ตับเป็นวัตุดิบเมนูอาหารคาวที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา คนท้องกินตับได้ไหม คุณแม่ท้องหลายท่าน อาจจะชอบกินตับ ไม่ว่าจะเป็นตับหมู หรือตับไก่ จริงอยู่ว่าตับเป็นแหล่งสารอาหาร และวิตามิน A แต่ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรเพื่อความปลอดภัยของอาหารแห่งฟินแลนด์ แนะนำว่าแม่ท้องควรบริโภคตับในปริมาณน้อยและเหมาะสม จะดีต่อสุขภาพมากกว่า หากกินมากคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
คนท้องกินตับได้ไหม ?
ข้อสงสัยที่ว่าคนท้องกินตับได้ไหม สำหรับตับแล้วสารอาหารอย่างวิตามิน A เป็นสารอาหารที่น่าสนใจในโภชนาการ แต่การได้รับวิตามิน A จากตับในปริมาณที่มากเกินไป จะส่งผลต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะกับแม่ท้องแล้วยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าตับมีปริมาณวิตามิน A สูงกว่าที่แม่ท้องต้องการถึง 4 – 12 เท่า ส่งผลให้คุณแม่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และอาจจะส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางของทารกผิดปกติได้อีกด้วยนะ ผู้เชี่ยวชาญยังระบุอีกว่า แม่ท้องควรหลีกเลี่ยงการบริโภคตับในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ หากแม่ท้องต้องการบริโภคตับ เช่น ตับไก่ หรือตับหมู หรือตับที่ผสมในไส้กรอก ไปจนถึงเมนูอาหารอื่น ๆ ควรบริโภคไม่เกิน 1 ขีด / สัปดาห์ หากมากกว่านั้นจะทำให้ร่างกายเสี่ยงได้
นอกจากคุณแม่ที่ชอบรสชาติของตับ ชอบกินตับเป็นชีวิตจิตใจ คงเลี่ยงการกินตับได้ยาก ก็เน้นทานให้น้อยเข้าไว้ แต่ถ้าหากแม่ท้องไม่ใช่คนที่ชอบกิน แค่กินได้บางครั้งบางคราว ก็ยังพอสบายใจเรื่องปริมาณการทานได้บ้าง อย่างไรก็ตามแม้ตับจะมีวิตามิน A สูง แต่ก็ไม่ใช่อาหารเพียงชนิดเดียวที่มีวิตามิน A แม่ท้องยังสามารถทานอาหารเมนูอื่น ๆ แทนได้ เช่น แคนตาลูป, มะม่วง และมะละกอ เป็นต้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินเครื่องในได้ไหม สารอาหารเยอะ แต่มีโรคประจำตัวต้องระวัง
วิดีโอจาก : แม่ แอนด์ ลูก สตอรี่
สารอาหารในตับที่คนท้องจะได้รับ
เริ่มจากพลังงานที่ร่างกายของคนท้องจะได้รับการทานในปริมาณอาหารที่วัดพลังงานทั่วไปประมาณ 100 กรัม จะได้รับ 134 กิโลแคลอรี ซึ่งก็ไม่ได้มาก ไม่ได้น้อย หากนำไปทานกับเมนูต่าง ๆ ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นมื้ออาหารหลักได้ ส่วนสารอาหารที่ร่างกายจะได้รับก็มีความหลากหลาย เช่น โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส และเหล็ก เป็นต้น ถือว่ามีแร่ธาตุเป็นจำนวนมากที่ดีต่อคนท้อง แต่สารอาหารที่เด่นชัดที่สุด คือ “วิตามิน A” ซึ่งมีมากในตับ และสามารถสร้างทั้งประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่ และส่งผลเสียได้หากทานมากเช่นกัน
วิตามินเอ กับทารกในครรภ์
จากข้อมูลของ องค์กรเพื่อความปลอดภัยของอาหารแห่งฟินแลนด์ แสดงให้เห็นว่า ทารกในครรภ์บางรายอาจมีปฏิกิริยาทางลบต่อวิตามินเอ ที่ตนเองได้รับจากการทานอาหารของแม่ เพราะทุกเมนูที่แม่ท้องทาน สารอาหารเหล่านั้นจะถูกส่งผ่านไปยังทารกในครรภ์โดยตรง อาการความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุด คือ อาจส่งผลให้เกิดการแท้งได้ แต่ไม่ใช่เพียงแค่อาหาร ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่าแม่ท้องควรหลีกเลี่ยงการบริโภค หรือใช้เครื่องสำอางที่มีวิตามิน A รวมทั้งหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำมันตับปลาในปริมาณมากเกินไปด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของแม่ท้อง และลูกน้อยในครรภ์
แม้ว่าการกินอาหาร หรือการใช้สินค้าใด ๆ ที่มีวิตามิน A มากจะเป็นอันตรายต่อทารกได้ แต่คุณแม่อาจต้องเป็นกังวลใจ เมื่อการหลีกหนีไม่ให้ร่างกายรับวิตามิน A เลย ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะวิตามินชนิดนี้ มีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่เช่นกัน ตัวอย่างเช่น
- มีส่วนสำคัญอย่างมากในการบำรุงดวงตา ช่วยให้ดวงตาสามารถปรับแสงได้ดีในเวลากลางคืน หากขาดวิตามิน A อาจทำให้ดวงตาทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือก่อให้เกิดความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ตาไวต่อแสง, น้ำตาไหลง่าย หรือเยื่อบุตาแห้งและอักเสบ เป็นต้น
- ช่วยให้คุณแม่มีเหงื่อออกน้อยลง เป็นทางหนึ่งที่พอจะช่วยแก้ปัญหาหากคุณแม่เป็นคนที่เหงื่อออกง่าย หรือมีเหงื่อออกมาก
- เป็นหนึ่งในสารอาหารที่ร่างกายไม่ควรขาด เพราะอาจทำให้ร่างกายไม่สมบูรณ์ หรือหยุดชะงักการเติบโตได้
- ช่วยให้ผิวของคุณแม่มีความชุ่มชื้นดูสวยงามมากขึ้น หากขาดวิตามิน A จะทำให้ผิวดูแห้งกร้าน ผิวจะมีผื่นตุ่ม หรือมีความสากมากเกินวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่ไม่ชอบแน่นอน
- ช่วยลดอาการอักเสบของสิว หากคุณแม่ยังมีสิวขึ้นอยู่ หรือพบเจอกับปัญหาสิว การกินวิตามิน A ในปริมาณที่ถูกต้องพอดีจะสามารถช่วยในเรื่องนี้ได้เช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินผักบุ้งได้ไหม กินแบบไหนให้ดี มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง ?
แม่ท้องกินตับอย่างไรให้ปลอดภัย ?
เมื่อปริมาณในการกินตับ ทำให้สุ่มเสี่ยงกับการรับวิตามิน A ที่มากเกินไป ทำให้รูัสึกเป็นกังวลเมื่อต้องทาน ยิ่งเป็นคนทานตับอยู่แล้ว คงจะให้เลิกไม่ได้ แต่ก็กลัวว่าจะเผลอตัวกินมากไป หากเราแนะนำให้ทำการวัดเป็นกรัม เป็นกิโล เป็นขีด ก็คงกะปริมาณเองได้ยาก เพราะคงไม่มีแม่คนไหนเดินเข้าไปถามร้านอาหารว่า “จานนี้ใส่ตับกี่ขีด” ดังนั้นเมื่อสรุปง่าย ๆ ก็คือ ก่อนที่แม่ท้องจะกินให้เก็บความอยากเอาไว้ก่อน จากนั้นไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ว่าควรกินแค่ไหน ปริมาณเท่าไหร่จึงพอดี เมื่อได้คำตอบแล้วจึงค่อยทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้คุณแม่อาจเปลี่ยนมาทำอาหารเมนูตับทานเองก็ได้ การทำทานเองจะทำให้สามารถวัดปริมาณของตับได้ด้วยตนเอง เป็นการคุมสารอาหารไปในตัวนั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบเมนูอาหารใด ๆ ไม่ใช่แค่ตับเท่านั้น แม่ท้องจะต้องคำนึงถึงความพอดีในการทาน วิตามินเป็นสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย แต่ไม่มีสารอาหารชนิดไหนที่รับมากเกินไปแล้วไม่เกิดผลเสีย นอกจากแม่ท้องจะให้ความสำคัญกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว สารอาหารที่ได้รับทุกอย่างจะต้องอยู่ในปริมาณที่ถูกต้องด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องกินมะม่วงน้ำปลาหวานได้ไหม กิน 1 ถ้วยโรคไตถามหาทันที
คนท้องกินส้มแผ่นได้ไหม มะม่วงแผ่น กินแบบไหนให้สุขภาพดี
คนท้องกินนมข้นหวานได้ไหม ระวังไขมัน และคอเลสเตอรอลพุ่งปี๊ด
ที่มา : BabyCentre, LINE TODAY