สำหรับผู้ปกครองคงเป็นภาพที่น่าตกใจเมื่อเห็น ลูกส่ายหัว โยกหัว แรง ๆ แม้ว่ามันจะค่อนข้างน่าวิตก แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของพฤติกรรมนี้ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายจากการสั่นศีรษะในเด็ก สาเหตุของอาการสั่นศีรษะอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่สภาวะทางระบบประสาทไปจนถึงปัญหาทางจิต ดังนั้นจึงผู้ปกครองจึงต้องหาคำตอบ เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง
4 สาเหตุ ลูกส่ายหัว โยกหัว มีที่มาแน่นอน
โดยธรรมชาติแล้ว เด็ก ๆ มีความอยากรู้อยากเห็น และสำรวจสภาพแวดล้อมของพวกเขาด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งมักจะรวมถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การส่ายหัว เป็นต้น น่าเสียดายที่พฤติกรรมนี้อาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้ หากทำบ่อยเกินไป หรือออกแรงมากเกินไป เราจะกล่าวถึงสิ่งที่อาจทำให้เด็กส่ายหัวอย่างเป็นอันตรายกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ
1. เกิดจากกล้ามเนื้อกระตุก (Tic)
อาการที่เรียกว่า “โรค Tic หรือ Tourette” คือการเคลื่อนไหว หรือส่งเสียงซ้ำ ๆ โดยที่ตัวของเด็กเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง ในบางกรณี อาการจากโรคเหล่านี้อาจรวมถึงการสั่นศีรษะ และสัญญาณอื่น ๆ ที่สังเกตได้ชัดเจน ได้แก่ การกะพริบตา, ใบหน้าบูดบึ้ง, ยักไหล่ และส่งเสียงคำรามออกมา เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคนี้ สามารถรักษาได้ด้วยยา, การทำพฤติกรรมบำบัด หรือเทคนิคอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือ ต้องไปพบแพทย์หากคุณสงสัยว่าลูกของคุณมีอาการเหล่านี้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมได้หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาให้หาย
2. การกระตุ้นทางสมอง
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้เด็กสั่นศีรษะแรง ๆ คือการกระตุ้นทางสมอง ซึ่งมักเกิดจากการรับความรู้สึกมากเกินไป เนื่องจากเด็กกำลังเผชิญกับสิ่งเร้ามากมายที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ การส่ายศีรษะเป็นวิธีการผ่อนคลายของร่างกายเด็กอย่างหนึ่ง เป็นกลไกที่ช่วยให้เด็กมีสมาธิ และสามารถประมวลผลข้อมูล ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ได้ หากลูกของคุณส่ายหัวบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าเขารู้สึกหนักใจ และจำเป็นต้องหยุดพักห่างออกจากสิ่งเร้าที่กำลังเผชิญอยู่นั่นเอง
3. ประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้เด็กส่ายหัวอาจมาจากประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ ปัญหาการประมวลผลทางประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนคนทั่ว ๆ ไป อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางระบบประสาท และอารมณ์ หรือร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เด็กสั่นศีรษะได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องสังเกตเด็กอย่างระมัดระวัง และพยายามพิจารณาว่าพวกเขากำลังส่ายหัวเพื่อตอบสนองต่อเสียง พื้นผิว กลิ่น หรือสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัสอื่น ๆ หรือไม่ และมีการตอบสนองผิดปกติจากที่ควรจะเป็นหรือเปล่า หากพบว่าเด็กมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทั้งหมดที่กล่าวมาอย่างไม่ปกติ ควรรีบพาเด็กไปตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
4. ปัญหาทางจิตวิทยา
เมื่อพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เด็กสั่นศีรษะแรง ต้องพิจารณาประเด็นทางจิตวิทยาว่าเป็นปัจจัยที่เป็นไปได้ไหม ในบางกรณี ความวิตกกังวล หรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ อาจแสดงออกมาเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การสั่นศีรษะ หากบุตรหลานของคุณมีพฤติกรรมเช่นนี้ ควรพูดคุยกับกุมารแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเกี่ยวกับอาการ และหาสาเหตุทางจิตวิทยาที่อาจเป็นไปได้ นอกจากนี้ ในระหว่างนี้หากเด็กมีแนวโน้มที่อาจมีปัญหาทางจิตวิทยา ผู้ปกครองต้องให้การดูแลอย่างใส่ใจ โดยเฉพาะในเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก
บทความที่เกี่ยวข้อง : พาลูกพบจิตแพทย์เด็ก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ไปได้สบายหายห่วง
4 วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นหากพบว่าลูกส่ายหัวมากเกินไป
หลังจากเรียนรู้สาเหตุที่ทำให้ลูกส่ายหัวไปแล้ว ต่อมาก็เข้าสู่การแก้ปัญหา โดยหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหา คือ การหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ลูกส่ายหัว จากนั้นให้ทำการรักษา หรือบำบัดจากสาเหตุนั้น ๆ นั่นเอง
1. พยายามหาสาเหตุให้ได้ก่อน
การระบุสาเหตุที่แท้จริงของการที่เด็กสั่นศีรษะอย่างรุนแรงเป็นขั้นตอนแรกในการจัดการปัญหา เมื่อเข้าใจสิ่งที่กระตุ้นพฤติกรรม จะสามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้ สาเหตุทั่วไปของการสั่นศีรษะ ได้แก่ ความไม่สบายกาย ความวิตกกังวล ความกลัว และความไม่เข้าใจ เป็นนอกจากนี้อาจมาจากสัญญาณของระบบประสาท หรือพัฒนาการล่าช้า ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงรบกวน แสงจ้า ผู้คนที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้นหากพฤติกรรมยังคงอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
2. ขอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
หากคุณกังวลว่าบุตรหลานที่มีพฤติกรรมสั่นศีรษะแรง ๆ ต้องขอคำแนะนำทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญ มีความเป็นไปได้หลายประการที่อาจทำให้เด็กชอบสั่นศีรษะ ตั้งแต่ความผิดปกติทางระบบประสาทไปจนถึงปัญหาทางพฤติกรรม เมื่อได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณจะได้รับคำแนะนำ และแผนการรักษาที่ถูกต้องสำหรับลูกรักอย่างแน่นอน
3. ใช้เทคนิคช่วยลดการสั่นศีรษะ
เด็กหลายคนส่ายหัวแรง ๆ แต่อาจเป็นอันตรายได้เนื่องจากอาจทำให้คอ และศีรษะบาดเจ็บ เมื่อสามารถระบุสาเหตุของพฤติกรรมได้แล้ว จากนั้นใช้กลยุทธ์เพื่อลดการสั่นศีรษะ วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดการสั่นศีรษะ ตัวอย่างเช่น หากการสั่นศีรษะเกิดจากประสาทรับรู้มากเกินไป ให้สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบโดยมีสิ่งรบกวนน้อยลง นอกจากนี้คุณยังสามารถเตรียมอุปกรณ์ช่วยผ่อนคลายประสาทสัมผัส เช่น ผ้าห่มถ่วงน้ำหนัก ที่ป้องกันหู และเพลงที่สงบเงียบ เป็นต้น
4. การจัดการกับความเครียดในเด็ก
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ปกครองที่จะต้องตระหนักว่าบุตรหลานของตนอาจจัดการกับความเครียด และความวิตกกังวลในชีวิตอย่างไร การทำความเข้าใจสาเหตุของความเครียด และความวิตกกังวลในเด็กเป็นขั้นตอนแรกในการช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเครียด และสามารถเผชิญปัญหาได้ดี แหล่งที่มาของความเครียด และความวิตกกังวลที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในครอบครัว แรงกดดันด้านการเรียน และแรงกดดันทางสังคม ในฐานะผู้ปกครองควรให้การสนับสนุนบุตรหลานของคุณโดยการสอนเทคนิคต่าง ๆ เพื่อจัดการกับความเครียด และความวิตกกังวล ซึ่งอาจรวมถึงการสอนเทคนิคการผ่อนคลาย การฝึกสติ และทักษะการแก้ปัญหาในแต่ละอย่างด้วย
ผู้ปกครองต้องสังเกตว่า สาเหตุของการที่เด็กสั่นศีรษะแรง ๆ เกิดจากอะไร ส่วนมากมักจะเชื่อมโยงกับสิ่งเร้า หรือระบบประสาท ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และติดต่อแพทย์หากสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เป็นอันตราย หรืออาการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ต้องให้ความรู้แก่เด็กเกี่ยวกับอันตรายของการส่ายศีรษะมากเกินไป และเพื่อให้แน่ใจว่าลูก ๆ เข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตนเอง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
5 อันดับ จิตแพทย์เด็ก ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย
พฤติกรรมเด็กแรกเกิด-3 ปี หนูทำแบบนี้ แม่ต้องรับมือแบบไหน
โรคพฤติกรรมผิดปกติในเด็ก 3 โรคพฤติกรรมเด็ก วิธีสังเกตลูกเป็นโรคพฤติกรรมผิดปกติหรือไม่
ที่มา : rama.mahidol, synphaet
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!