X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

4 สาเหตุที่ทำให้ ลูกส่ายหัว โยกหัว พร้อมวิธีการแก้ไข

บทความ 5 นาที
4 สาเหตุที่ทำให้ ลูกส่ายหัว โยกหัว พร้อมวิธีการแก้ไข

สำหรับผู้ปกครองคงเป็นภาพที่น่าตกใจเมื่อเห็น ลูกส่ายหัว โยกหัว แรง ๆ แม้ว่ามันจะค่อนข้างน่าวิตก แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของพฤติกรรมนี้ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายจากการสั่นศีรษะในเด็ก สาเหตุของอาการสั่นศีรษะอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่สภาวะทางระบบประสาทไปจนถึงปัญหาทางจิต ดังนั้นจึงผู้ปกครองจึงต้องหาคำตอบ เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง

 

4 สาเหตุ ลูกส่ายหัว โยกหัว มีที่มาแน่นอน

โดยธรรมชาติแล้ว เด็ก ๆ มีความอยากรู้อยากเห็น และสำรวจสภาพแวดล้อมของพวกเขาด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งมักจะรวมถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การส่ายหัว เป็นต้น น่าเสียดายที่พฤติกรรมนี้อาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้ หากทำบ่อยเกินไป หรือออกแรงมากเกินไป เราจะกล่าวถึงสิ่งที่อาจทำให้เด็กส่ายหัวอย่างเป็นอันตรายกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ

 

1. เกิดจากกล้ามเนื้อกระตุก (Tic)

อาการที่เรียกว่า “โรค Tic หรือ Tourette” คือการเคลื่อนไหว หรือส่งเสียงซ้ำ ๆ โดยที่ตัวของเด็กเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง ในบางกรณี อาการจากโรคเหล่านี้อาจรวมถึงการสั่นศีรษะ และสัญญาณอื่น ๆ ที่สังเกตได้ชัดเจน ได้แก่ การกะพริบตา, ใบหน้าบูดบึ้ง, ยักไหล่ และส่งเสียงคำรามออกมา เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคนี้ สามารถรักษาได้ด้วยยา, การทำพฤติกรรมบำบัด หรือเทคนิคอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือ ต้องไปพบแพทย์หากคุณสงสัยว่าลูกของคุณมีอาการเหล่านี้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมได้หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาให้หาย

 

2. การกระตุ้นทางสมอง

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้เด็กสั่นศีรษะแรง ๆ คือการกระตุ้นทางสมอง ซึ่งมักเกิดจากการรับความรู้สึกมากเกินไป เนื่องจากเด็กกำลังเผชิญกับสิ่งเร้ามากมายที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ การส่ายศีรษะเป็นวิธีการผ่อนคลายของร่างกายเด็กอย่างหนึ่ง เป็นกลไกที่ช่วยให้เด็กมีสมาธิ และสามารถประมวลผลข้อมูล ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ได้ หากลูกของคุณส่ายหัวบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าเขารู้สึกหนักใจ และจำเป็นต้องหยุดพักห่างออกจากสิ่งเร้าที่กำลังเผชิญอยู่นั่นเอง

 

ลูกส่ายหัว โยกหัว

 

3. ประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ

หนึ่งในปัญหาที่ทำให้เด็กส่ายหัวอาจมาจากประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ ปัญหาการประมวลผลทางประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนคนทั่ว ๆ ไป อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางระบบประสาท และอารมณ์ หรือร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เด็กสั่นศีรษะได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องสังเกตเด็กอย่างระมัดระวัง และพยายามพิจารณาว่าพวกเขากำลังส่ายหัวเพื่อตอบสนองต่อเสียง พื้นผิว กลิ่น หรือสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัสอื่น ๆ หรือไม่ และมีการตอบสนองผิดปกติจากที่ควรจะเป็นหรือเปล่า หากพบว่าเด็กมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทั้งหมดที่กล่าวมาอย่างไม่ปกติ ควรรีบพาเด็กไปตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

 

4. ปัญหาทางจิตวิทยา

เมื่อพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เด็กสั่นศีรษะแรง ต้องพิจารณาประเด็นทางจิตวิทยาว่าเป็นปัจจัยที่เป็นไปได้ไหม ในบางกรณี ความวิตกกังวล หรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ อาจแสดงออกมาเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การสั่นศีรษะ หากบุตรหลานของคุณมีพฤติกรรมเช่นนี้ ควรพูดคุยกับกุมารแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเกี่ยวกับอาการ และหาสาเหตุทางจิตวิทยาที่อาจเป็นไปได้ นอกจากนี้ ในระหว่างนี้หากเด็กมีแนวโน้มที่อาจมีปัญหาทางจิตวิทยา ผู้ปกครองต้องให้การดูแลอย่างใส่ใจ โดยเฉพาะในเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก

บทความที่เกี่ยวข้อง : พาลูกพบจิตแพทย์เด็ก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ไปได้สบายหายห่วง

 

4 วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นหากพบว่าลูกส่ายหัวมากเกินไป

หลังจากเรียนรู้สาเหตุที่ทำให้ลูกส่ายหัวไปแล้ว ต่อมาก็เข้าสู่การแก้ปัญหา โดยหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหา คือ การหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ลูกส่ายหัว จากนั้นให้ทำการรักษา หรือบำบัดจากสาเหตุนั้น ๆ นั่นเอง

 

1. พยายามหาสาเหตุให้ได้ก่อน

การระบุสาเหตุที่แท้จริงของการที่เด็กสั่นศีรษะอย่างรุนแรงเป็นขั้นตอนแรกในการจัดการปัญหา เมื่อเข้าใจสิ่งที่กระตุ้นพฤติกรรม จะสามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้ สาเหตุทั่วไปของการสั่นศีรษะ ได้แก่ ความไม่สบายกาย ความวิตกกังวล ความกลัว และความไม่เข้าใจ เป็นนอกจากนี้อาจมาจากสัญญาณของระบบประสาท หรือพัฒนาการล่าช้า ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงรบกวน แสงจ้า ผู้คนที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้นหากพฤติกรรมยังคงอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

2. ขอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

หากคุณกังวลว่าบุตรหลานที่มีพฤติกรรมสั่นศีรษะแรง ๆ ต้องขอคำแนะนำทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญ มีความเป็นไปได้หลายประการที่อาจทำให้เด็กชอบสั่นศีรษะ ตั้งแต่ความผิดปกติทางระบบประสาทไปจนถึงปัญหาทางพฤติกรรม เมื่อได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณจะได้รับคำแนะนำ และแผนการรักษาที่ถูกต้องสำหรับลูกรักอย่างแน่นอน

 

ลูกส่ายหัว โยกหัว 2

 

3. ใช้เทคนิคช่วยลดการสั่นศีรษะ

เด็กหลายคนส่ายหัวแรง ๆ แต่อาจเป็นอันตรายได้เนื่องจากอาจทำให้คอ และศีรษะบาดเจ็บ เมื่อสามารถระบุสาเหตุของพฤติกรรมได้แล้ว จากนั้นใช้กลยุทธ์เพื่อลดการสั่นศีรษะ วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดการสั่นศีรษะ ตัวอย่างเช่น หากการสั่นศีรษะเกิดจากประสาทรับรู้มากเกินไป ให้สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบโดยมีสิ่งรบกวนน้อยลง นอกจากนี้คุณยังสามารถเตรียมอุปกรณ์ช่วยผ่อนคลายประสาทสัมผัส เช่น ผ้าห่มถ่วงน้ำหนัก ที่ป้องกันหู และเพลงที่สงบเงียบ เป็นต้น

 

4. การจัดการกับความเครียดในเด็ก

เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ปกครองที่จะต้องตระหนักว่าบุตรหลานของตนอาจจัดการกับความเครียด และความวิตกกังวลในชีวิตอย่างไร การทำความเข้าใจสาเหตุของความเครียด และความวิตกกังวลในเด็กเป็นขั้นตอนแรกในการช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเครียด และสามารถเผชิญปัญหาได้ดี แหล่งที่มาของความเครียด และความวิตกกังวลที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในครอบครัว แรงกดดันด้านการเรียน และแรงกดดันทางสังคม ในฐานะผู้ปกครองควรให้การสนับสนุนบุตรหลานของคุณโดยการสอนเทคนิคต่าง ๆ เพื่อจัดการกับความเครียด และความวิตกกังวล ซึ่งอาจรวมถึงการสอนเทคนิคการผ่อนคลาย การฝึกสติ และทักษะการแก้ปัญหาในแต่ละอย่างด้วย

 

ผู้ปกครองต้องสังเกตว่า สาเหตุของการที่เด็กสั่นศีรษะแรง ๆ เกิดจากอะไร ส่วนมากมักจะเชื่อมโยงกับสิ่งเร้า หรือระบบประสาท ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และติดต่อแพทย์หากสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เป็นอันตราย หรืออาการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ต้องให้ความรู้แก่เด็กเกี่ยวกับอันตรายของการส่ายศีรษะมากเกินไป และเพื่อให้แน่ใจว่าลูก ๆ เข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตนเอง

 

บทความจากพันธมิตร
5 วิธี เสริมภูมิคุ้มกัน กุญแจสำคัญที่ทำให้ลูกรักแข็งแรง พร้อมเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ
5 วิธี เสริมภูมิคุ้มกัน กุญแจสำคัญที่ทำให้ลูกรักแข็งแรง พร้อมเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ
ป้องกัน ลูกแพ้น้ำยาซักผ้า ฉบับคุณแม่มือโปร ด้วย Breeze Baby
ป้องกัน ลูกแพ้น้ำยาซักผ้า ฉบับคุณแม่มือโปร ด้วย Breeze Baby
อยากให้ลูกสมองไว ทำไมต้องรอให้ถึงอนุบาล
อยากให้ลูกสมองไว ทำไมต้องรอให้ถึงอนุบาล
วิธีดูแลผิวลูกหน้าร้อน ดูแลอย่างไรให้ห่างไกลปัญหาผดผื่น
วิธีดูแลผิวลูกหน้าร้อน ดูแลอย่างไรให้ห่างไกลปัญหาผดผื่น

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

5 อันดับ จิตแพทย์เด็ก ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย

พฤติกรรมเด็กแรกเกิด-3 ปี หนูทำแบบนี้ แม่ต้องรับมือแบบไหน

โรคพฤติกรรมผิดปกติในเด็ก 3 โรคพฤติกรรมเด็ก วิธีสังเกตลูกเป็นโรคพฤติกรรมผิดปกติหรือไม่

ที่มา : 1, 2

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Sutthilak Keawon

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • 4 สาเหตุที่ทำให้ ลูกส่ายหัว โยกหัว พร้อมวิธีการแก้ไข
แชร์ :
  • การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด คืออะไร จำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?

    การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด คืออะไร จำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?

  • มือลอก มือแตกแห้ง เกิดจากอะไร เป็นสัญญาณของอาการขาดวิตามินจริงไหม?

    มือลอก มือแตกแห้ง เกิดจากอะไร เป็นสัญญาณของอาการขาดวิตามินจริงไหม?

  • คนท้องกินวานิลลาได้ไหม เค้กวานิลลา ไอศกรีมวานิลลาปลอดภัยไหม

    คนท้องกินวานิลลาได้ไหม เค้กวานิลลา ไอศกรีมวานิลลาปลอดภัยไหม

  • การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด คืออะไร จำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?

    การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด คืออะไร จำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?

  • มือลอก มือแตกแห้ง เกิดจากอะไร เป็นสัญญาณของอาการขาดวิตามินจริงไหม?

    มือลอก มือแตกแห้ง เกิดจากอะไร เป็นสัญญาณของอาการขาดวิตามินจริงไหม?

  • คนท้องกินวานิลลาได้ไหม เค้กวานิลลา ไอศกรีมวานิลลาปลอดภัยไหม

    คนท้องกินวานิลลาได้ไหม เค้กวานิลลา ไอศกรีมวานิลลาปลอดภัยไหม

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ