สิว เป็นแล้วก็ทิ้งรอย ไม่ว่าจะรอยดำหรือรอยแดง ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และยิ่งไปกว่านั้น หลุมสิว ที่หายยาก ทำยังไงก็ไม่หายสักที วันนี้เราจึงรวบรวมสาเหตุที่ว่า หลุมสิวเกิดจากอะไร หลุมสิวรักษายังไง รักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติ พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวมาฝาก จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
หลุมสิวเกิดจากอะไร ?
หลุมสิวส่วนใหญ่เกิดจากบาดแผล หรือการอักเสบของผิวหนัง ส่วนมากการอักเสบส่วนใหญ่จะเกิดกับผิวชั้นบนก็จะไม่ทิ้งรอยแผล และยุบตัวลง แต่ถ้าหากเกิดในชั้นที่ลึกลงไปผิวชั้นใน การรักษาแผลก็จะสร้างพังผืดทำให้ผิวหนังยุบลงไป ทำให้เกิดเป็นหลุมสิว
ใครที่ไม่อยากเป็นหลุมสิวบนใบหน้า ก็จะต้องดูแลรักษาให้ถูกวิธี หลุมสิวอาจจะไม่มีการป้องกันการเกิดได้ 100 % แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยลดการเกิดหลุมสิวได้ โดยการดูแลผิวหน้าก่อนสิวอักเสบจะลุกลาม
บทความที่เกี่ยวข้อง : ตำแหน่ง สิวบอกโรค รู้หรือไม่ !? สิวบนใบหน้า บอกปัญหาสุขภาพได้ !
หลุมสิวเกิดจากอะไร
วิธีลดการเกิดหลุมสิว ทำได้อย่างไร ?
ไม่ว่าจะ หลุมสิวที่แก้ว หลุมสิวที่จมูก หรือบริเวณใบหน้า วิธีรักษาที่ดีที่สุด คือการรีบรักษาสิวที่เพิ่งเริ่มขึ้นทันที โดยการทายากลุ่มรักษาสิว หากทาแล้วไม่ดีขึ้น สิวนั้นเกิดการอักเสบที่ใหญ่ขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา โดยวิธีการรักษาสิวด้วยตัวเอง เพื่อเลี่ยงการเกิดหลุมสิว มีดังนี้
เลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้สิวอักเสบแย่ลง เพราะยิ่งสิวอักเสบ มีขนาดใหญ่มาก ก็มีโอกาสที่จะทิ้งหลุมสิวมาก หากใครที่ชอบเอามือไปถูใบหน้าแรง ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบที่หนักกว่าเดิมได้ เนื่องจากการเป็นสิว หากเราไปบีบเค้น ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น และอาจทำให้สิ่งสกปรกลงไปในผิวชั้นลึก ทำให้การรักษาอาจจะใช้เวลานาน ทำให้เกิดพังผิดมากขึ้น ส่งผลทำให้เป็นแผลเป็นและหลุมสิวถาวร
หลังจากที่หัวสิวหลุมออกแล้ว ผิวหนังก็จะสร้างสะเก็ดผลขึ้นมา และไม่ควรแกะสะเก็ดเด็ดขาด เพราะการที่เอามือไปแกะสะเก็ด ก็จะยิ่งทำให้แผลถูกยืดเวลาออกไป แผลหายช้า และก็จะมีพังผืดมากขึ้น ทำให้เกิดการรั้งของผิวหนัง จนทำให้เกิดหลุมสิวในที่สุด
การรักษาหลุมสิว
หลุมสิวรักษา อย่างไร ?
การรักษาหลุมสิวบนใบหน้า จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ การรักษาด้วยการทายา เป็นการรักษากลุ่มสิวที่อยู่ในระดับทั่วไป , การรักษาด้วยการทานยา และรักษาด้วยเครื่องมือแพทย์ เป็นการรักษาหลุมสิวที่มีขนาดใหญ่ฝังลึก ซึ่งกลุ่มนี้จะอยู่ในความดูแลของแพทย์ ทั้งนี้การทายาและการทาครีมบำรุงร่วมด้วยจะขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และที่สำคัญก็ขึ้นอยู่กับสถานเสริมความงาม ว่ามี อย. รองรับ และมีการให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง โดยการรักษาหลุมสิว มีดังนี้
การแต้มกรดนี้จะช่วยเร่งผิวใหม่ ทำให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น หากทำอาทิตย์ละครั้งจะเห็นผลประมาณ 3 – 6 เดือน ซึ่งการทายาจะเป็นการแต้มเฉพาะจุด และกรดของ TCA จะทำให้ผิวเป็นสะเก็ดดำ ๆ
-
ลอกผิวด้วยกรดผลไม้ที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรด
AHA , BHA , PHA กลุ่มพวกนี้จะเป็นการช่วยเซลล์ผิวด้านบนหลุดออก และเกิดการซ่อมแซมผิวทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
สำหรับใครที่กลัวการเป็นสะเก็ด และไม่รีบในการรักษา ก็สามารถใช้กรดวิตามินเอ มาทาบนรอบหลุมสิว เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยังสามารถทาได้บ่อยกว่าพวกกรด TCA อีกด้วย
-
ทายาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ
เช่น Retin A เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้กลับมาแข็งแรงขึ้น
การทาครีมลบรอยแผลเป็นและริ้วรอย มีส่วนของ วิตามินอี AHA , BHA ก็จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เช่นกัน
สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินอี และ BHA สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกลุ่มนี้ก็ช่วยให้หลุมสิวนั้นดูตื้นมากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : 11 ครีมรักษาสิว ครีมลดสิว สุดปัง ลดสิวและรอยดำอยู่หมัด
รักษาหลุมสิว
-
การรับประทานยาที่อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ
กลุ่มยาวิตามินเอ เช่น Isotretinoin , Roaccutance , Acnotin กลุ่มยาพวกนี้ก็สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้สร้างผิวหนังใหม่ และยังเติมเต็มรอยหลุมสิว คุมมันได้อีกด้วย แต่กลุ่มยาพวกนี้จะส่งผลทำให้ ตาแห้ง ผิวแห้ง ปากแห้งได้ ดังนั้นการใช้ยากลุ่มนี้จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ไม่ควรซื้อมากินเองเพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายคุณได้
พยายามดูแลรักษา ไม่ให้เกิดสิว งดดื่มแอลกอฮอล์ หากไม่ได้อยู่ระหว่างการรักษา สามารถสครับหน้าได้อาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกสครับที่ไม่รุนแรง และบำรุงด้วยสกินแคร์ที่ช่วยสร้างคอลลาเจน พร้อมกับนวดใบหน้าเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนมาสร้างคอลลาเจนซ่อมแซมผิว แต่หากใครที่มีสิวด้วย การขัดหน้าและนวดหน้าเป็นสิ่งที่ควรเลี่ยง ควรให้สิวหายก่อน แล้วค่อยมาจัดการกับจุดด่างดำหลุมสิว และรักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เป็นการรักษาหลุมสิวระดับทั่วไป ถ้านำไปใช้กับหลุมสิวที่ขนาดลึกอาจจะเห็นผลช้ามาก หรือแทบไม่เห็นผลเลย โดยการ IPL เป็นการใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มข้นไปกระตุ้นคอลลาเจน และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากทำให้คอลลาเจนใต้ผิวหนังถูกกระตุ้นให้สร้างตัวมากขึ้น เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทำเลเซอร์อาจจะมีแผลตกสะเก็ด ดังนั้นอาจจะต้องใช้ยาช่วย และเลี่ยงแสงแดดประมาณ 1 สัปดาห์
วิธีรักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติ
นำว่านหางจระเข้มาแช่น้ำ 10-15 นาที ให้ยางเหลือง ๆ ออก ก่อนนำไปปลอกเปลือกแล้วล้างอีกครั้งให้สะอาด นำวุ้นใส ๆ มาพอกหน้าทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก สามารถทำได้ทุกวัน เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสารอะลอคตินเอ สารตัวนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยรักษาหลุมสิวให้ค่อย ๆ ตื้นขึ้น
ใบบัวบก 1 กำมือ นำมาคั้นหรือนำมาบด แล้วพอกทิ้งไว้ 10 – 1 นาที สามารถใช้ได้ทั้งแบบแยกน้ำ และ ใช้ก้านพอกทั้งหน้าก็ได้ ในใบบัวบกจะมีสารโคไซด์ สารตัวนี้จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอสาสติน ทำให้หลุมสิวค่อย ๆ ฟื้นฟูและตื้นขึ้น
สูตรนี้เป็นสูตรสำหรับคนที่มีปัญหาสิว สิวอุดตัน สิวอักเสบ รวมถึงหลุมสิวด้วย เพราะสาร AHA ที่เป็นกรดผลไม้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ตื้นขึ้น และยังสามารถใช้ได้ทุกวัน โดยพอกทิ้งไว้ 10 – 15 นาที แล้วล้างออก
สูตรนี้จะนำมะละกอมาบดให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 – 15 นาที สามารถทำได้ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื่องจากในมะละกอมีเอนไซม์ชื่อปาเปน และโคโมปาเปน 2 ตัวนี้ จะช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง และกระตุ้นคอลลาได้เป็นอย่างดี ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :
15 แผ่นแปะสิว ยี่ห้อไหนดี ใช้แล้วสิวแห้ง ยุบไว ไม่ทิ้งรอย
สิวที่หู สิวที่หูบอกโรคอะไร อันตรายหรือไม่ พร้อมวิธีการดูแลรักษา
สาเหตุของการเกิด สิวที่หน้าผาก พร้อมวิธีการดูแลรักษา ให้หน้าสวยไร้สิว
ที่มา : medthai.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!