การเตรียมความพร้อมของเต้านมก่อนคลอดมีประโยชน์อย่างมาก สำหรับคุณแม่ท้องที่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การเริ่มต้นนวดเต้านมในช่วงอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ขึ้นไปเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการให้นมลูกอย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่า วิธีนวดเต้าก่อนคลอด ทำอย่างไร
ประโยชน์ของการนวดเต้านมก่อนคลอด
การนวดเต้านมก่อนคลอดนั้นเป็นการเตรียมเต้านมของเราให้พร้อมก่อนการให้นมลูก ซึ่งมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
-
กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง
การนวดจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณเต้านม ทำให้เลือดนำพาออกซิเจนและสารอาหารมาเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างน้ำนมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลือง ซึ่งมีหน้าที่กำจัดของเสีย ทำให้เต้านมมีสุขภาพดี ลดโอกาสการเกิดปัญหาต่างๆ เช่น เต้านมอักเสบ หรือท่อน้ำนมอุดตัน
-
คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณเต้านมและหน้าอก
ในช่วงตั้งครรภ์ เต้านมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเต้านมและหน้าอกตึง การนวดจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเหล่านี้ ลดอาการปวดเมื่อย และทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้น
-
เตรียมความพร้อมของท่อน้ำนมสำหรับการผลิตน้ำนม
การนวดเป็นการกระตุ้นให้ท่อน้ำนมขยายตัว พร้อมสำหรับการสร้างและลำเลียงน้ำนมหลังคลอด ซึ่งจะช่วยให้ น้ำนมไหลได้สะดวกขึ้น ลดปัญหาการคัดตึงเต้านมในช่วงแรกของการให้นมลูก
โดยรวมแล้ว การนวดเต้านมก่อนคลอด ช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวขึ้น และยังช่วยเตรียมความพร้อมของเต้านมให้พร้อมสำหรับการให้นมลูกน้อยได้อย่างราบรื่น

3 วิธีนวดเต้าก่อนคลอด กระตุ้นน้ำนมแม่
วิธีนวดเต้าก่อนคลอด มีเทคนิคที่ไม่ยาก คุณแม่ท้องสามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยมี 3 วิธีหลักๆ ดังนี้
-
การบีบเต้านม
ใช้มือทั้งสองข้างประคองเต้านมไว้ จากนั้นใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบเบาๆ ที่ฐานเต้านม ค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นมาบีบไล่ไปจนถึงลานนม ทำซ้ำๆ ทั่วทั้งเต้านม แต่ต้องระวังอย่าบีบแรงเกินไปจนรู้สึกเจ็บ และไม่ควรบีบที่หัวนมโดยตรง
-
การนวดเต้านม
ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนเต้านม นวดวนเป็นวงกลมเบาๆ โดยนวดด้วยฝ่ามือจากฐานเต้านมขึ้นไปถึงลานนม ทำซ้ำๆ ทั่วทั้งเต้านม สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวหรือครีมบำรุงผิวทาเพื่อลดแรงเสียดทานได้ และควรระวังอย่านวดแรงเกินไป และไม่ควรนวดที่หัวนมโดยตรง
-
การกระตุ้นหัวนม
ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ค่อยๆ นวดคลึงเบาๆ ที่หัวนม หรือใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มชุบน้ำอุ่นประคบ ควรทำอย่างเบามือ เนื่องจากหัวนมในช่วงตั้งครรภ์จะบอบบางมาก หากรู้สึกเจ็บหรือระคายเคือง ควรหยุดทำทันที

ข้อควรระวังและคำแนะนำในการนวดเต้านมก่อนคลอด
แม้การนวดเต้านมก่อนคลอดจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังที่คุณแม่ต้องใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
สัญญาณเตือนที่ควรหยุดการนวด
- รู้สึกเจ็บ: หากรู้สึกเจ็บขณะนวดเต้านม ไม่ว่าจะเป็นบริเวณเต้านม หัวนม หรือลานนม ควรหยุดนวดทันที
- มีรอยแดงหรือบวม: หากพบรอยแดง บวม หรือมีอาการอักเสบบริเวณเต้านม ควรหยุดนวดและปรึกษาแพทย์
- มีเลือดหรือหนองไหลออกมา: หากมีเลือดหรือหนองไหลออกมาจากหัวนม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- มดลูกบีบตัวถี่: หากรู้สึกว่ามดลูกบีบตัวถี่ผิดปกติหลังการนวด ควรหยุดนวดและปรึกษาแพทย์
การจัดการกับน้ำนมที่อาจไหลออกมา
- ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ การนวดเต้านมอาจกระตุ้นให้มีน้ำนมไหลออกมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวล
- ใช้ผ้าสะอาดซับน้ำนมที่ไหลออกมา ไม่ควรบีบหรือปั๊มน้ำนมออก
- หากน้ำนมที่ไหลออกมามีลักษณะผิดปกติ เช่น มีสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นเหม็น หรือมีเลือดปน ควรปรึกษาแพทย์
ความถี่และระยะเวลาในการนวดที่เหมาะสม
- ควรนวดเต้านมวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 5-10 นาที
- ไม่ควรนวดนานหรือบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้เต้านมอักเสบหรือกระตุ้นมดลูกบีบตัว เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดได้
ข้อควรระวังสำหรับคุณแม่ที่มีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
- คุณแม่ที่มีประวัติการคลอดก่อนกำหนด หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการนวดเต้านม
- หากแพทย์อนุญาตให้นวดเต้านมได้ ควรนวดอย่างเบามือ และสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ อย่างใกล้ชิด
3 วิธีนวดเต้าก่อนคลอด ที่เรานำมาฝากข้างต้นเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีสำหรับการให้นมบุตร แต่คุณแม่ควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยนะคะ
เตรียมพร้อมเต้านมก่อนคลอดด้วย อาหารบำรุงน้ำนม
นอกจากการนวดเต้านมก่อนคลอดแล้ว การรับประทานอาหารก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมของเต้านมและช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมหลังคลอด โดยเน้นที่อาหารบำรุงน้ำนม ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน

อาหารบำรุงน้ำนมที่แนะนำ
- หัวปลี: อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและวิตามิน ช่วยบำรุงเลือด เพิ่มน้ำนม และช่วยลดอาการท้องผูก
- อินทผลัม: มีวิตามินและแร่ธาตุสูง ช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังงาน และมีไฟเบอร์สูงช่วยในการขับถ่าย
- กะเพรา: มีฤทธิ์ร้อน ช่วยขับลม แก้ท้องอืด และกระตุ้นการสร้างน้ำนม
- ขิง: ช่วยขับลม แก้คลื่นไส้ อาเจียน และช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ซึ่งส่งผลดีต่อการสร้างน้ำนม
- มะรุม: อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูก และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
วิธีรับประทาน
- สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงเลียงหัวปลี ยำหัวปลี ผัดกะเพรา น้ำขิง แกงส้มมะรุม
- สามารถรับประทานได้ตลอดช่วงตั้งครรภ์ โดยไม่จำกัดอายุครรภ์
- ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ และสลับสับเปลี่ยนชนิดของอาหาร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลาย
ข้อควรระวัง
- บางชนิดอาจมีฤทธิ์ร้อน เช่น ขิง และกะเพรา คุณแม่ที่มีอาการร้อนใน ควรระมัดระวังในการรับประทาน
- หากมีโรคประจำตัว หรือแพ้อาหารชนิดใด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
การรับประทานอาหารบำรุงน้ำนม ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ การพักผ่อนที่เพียงพอ และการนวดเต้านม จะช่วยเตรียมความพร้อมของเต้านม เพื่อการให้นมบุตรอย่างราบรื่น และมีน้ำนมมากเพียงพอสำหรับลูกน้อยค่ะ
ที่มา : Youtube DrNoon Channel
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เจ็บท้องเตือน vs เจ็บท้องคลอด เหมือนหรือต่าง สังเกตและรับมืออย่างไร
ช็อก! วิจัยล่าสุด พบไมโครพลาสติก ในน้ำนมแม่ ของคนไทย
แม่หน้าอกเล็ก จะมีน้ำนมให้ลูกกินพอไหม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!