คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านคงเคยเจอกับสถานการณ์ที่จู่ๆ ลูกน้อยที่เคยร่าเริง กลับเปลี่ยนโหมดเป็นงอแงหนักมาก ร้องไห้โยเยแบบไม่มีสาเหตุ หรือตื่นขึ้นมาร้องกลางดึกบ่อยๆ อาการเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าลูกดื้อเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ลูกปวดเหงือก ฟันขึ้น บทความนี้จะพาคุณแม่ไปทำความเข้าใจอาการฟันขึ้น เช็กไทม์ไลน์ฟันซี่แรก และวิธีบรรเทาอาการปวดให้ลูกน้อยอย่างปลอดภัยและได้ผลจริง
ไทม์ไลน์ฟันลูก: ฟันซี่แรกมาเมื่อไหร่? (เช็กพัฒนาการตามวัย)
คำถามยอดฮิตคือ “ฟันเด็กขึ้นกี่เดือน?” โดยทั่วไปฟันน้ำนมซี่แรก (ฟันตัดหน้าล่าง) จะเริ่มโผล่พ้นเหงือกในช่วงอายุประมาณ 6-10 เดือน (อ้างอิงจากสมาคมทันตแพทย์อเมริกัน) แต่คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณเตือน เช่น น้ำลายไหลหรือชอบกัดของเล่น ได้ตั้งแต่ลูกอายุ 4 เดือนครับ ทั้งนี้เด็กบางคนอาจฟันขึ้นเร็วหรือช้ากว่าเกณฑ์นี้ได้เล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติค่ะ
ลำดับการขึ้นของฟันน้ำนม
- 6-10 เดือน: ฟันตัดหน้าล่าง 2 ซี่ (มักขึ้นเป็นคู่แรก)
- 8-12 เดือน: ฟันตัดหน้าบน 4 ซี่
- 13-14 เดือน: ฟันกรามซี่ที่ 1 (ช่วงนี้ลูกมักจะปวดมากเป็นพิเศษ เพราะฟันมีขนาดใหญ่)
- 16-17 เดือน: ฟันเขี้ยวบนและล่าง
- 23-33 เดือน: ฟันกรามซี่ที่ 2
- อายุครบ 3 ปี: ฟันน้ำนมขึ้นครบ 20 ซี่
หมายเหตุ ช่วงที่ฟันกรามกำลังขึ้น คือช่วงปราบเซียน เพราะฟันมีขนาดใหญ่ ดันเหงือกมาก ทำให้ลูกเจ็บและงอแงที่สุดค่ะ

เจาะลึก 4 สัญญาณ “ลูกปวดเหงือก ฟันขึ้น” พร้อมวิธีช่วยลูกให้สบายตัว
อ้างอิงข้อมูลจาก British Dental Journal ระบุว่า พ่อแม่กว่า 70-80% พบว่าลูกมีอาการไม่สบายตัวเมื่อฟันขึ้น หากลูกมีอาการดังต่อไปนี้ คุณพ่อคุณแม่เตรียมรับมือได้เลยค่ะ
1. หงุดหงิด งอแง ไม่สบายตัว
อาการ: ลูกร้องไห้โยเยโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งที่กินอิ่ม นอนพอ อาจเกิดจากแรงดันใต้เหงือกที่ทำให้รู้สึกคัน ตุบๆ หรือปวดร้าว
วิธีดูแล:
- พลังแห่งการกอด: สัมผัสจากพ่อแม่คือยาวิเศษที่สุด การอุ้มกอดช่วยลดความเครียดและทำให้ลูกรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
- เบี่ยงเบนความสนใจ: ชวนเล่นหรือพาออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ เพื่อให้ลูกลืมความเจ็บปวดชั่วคราว
2. น้ำลายไหลยืด จนเกิดผื่นแดง
อาการ: กลไกการผลิตน้ำลายจะทำงานมากขึ้นเมื่อฟันจะขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นระคายเคืองรอบปาก คาง หรือคอ จากความชื้นและเอนไซม์ในน้ำลาย
วิธีดูแล:
- ซับเบาๆ: ใช้ผ้าฝ้ายนุ่มๆ ซับน้ำลายเบาๆ อย่าเช็ดแรงเพราะจะยิ่งระคายเคือง
- ทาวาสลีน: ทาปิโตรเลียมเจล หรือครีมสำหรับเด็กบางๆ บริเวณรอบปากและคาง เพื่อเป็นเกราะป้องกันผิวจากน้ำลาย
3. ชอบกัด แทะ
อาการ: ลูกจะคว้าของเล่น นิ้วมือ หรือขอบเตียงเข้าปากเพื่อกัด การกัดช่วยนวดเหงือก และลดแรงดันใต้เหงือกได้
วิธีดูแล:
- ความเย็นช่วยได้: ยางกัดแช่เย็น ผ้าขนหนูแช่เย็น และนมแม่แช่แข็ง คือตัวช่วยที่ดี เพราะความเย็นจะทำให้เหงือกชา ลดอาการปวดบวมได้
4. ดึงหู ถูแก้ม
อาการ: เส้นประสาทบริเวณเหงือก ฟัน และหู เชื่อมโยงถึงกัน อาการปวดฟัน โดยเฉพาะฟันกราม จึงอาจร้าวไปถึงหู ทำให้ลูกดึงหูหรือถูแก้มบ่อยๆ
วิธีดูแล:
- นวดเหงือก: ล้างมือให้สะอาด ใช้นิ้วชี้พันผ้าก็อซชุบน้ำต้มสุกเย็นๆ นวดคลึงเบาๆ ที่เหงือกประมาณ 2-3 นาที จะช่วยบรรเทาอาการได้ดีมาก

สัญญาณแบบไหนที่ “ไม่ใช่” แค่ฟันขึ้น
มีความเชื่อผิดๆ ว่าฟันขึ้นทำให้เด็กไข้สูง หรือท้องเสีย จริงๆ แล้วอาการฟันขึ้นมักทำให้ตัวรุมๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที
- ไข้สูงเกิน 38.0°C: มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ไม่ใช่อาการฟันขึ้นปกติ
- ท้องเสียถ่ายเหลว: มักเกิดจากลูกหยิบจับของสกปรกเข้าปาก (เพราะคันเหงือก) จนติดเชื้อทางเดินอาหาร
- เหงือกบวมแดงจัด หรือมีหนอง: อาจมีการอักเสบติดเชื้อ
- ซึม ไม่เล่น ไม่กินนม: ต่อเนื่องเกิน 24 ชั่วโมง
เริ่มต้นดูแลฟันซี่แรก เพื่อรอยยิ้มที่แข็งแรง
เมื่อฟันซี่แรกโผล่พ้นเหงือกขึ้นมาแล้ว หน้าที่สำคัญของคุณพ่อคุณแม่คือการดูแลความสะอาดทันที:
- การแปรงฟัน: ใช้แปรงสีฟันเด็ก และยาสีฟันเด็กผสมฟลูออไรด์ 1000 ppm ปริมาณเท่า “เม็ดข้าวสาร” (แตะปลายขนแปรง) แปรงเช้าและก่อนนอน
- เช็ดฟองออก: ในเด็กเล็กที่ยังบ้วนปากไม่เป็น ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดฟองออก
- พบหมอฟันครั้งแรก: ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เด็กเมื่อฟันซี่แรกขึ้น หรืออย่างช้าที่สุดเมื่ออายุครบ 1 ปี เพื่อรับคำแนะนำในการป้องกันฟันผุ
ในช่วงฟันขึ้น เด็กๆ มักจะงอแงจากอาการ ลูกปวดเหงือก ฟันขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องดูแลทั้งสุขภาพช่องปากและจิตใจของลูกเป็นพิเศษ เพื่อให้ลูกสบายตัว สบายใจ และมีทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขอนามัยในช่องปาก ทำให้ฟันของลูกแข็งแรงและอยู่กับลูกได้จนกว่าจะหลุดตามธรรมชาติ เพื่อให้ลูกมีรอยยิ้มที่สวยงามตลอดไป
ที่มา: Children Hospital LA, โรงพยาบาลเชียงใหม่
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทารกปากแห้ง อันตรายไหม? แนะวิธีดูแลริมฝีปากลูกน้อยให้กลับมาชุ่มชื้น สุขภาพดี
ลูกป่วยเพราะเขียง เตือน! พ่อแม่อย่ามองข้าม แหล่งก่อเชื้อโรคร้ายให้ลูกน้อย
15 วิธีกระตุ้นสมองทารก ช่วยให้ลูกฉลาด ทำได้ตั้งแต่แรกเกิด
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!