พ่อแม่ทุกคนต่างหวังว่าลูกจะมีไอคิวที่ค่อนข้างสูง เพราะเด็กที่มีไอคิวสูงมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในการเรียน การงาน และอื่นๆ ในอนาคตได้มากกว่า ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อไอคิวนั้นมีทั้งพันธุกรรม พัฒนาการตามวัย ระดับการศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงมีปัจจัยน่าสนใจที่พ่อแม่หลายคนมองข้ามไป นั่นก็คือ เดือนเกิดของลูกน้อย ซึ่งมีผลต่อสติปัญญาของเด็กด้วยค่ะ ไม่ได้กล่าวขึ้นมาลอยๆ นะคะ แต่มีผลจากงานวิจัยของ “ฮาร์วาร์ด” ที่ชี้ให้เห็นว่า เดือนเกิดลูกมีผลต่อสติปัญญา โดยเฉพาะเด็กที่เกิดในเดือน “Smart Month” 3 เดือน มาเช็กกันค่ะว่าลูกน้อนที่บ้านเข้าข่ายเด็ก Smart Month หรือเปล่า?

งานวิจัยฮาร์วาร์ดชี้! เดือนเกิดลูกมีผลต่อสติปัญญา
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ค้นพบคำตอบจากการศึกษาเป็นเวลา 7 ปี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไอคิวของเด็กกับเดือนเกิด ผ่านการติดตามกลุ่มทารกแรกเกิด โดยแบ่งตามเดือนเกิด และติดตามพัฒนาการของทารกเหล่านี้เป็นระยะเวลานาน เพื่อวิเคราะห์ระดับพัฒนาการทางสติปัญญาค่ะ
ซึ่งจากการเปรียบเทียบพบว่า เด็กที่เกิดระหว่างเดือน “สิงหาคม” ถึง “มกราคม” ของปีถัดไป โดยทั่วไปจะมีน้ำหนักตัวมากกว่าเด็กที่เกิดในเดือนอื่นๆ ประมาณครึ่งปอนด์ และมีส่วนสูงและระดับสติปัญญาสูงกว่า
และในผลลัพธ์ทางสถิติ เด็กที่เกิดในเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน และ ธันวาคม มีแนวโน้มที่จะมีลักษณะของคนที่มีไอคิวสูงมากกว่า หรือกล่าวได้ว่า เด็กที่เกิดในช่วง 3 เดือนนี้ สามารถเรียกว่า “Smart Month“ ได้
ทำไมเด็กที่เกิดในช่วง “Smart Month” ถึงมีไอคิวสูง?
ทำไม? เดือนเกิดลูกมีผลต่อสติปัญญา เพราะอะไร? เด็กที่เกิดใน 3 เดือนนี้ถึงมีไอคิวสูงกว่าเดือนอื่นๆ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นเพราะเด็กที่เกิดในช่วงเวลานี้มีความสอดคล้องกับกฎเกณฑ์การเติบโตของสรรพสิ่ง คือ
-
มีสภาพครรภ์ที่สบาย
ทารกที่เกิดในเดือนตุลาคมถึงธันวาคมนั้น ช่วงการตั้งครรภ์ของคุณแม่ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นในเดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นช่วง “เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ” อันเป็นฤดูที่สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งฟื้นคืนชีพ ที่เมื่อเทียบกับสภาพอากาศในประเทศไทยแล้วก็นับว่าเป็นช่วงเดือนที่อากาศน่าจะดีกว่าช่วงอื่นๆ จริงๆ โดยแม้ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เป็นช่วงที่คุณแม่อาจมีความรู้สึกไม่สบายตัวได้ง่าย แต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอารมณ์ดีขึ้น และอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้สามารถผ่านพ้นความไม่สบายตัวในช่วงไตรมาสแรกได้ดีขึ้นค่ะ
และในไตรมาสแรกนี้ เป็นช่วงที่สมองของทารกจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว รอยหยักในสมองจะก่อตัวขึ้น และอวัยวะสำคัญหลายอย่าง เช่น หัวใจและตับ ก็กำลังพัฒนาเช่นกัน สภาพครรภ์โดยรวมที่ดี จึงทำให้พัฒนาการของทารกดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการของสมอง ซึ่งสามารถทำให้ทารกฉลาดขึ้นได้นั่นเอง

-
เดือนเกิดลูกมีผลต่อสติปัญญา เพราะช่วงการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม
หากพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของทารกทำได้ดี พัฒนาการทางสติปัญญาของทารกก็จะดีขึ้นค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การคลาน” โดยเด็กที่เกิดในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม จะเข้าสู่การคลานในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งเป็นเวลาที่ทารกไม่ได้สวมเสื้อผ้ามากชิ้นนัก ทำให้เรียนรู้การคลานได้ง่ายขึ้น และยังมีเวลาอีกหลายเดือนก่อนที่จะเรียนรู้การเดิน ทำให้ทารกได้คลานอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ คลานนี้จะช่วยให้ลูกน้อยขยายขอบเขตกิจกรรมของตัวเอง ได้สัมผัสกับมุมมองการเรียนรู้ที่กว้างขึ้น ขยายการสื่อสารระหว่างตนเองกับโลกภายนอก ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการที่สำคัญต่อการประสานงานของศีรษะและแขนขา เป็นการส่งเสริมพัฒนาการของสมองโดยตรงค่ะ
-
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเหมาะสม
ทารกที่เกิดในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม เป็นช่วงที่อากาศไม่หนาวจัด แสงแดดกำลังดี คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยไปรับแสงแดด สังเคราะห์วิตามินดี และส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมของทารกได้ และด้วยวิธีนี้ น้ำนมแม่จะมีคุณภาพดีขึ้น และพัฒนาการสมองของลูกน้อยก็จะดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ
เดือนเกิดลูกมีผลต่อสติปัญญา ถ้าไม่ได้เกิดใน “Smart Month” ทำไงดี?
แม้ว่า เดือนเกิดลูกมีผลต่อสติปัญญา คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ! เพราะงานวิจัยนี้เป็นเพียงการค้นพบความสัมพันธ์ทางสถิติเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่เกิดในเดือนอื่นๆ จะมีไอคิวต่ำกว่าเสมอไป ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่มีผลต่อสติปัญญาของเด็ก เช่น พันธุกรรม การเลี้ยงดู การศึกษา และสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมอบความรัก การดูแลเอาใจใส่ และการส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้านให้กับลูกน้อยอย่างเหมาะสม ไม่ว่าลูกจะเกิดในเดือนใดก็ตาม มาดูวิธีส่งเสริมพัฒนาการลูกให้มีศักยภาพกันค่ะ
-
ดูแลสุขภาพครรภ์อย่างเหมาะสม
คุณแม่ตั้งครรภ์มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายกว่าปกติค่ะ ซึ่งหากต้องการให้ทารกพัฒนาได้ดี อารมณ์ อาหาร และชีวิตความเป็นอยู่ของคุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องดีด้วย ดังนั้น ในระหว่างการตั้งครรภ์นี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับการดูแลให้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องอารมณ์และอาหารการกิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยค่ะ
-
ให้โภชนาการที่ถูกต้องแก่ทารก
โภชนาการมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการสมองของทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์นะ ดังนั้น ในช่วงหลังคลอด ไม่ว่าจะเป็นนมแม่หรือหลังจากที่ลูกน้อยเริ่มกินอาหารตามวัยได้แล้ว สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำคือให้ลูกกินอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมและมีประโยชน์ตามหลักโภชนาการของช่วงวัยค่ะ
และต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือนิสัยการกินอาหารบางอย่าง เช่น พ่อแม่บางคนไม่ให้ลูกกินอาหารเช้าเมื่อตื่นสาย ทำให้เด็กไม่ได้รับสารอาหาร ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการสมอง หรือผู้สูงอายุบางคนชอบป้อนอาหารให้เด็กเสมอ ซึ่งจะทำลายความสามารถในการดูแลตนเองของเด็ก พัฒนาการของการประสานงานระหว่างมือ ตา และสมอง การทำงานของม้ามและกระเพาะอาหาร และส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมองได้ค่ะ
-
สร้างสภาพแวดล้อมอบอุ่น ปลอดภัย สะดวกสบายสำหรับลูกน้อย
สภาพแวดล้อมในครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น สามารถทำให้ลูกน้อยได้รับความรู้สึกปลอดภัยอันเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานที่สุด และเมื่อมีความรู้สึกปลอดภัย เด็กจะกล้าที่จะสำรวจ รู้สึกมีความสุข และลงมือทำสิ่งอื่นๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการสมอง รวมถึงการมีอารมณ์ที่ดี และการคิดเชิงบวก ยังช่วยสร้างและปรับปรุงเซลล์ประสาทในสมอง ทำให้พัฒนาการสมองของลูกน้อยดีขึ้นด้วยค่ะ

การเล่นกับลูกมากขึ้น จะสามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวและกระตุ้นพัฒนาการสมองลูก โดยในอีกด้านหนึ่งเด็กๆ ต้องใช้สมองในกระบวนการเล่น และยังสามารถกระตุ้นพัฒนาการสมองได้อีกด้วย เล่นให้มากขึ้น เคลื่อนไหวให้มากขึ้น แล้วลูกจะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
เดือนเกิดลูกมีผลต่อสติปัญญาอาจเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยอย่างเต็มศักยภาพ ไม่ว่าพวกเขาจะเกิดใน “Smart Month” หรือเดือนอื่นๆ ก็ตาม ความรักและความใส่ใจของคุณพ่อคุณแม่คือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับลูกเสมอนะคะ
ที่มา : www.laitimes.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เรื่องจริง! ลูกรอดเพราะคาร์ซีท มาฝึกลูกนั่งคาร์ซีท เซฟชีวิตลูกกันเถอะ
10 วิธี สอนลูกสาวให้รักตัวเอง สร้างเกราะอันแข็งแกร่ง มีภูมิคุ้มกันทางใจ
5R เคล็ดลับสร้างลูกฉลาด บ่มเพาะทักษะและความฉลาดให้ลูกง่ายๆ เริ่มได้ที่บ้าน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!