การลงโทษลูกเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านต้องเผชิญ แม้เจตนาจะเป็นการอบรมสั่งสอน แต่หากเลือกใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยได้รุนแรง กรณีข่าวเด็กชายวัย 9 ขวบ ไตวายเฉียบพลัน หลังถูกแม่ตีก้น เป็นตัวอย่างที่น่าตกใจว่า การลงโทษทางกายเด็ก อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเป็นโรค ไตวายเฉียบพลัน ได้ บทความนี้จะพาไปรู้จักโรค ไตวายเฉียบพลัน ภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างกะทันหัน รวมถึงวิธีการป้องกันโรคนี้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลี้ยงดูลูกน้อยได้อย่างปลอดภัย
แม่ใจแทบสลาย หลังรู้ว่าลูกชายเป็น ไตวายเฉียบพลัน เพราะถูกตีก้นบ่อย ๆ
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจ เมื่อเด็กชายวัย 9 ขวบ จากประเทศจีน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการปัสสาวะผิดปกติ แพทย์ได้ตรวจพบว่าเด็กชายเป็นโรค ไตวายเฉียบพลัน ซึ่งอาจถึงขั้นเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาทันที และต้องรีบนำตัวส่งเข้าห้องไอซียูเพื่อฟอกเลือดโดยด่วน
จากการสอบถามแม่ของเด็กชาย ทราบว่าเธอมีพฤติกรรมลงโทษลูกด้วยการตี โดยในช่วงแรกเธอมักจะใช้มือตีก้นลูก แต่ต่อมาเมื่อเห็นว่าลูกชายไม่รู้สึกเจ็บปวด เธอจึงเปลี่ยนมาใช้ไม้กวาดฟาดแทน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจคิดว่าการตีลูกเป็นเรื่องปกติ แต่แท้จริงแล้ว การกระทำนี้ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายและจิตใจของเด็กมากกว่าที่คิด
การตีก้นเด็กบ่อย ๆ จะทำให้เกิดรอยฟกช้ำใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบขับถ่ายของไต ไตของเด็กอาจเสียหายอย่างรุนแรงจนถึงขั้นไตวายเฉียบพลัน นอกจากนี้ การตีก้นยังส่งผลต่อสมองของเด็กโดยตรง แรงกระแทกอาจทำให้สมองได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ซึ่งแพทย์คาดการณ์ว่า สาเหตุของ ไตวายเฉียบพลัน ในเคสนี้น่าจะมาจากการตีที่รุนแรงจนทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ไมโอโกลบิน โพแทสเซียมไอออน และสารอื่น ๆ เข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลต่อไตเฉียบพลัน คล้ายกับภาวะกล้ามเนื้อสลาย
ที่มา: hk01
ภาวะไตวายเฉียบพลัน คืออะไร?
ภาวะไตวายเฉียบพลัน คือ ภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดภาวะเสียสมดุลในระบบร่างกาย ส่งผลต่อการขับของเสียผ่านทางปัสสาวะ ของเสียเหล่านี้จะตกค้างในร่างกาย อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
บทความที่เกี่ยวข้อง: ไต อวัยวะสำคัญที่ต้องดูแล มารู้จักภาวะไตเสื่อม
โดยเราสามารถแบ่งภาวะไตวายเฉียบพลันได้ออกเป็น 2 ระยะ
1) ระยะ Pre-renal
สาเหตุของระยะนี้อาจมาจากภาวะตกเลือดรุนแรง ภาวะช็อก หรือการขาดน้ำร้ายแรง ส่งผลต่อความสามารถในการขับของเสียของไต ทำให้ผู้ป่วยมีปัสสาวะน้อย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของภาวะไตวายระยะนี้คือเซลล์ท่อไตยังไม่ถูกทำลาย ดังนั้นหากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยการให้สารน้ำทดแทนและแก้ไขสาเหตุที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง ไตจะสามารถกลับมาทำงานได้ปกติภายใน 24-72 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะมีปัสสาวะออกตามปกติ ถือเป็นภาวะไตวายเฉียบพลันที่รักษาให้หายขาดได้
2) ระยะ Acute Tubular Necrosis (ATN)
เกิดขึ้นเมื่อการรักษาภาวะ Pre-renal ล่าช้า ส่งผลให้เซลล์ท่อไตถูกทำลาย ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกทางปัสสาวะได้ ผู้ป่วยจะมีปัสสาวะน้อยหรือไม่มีปัสสาวะเลย ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น น้ำท่วมปอด หัวใจวาย หรือเสียชีวิต การรักษาหลักคือการให้สารน้ำทดแทน ฟอกเลือด และควบคุมภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
และถึงแม้จะรักษาได้ทันท่วงที ไตก็อาจใช้เวลานานกว่าจะกลับมาทำงานปกติ ประมาณ 1 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน อย่างไรก็ตามหากเกิน 3 เดือนแล้วยังไม่ฟื้นฟู อาจกลายเป็นภาวะไตวายเรื้อรัง ดังนั้น การรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะน้อย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน หรือบวมตามร่างกาย จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสการฟื้นตัวของไต
การรักษาภาวะ ไตวายเฉียบพลัน
การรักษาภาวะไตวายเฉียบพลัน มุ่งเน้นไปที่การรักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดไตวาย ฟื้นฟูการทำงานของไต และป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยแบ่งออกเป็นดังนี้
1) รักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
แพทย์จะวินิจฉัยสาเหตุของไตวาย และรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น
- การขาดน้ำ: ให้สารน้ำทดแทน
- การติดเชื้อ: ให้ยาปฏิชีวนะ
- ยาบางชนิด: หยุดยาที่เป็นสาเหตุ
- ภาวะช็อก: รักษาความดันโลหิตให้คงที่
2) รักษาสมดุลน้ำและเกลือแร่ให้เป็นปกติ
ผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันอาจมีภาวะน้ำเกิน หรือเกลือแร่ผิดปกติ แพทย์จะควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ที่ผู้ป่วยได้รับอย่างใกล้ชิด
3) ปรับขนาดยาตามการทำงานของไตที่ลดลง
ยาบางชนิดขับถ่ายออกจากร่างกายผ่านทางไต เมื่อไตทำงานลดลง ยาเหล่านี้จะสะสมในร่างกายได้ แพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับการทำงานของไต
4) หลีกเลี่ยงการฉีดสารทึบรังสีหรือยาที่มีผลเสียต่อไตที่ไม่มีความจำเป็น
สารทึบรังสีและยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของไต แพทย์จะพิจารณาความจำเป็นก่อนใช้ยาเหล่านี้
5) การรักษาโดยการบำบัดทดแทนไต
ในกรณีที่มีอาการสารน้ำเกิน หรือเกลือแร่ผิดปกติร้ายแรงที่อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิต แพทย์อาจพิจารณาการรักษาโดยการบำบัดทดแทนไต เช่น การฟอกเลือด
อย่างไรก็ตาม การรักษาภาวะไตวายเฉียบพลัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย แพทย์จะประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษาประสบความสำเร็จ และฟื้นฟูการทำงานของไตให้กลับมาเป็นปกติ
วิธีป้องกันการเกิดภาวะ ไตวายเฉียบพลัน
โรคไตวายเฉียบพลัน เป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพง่าย ๆ ได้ ดังนี้
1) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ร่างกายของเราต้องการการนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน การนอนหลับพักผ่อนเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง ฟื้นฟูพลังงาน และขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2) ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ร่างกายของเราต้องการน้ำประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ป้องกันการเกิดนิ่วในไต และรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายได้ดี
3) ไม่กลั้นปัสสาวะ
การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ของเสียในปัสสาวะย้อนกลับไปยังไต ส่งผลเสียต่อการทำงานของไต
4) ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
การมีน้ำหนักตัวมากเกินไป เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไตวายเฉียบพลัน ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)
5) งดเว้นอาหารหมักดอง อาหารดิบ และอาหารที่มีโซเดียมสูง
อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งของสารพิษและโซเดียม ส่งผลเสียต่อการทำงานของไต ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากแหล่งที่ไขมันต่ำ
กรณีเด็กชายวัย 9 ขวบ ไตวายเฉียบพลันหลังถูกแม่ตีก้น เป็นตัวอย่างที่น่าตกใจว่า การลงโทษทางกายเด็ก อาจส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตได้ ไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างฉับพลัน ส่งผลต่อการขับของเสียออกจากร่างกาย สาเหตุของโรคไตวายเฉียบพลันมีหลายประการ การตีก้นเด็ก เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ไม่คาดคิด แต่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากแรงกระแทกบริเวณก้น อาจส่งผลต่อไตโดยตรง
การป้องกันภาวะไตวายเฉียบพลันที่ดีที่สุดคือ การดูแลสุขภาพ เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ สำหรับผู้ปกครอง ควรเลี่ยงการลงโทษเด็กด้วยความรุนแรง หันมาใช้วิธีการอบรมสั่งสอนที่เน้นการพูดคุย สร้างความเข้าใจ และปลูกฝังคุณธรรมให้เด็ก
ที่มา: All Well, Phyathai
บทความอื่น ๆ ที่สนใจ:
โรคอัณฑะบิดหมุน อย่ามองข้าม! ภัยเงียบสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกชาย
อันตรายจาก ” ไข้นอนกรน ” หมอโอ๊คเตือนภัยเชื้อแรงระบาดในเด็ก
เปิดเทอมนี้ ระวังโควิด! หมอยงแนะมาตรการ ป้องกันโควิด-19 ในโรงเรียน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!