การพบจิตแพทย์ ในความคิดของผู้คนส่วนใหญ่แล้ว ยังคงมีภาพในหัวที่ติดอยู่กับความน่ากลัว อาการของโรคจิต โรคประสาท รวมไปถึงอาการผิดปกติทางสมอง เป็นต้น จึงก่อให้เกิดความหวาดกลัวในการเข้าพบจิตแพทย์ แต่แท้จริงแล้วหากมีภาวะความเครียด วิตกกังวล หรือมีเรื่องทุกข์ใจก็สามารถเข้าพบจิตแพทย์ได้เป็นเรื่องปกติ และในช่วงอายุเด็กที่กำลังเติบโตหากผู้ปกครองมีความต้องการอยาก พาลูกพบจิตแพทย์เด็ก ก็จะมีบริการ จิตแพทย์เด็ก ไว้สำหรับปรึกษาเด็กโดยเฉพาะด้วยเช่นเดียวกัน และที่สำคัญไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
การเข้าพบจิตแพทย์เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับเด็ก
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กจะมีความแตกต่างกับผู้ใหญ่ในหลายด้าน ผู้ปกครองควรสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวลูกได้เสมอ และเมื่อพาเด็กไปพบจิตแพทย์ตั้งแต่เริ่มเห็นถึงความผิดปกติได้เร็วมากเพียงใด อาการของเด็กก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสมองเด็กมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาพฤติกรรมต่างๆ ให้ดีขึ้นได้ การพาลูกเข้าพบจิตแพทย์จึงเป็นการป้องกันและชะลอของปัญหาทางจิต รวมไปถึงพัฒนาการที่บกพร่องของตัวลูกได้ มาดูกันว่าปัญหาใดบ้างที่ผู้ปกครองควรจะนำเด็กมาพบจิตแพทย์เพื่อแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
- ปัญหาด้านพฤติกรรม หากเด็กมีพฤติกรรมดื้อ ซน ก้าวร้าว ใจร้อน ขี้โมโห อาการเหล่านี้เมื่อผู้ปกครองสังเกตได้ถึงความผิดปกติแล้วของพฤติกรรมที่อาจเกิดขึ้นบ่อยมากเกินไป ควรรีบนำเด็กเข้าพบจิตแพทย์ทำการรักษาและแก้ไขโดยเร็วที่สุด
- ปัญหาพัฒนาการล่าช้า นอกจากปัญหาด้านพฤติกรรมแล้ว การเข้าพบจิตแพทย์เมื่อเด็กมีปัญหา เช่น พูดช้า พูดไม่ชัด พูดไม่เข้าใจ หรือไม่เล่นกับเด็กคนอื่น ก็จะช่วยปรับพฤติกรรมส่วนนี้ให้พัฒนาดีขึ้นได้
- ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ความรุนแรงภายในบ้าน พ่อแม่ทะเลาะกัน การหย่าร้าง หรือการเลี้ยงลูกในวิธีที่ต่างออกไป ก็อาจจะส่งผลต่อจิตใจของเด็กได้อย่างโดยตรง ปัญหานี้เองที่ผู้ปกครองต้องช่วยให้ความร่วมมือกับหมอเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพจิตใจของเด็กให้ดียิ่งขึ้น
- ปัญหาการเรียน เช่น ไม่ตั้งใจเรียน สอบตก เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก ปัญหาที่จิตแพทย์เด็กจะมีวิธีการรักษาเฉพาะด้าน เพื่อแก้ไขให้โดยเร็ว มิฉะนั้นจะส่งผลต่อเด็กได้ในระยะยาว
- ปัญหาด้านอารมณ์ เมื่อผู้ปกครองสังเกตถึงความผิดปกติในเรื่องอารมณ์ของลูก เช่น ไม่มีความสุข ซึมเศร้า กังวล ต้องรีบนำเด็กเข้ามาปรึกษาและแก้ไขโดยด่วน
บทความที่น่าสนใจ : ภาวะซึมเศร้าที่เกิดขึ้นในเด็ก มีอาการอย่างไร เด็กก็เศร้าเป็น
ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจก่อนพาลูกพบจิตแพทย์เด็ก
ก่อนอื่นที่จะพาเด็กเข้าไปพบจิตแพทย์ ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจ ศึกษาหาข้อมูล รวมไปถึงการเปิดใจให้กว้างและเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การพบจิตแพทย์นั้นไม่ได้หมายความว่าลูกของเราจะเป็นโรคจิต โรคประสาท หรือคนบ้า เพียงแต่การพาลูกเข้าไปพบจิตแพทย์จะเป็นการชะลอความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนเวลาที่เป็นไข้หรือไม่สบาย เราทุกคนก็ต่างไปหาหมอเพื่อรักษาให้อาการนั้นหายขาดนั่นเอง มาดูกันว่ามีสิ่งใดบ้างที่ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพาลูกเข้าพบจิตแพทย์เด็ก
1. ปรับมุมมองทางความคิดใหม่
อย่างที่กล่าวเน้นย้ำไปข้างต้นบทความมาโดยตลอด เพื่อเปลี่ยนมุมมองและความคิดของผู้ปกครองว่าการที่นำลูกของเราไปพบจิตแพทย์เด็ก นั้นไม่ได้หมายความว่าลูกของเราจะมีอาการป่วยทางจิตหรือสติไม่สมประกอบแต่อย่างใด หากแต่เป็นการไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการนั้นให้หายไปนั่นเอง
2. มีปัญหาเมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์ทันที
หากผู้ปกครองสามารถสังเกตได้ถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติของลูกแล้ว ควรรีบที่จะเข้ามาพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหรือปรึกษาได้ทันที เนื่องจากถ้าเราพบปัญหาได้เร็วที่สุดก็จะสามารถแก้ไขและปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าหากว่าบางปัญหาที่อาจเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของพัฒนาการเด็กก็อาจจะทำให้สามารถกลับไปแก้ไขได้ยากกว่าเดิม
3. บอกลูกอย่างตรงไปตรงมา
สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะนำลูกมาพบจิตแพทย์เด็ก นั้นคือการเตรียมความพร้อมกับลูก ซึ่งผู้ปกครองควรบอกความจริงกับลูกอย่างตรงไปตรงมาว่ากำลังจะพาไปหาหมอเรื่องอะไร และมีความสำคัญอย่างไร แต่ถ้าหากบอกไปแล้วแต่ลูกเกิดไม่อยากมา ผู้ปกครองจึงต้องขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อได้รับคำแนะนำในการบอกได้อย่างถูกวิธี แต่หากว่าผู้ปกครองโกหกกับลูกเมื่อไหร่ก็จะทำให้ความไว้วางใจของลูกนั้นหมดไปทันที
4. จิตแพทย์เด็กตรวจอะไรบ้าง
อันดับแรกคุณหมอจะต้องสอบถามข้อมูลความผิดปกติจากคุณแม่ หลังจากนั้นจะพูดคุยกับเด็กในอิริยาบถที่ผ่อนคลาย ถามถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่าช่วงนี้เด็กมีความรู้สึกอย่างไรและคิดอะไรอยู่ โดยมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น ปัญหาทางอารมณ์ ปัญหาพฤติกรรม ปัญหาการเรียน หรือปัญหาด้านพัฒนาการ
5. เมื่อลูกโตขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
การที่ผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่และคอยสังเกตพฤติกรรมของลูก แล้วรีบนำลูกเข้ามาพบจิตแพทย์เด็กก็จะยิ่งเป็นการชะลอความรุนแรงของปัญหานั้นให้เบาลง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผู้ปกครองพบถึงปัญหาแล้วแต่ยังไม่ได้มีการนำเด็กเข้ามาพบแพทย์หรือตัวผู้ปกครองเองไม่ได้เข้ามาเพื่อขอคำปรึกษา ถึงตอนนั้นอาจเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากและสามารถส่งผลต่อพัฒนาการความบกพร่องของเด็กได้โดยตรง
6. เตรียมข้อมูลและสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อแพทย์
นอกจากเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจแล้วอาจยังไม่พอ ผู้ปกครองควรในเรื่องประวัติตามช่วงวัยของลูก ทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงพัฒนาการหรือการต่างๆ หากมีสมุดบันทึกสุขภาพหรือมีเอกสารต่างๆ เช่น ประวัติการรักษาเดิม ใบผลการเรียน หรือใบรายงานพฤติกรรมจากครู ก็จะส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยของคุณหมอได้
7. ผู้ปกครองควรเปิดใจให้กว้าง
เชื่อว่าผู้ปกครองหลายท่านคงยากที่จะกล้ายอมรับความจริง แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วคือการเปิดใจให้กว้างแล้วยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้น เพื่อขอคำแนะนำจากแพทย์และนำไปปฏิบัติต่อเพื่อชะลอปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวลูกได้
ลูกยังเด็ก พาลูกพบจิตแพทย์เด็ก ได้ไหม ?
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการที่เจอพฤติกรรมที่ผิดปกติมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถแก้ไขปัญหาตรงนั้นให้หายไปได้มากขึ้นเท่านั้น ก่อนอื่นผู้ปกครองต้องปรับเปลี่ยนความเข้าใจด้วยว่าการพาลูกเข้ามาพบจิตแพทย์นั้นไม่จำเป็นต้องป่วยเสมอไป โดยปัญหาของเด็กนั้นมีมากมายหลายรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ในบางกรณีผู้ปกครองมีความต้องการปรึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกเพื่อให้เข้าสังคมได้กับเพื่อนๆ หรือในกรณีที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์ เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า การที่นำเด็กมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุดก็จะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้อาการเหล่าเบาลงไปและได้รับการดูแลจากแพทย์ได้โดยตรง
บทความที่น่าสนใจ : 5 อันดับ จิตแพทย์เด็ก ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย
ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนพบจิตแพทย์ ?
หากผู้ปกครองได้มีการปรับเปลี่ยนมุมมองทางความคิดเกี่ยวกับจิตแพทย์และเปิดใจให้กว้างต่อการรับรู้ หรือศึกษาข้อมูลมาอย่างครบถ้วนแล้ว หลังจากนั้นควรทำใจให้สบายเพราะการเข้าพบจิตแพทย์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ต่อจากนี้คงต้องมีการเตรียมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็ก เช่น สมาธิสั้น ผู้ปกครองอาจต้องมีการสอบถามข้อมูลจากคุณครูที่โรงเรียน ขอใบเอกสารต่างๆ เช่น ผลการเรียน การบันทึกพฤติกรรม ที่สำคัญผู้ที่พาเด็กไปพบจิตแพทย์ควรเป็นบุคคลใกล้ชิดที่อาศัยอยู่กับเด็กตลอดเวลา เพื่อสามารถบอกข้อมูลแก่คุณหมอได้มากที่สุด
การพาบุตรหลานของท่านไปพบจิตแพทย์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด ผู้ปกครองทั้งหลายควรเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของลูกอยู่เสมอ เนื่องจากเด็กไม่สามารถบอกความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเจอกับปัญหาอะไรอยู่ ดังนั้นผู้ปกครองจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งต่อข้อมูลให้กับจิตแพทย์ เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาและประสานงานกับคนที่เกี่ยวข้อง เช่น คุณครู หรือบุคคลใกล้ชิด สำหรับการช่วยเหลือให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
บทความที่น่าสนใจ :
5 วิธีสอนให้ลูก ๆ แก้ปัญหา ด้วยตัวเอง เพื่อให้เขาเติบโตเป็นเด็กที่เก่งและฉลาด
9 วิธีเล่นกับลูก ฉลาดทั้งปัญญา อารมณ์ดี ช่วยลูกคิดเป็น ต่อยอดได้
ลูกเครียด ความวิตกกังวลในเด็ก แต่ละช่วงวัย พ่อแม่ช่วยอะไรได้บ้าง?
ที่มา : Thaihealth, Manarom, Rakluke
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!