีผ่อนคลายอารมณ์ ไม่ปล่อยให้ความเครียดมาควบคุมชีวิต ทั้งนี้ มีอีกหลายวิธีที่ช่วยให้หายเครียดได้ แต่หากรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความเครียดยังไง สามารถเข้าปรึกษากับแพทย์ได้ทุกเมื่อเลยนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วิธีรักษาโรควิตกกังวล และโรคเครียด ด้วยวิธีทางธรรมชาติทำได้ที่บ้าน
7 สัญญาณความเครียด เช็คด่วน! มีอาการเหล่านี้ เครียดเกินไปแล้วหรือเปล่า!?
อยากมีลูก คุณแม่ควรเตรียมตัวอย่างไร รวมอาหารควรทานและควรงดมีอะไรบ้าง?
ที่มา : webmd, health.usnews
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!