วิธีแก้ คนท้องนอนกรน
ถ้าพูดถึงเรื่องการนอนกรน อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปสำหรับหลาย ๆ คน แต่สำหรับ คุณแม่ ตั้งครรภ์แล้วนั้น การนอนกรนถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ มากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากการนอนกรนบางครั้ง อาจเกิดการหยุดหายใจร่วมด้วย ซึ่งนั่นสามารถก่อให้เกิด อันตรายต่อเด็กในครรภ์ได้ มาดู วิธีแก้ คนท้องนอนกรน ทำยังไงให้หายกรน หรือ นอนกรนน้อยลง
8 วิธีแก้ คนท้องนอนกรน นอนกรน และ หยุดหายใจ อันตรายต่อลูกในท้อง
สาเหตุของการนอนกรน
ปกติไม่เห็นจะนอนกรน ไม่เคยนอนกรนมาก่อน แต่พอครั้งครรภ์ปั๊บ อยู่ ๆ ก็นอนกรนขึ้นมาซะเฉย ๆ ทำไมคนท้องถึงได้นอนกรน เรามีคำตอบมาอธิบายให้คุณแม่ทุกคนอ่านกัน
การที่คุณแม่ตั้งครรภ์นอนกรน โดยปกติแล้วเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีน้ำหนักตัวเยอะขึ้น ส่งผลให้เนื้อช่วงคอขยาย จนบางครั้งขยายมาปิดช่องทางเดินหายใจ ทำให้เวลานอนรู้สึกหายใจไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดเสียงกรนตามมา
รวมไปถึงเรื่องระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อย่างเช่น ระบบไหลเวียนเลือด ที่สูบฉีดเลือดมากขึ้น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น ก็ส่งผลให้หลอดลมบวม จนเกิดการอุดกั้นระบบทางเดินหายใจ ทำให้นอนกรนได้ด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นภูมิแพ้อยู่ก่อนแล้ว จะยิ่งมีโอกาสนอนกรนได้มากกว่าคุณแม่ท่านอื่น ๆ อีกด้วย
วิธีแก้อาการนอนกรน
อาการนอนกรน สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการปรับการใช้ชิวิตนิด ๆ หน่อย ๆ เช่น การปรับท่านอน การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย แต่ถ้าหากอาการหนักมาก ควรไปพบแพทย์จะดีที่สุด เพราะการนอนกรนและมีอาการหยุดหายใจร่วมด้วย เป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์
8 วิธีแก้ คนท้องนอนกรน นอนกรน และ หยุดหายใจ อันตรายต่อลูกในท้อง
- เปลี่ยนท่านอน นอนตะแคงซ้าย
หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการนอนกรน ให้ลองสำรวจตัวเองดูสิว่าตัวเองนอนท่าไหนอยู่ เรามักจะได้ยินเสมอว่า ให้คุณแม่ตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้าย จะดีต่อลูกในท้อง ไม่ทับลูก อันที่จริงแล้ว การนอนตะแคงซ้ายนั้น สามารถช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์นอนกรนน้อยลงได้ด้วย เนื่องจากเวลานอนตะแคงซ้าย เส้นเลือดจะไม่ถูกกดทับ ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น นอนกรนน้อยลง และนอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น
- ปรับเตียงหรือใช้หมอนยกศีรษะให้สูงขึ้น
สาเหตุหนึ่งของการนอนกรน คือการกดทับของลิ้น ดังนั้นการยกศีรษะให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับเตียงให้ช่วงศีรษะสูงขึ้นมาเล็กน้อยจากแนวราบ หรือการใช้หมอนใบเล็ก ๆ หนุนเพิ่มเพื่อยกหัวให้สูงขึ้นมา จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น แล้วก็หายนอนกรน หรือนอนกรนน้อยลงได้

คุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นภูมิแพ้ ควรรักษาความสะอาดของที่นอนให้มากเป็นพิเศษ ลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดอาการหอบหืดหรือภูมิแพ้ ลดพวกไรฝุ่น ขนสัตว์ รวมไปถึงพยายามอย่าให้อากาศในห้องแห้งเกินไป จะช่วยให้หายใจสะดวกยิ่งขึ้น ลดอาการนอนกรนของคุณแม่ตั้งครรภ์ลงได้
น้ำหนักที่มากกว่ามาตราฐาน หรือความอ้วน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของการนอนกรนในคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะไขมันที่สะสมช่วงคอ จะไปเบียดให้หายใจไม่สะดวก ร่างกายจะใช้พลังงานในการหายใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้นควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะ ไม่รับประทานมื้อหนัก ๆ ก่อนนอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จำกัดปริมาณอาหาร งดของหวาน น้ำอัดลม ของทอด จะช่วยควบคุมน้ำหนักของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้

การออกกำลังกายนี่แหละยารักษาชั้นดี นอกจากจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนของคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว การออกกำลังกายยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณช่องทางเดินหายใจ ทำให้นอนกรนน้อยลงได้ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถเลือกออกกำลังกายเบา ๆ ที่เหมาะสมกับอายุครรภ์ของคุณแม่แต่ละคนได้
ใครที่มีความคิดแบบผิด ๆ พยายามจะใช้ยานอนหลับ เพื่อให้หลับง่าย ๆ หลับสนิท ขอให้ล้มเลิกความคิดนั้นลงไปก่อน จริงอยู่ที่การกินยานอนหลับช่วยให้หลับลึกก็จริง แต่การหลับลึกนั้นจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว จนไปกั้นระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจไม่สะดวก แล้วก็นอนกรนนั่นเอง

โดยปกติ การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรทำอยู่แล้ว ยิ่งถ้าหากคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่มีอาการนอนกรนร่วมด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องลดละเลิกเลยค่ะ อันตรายมาก ๆ ไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้งสุขภาพของตัวคุณแม่เอง และสุขภาพของเด็กในครรภ์
ถ้าหากคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่มีอาการนอนกรนหนักมาก เปลี่ยนนอนก็แล้ว พยายามคุมน้ำหนักก็แล้ว ไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ไม่หายสักที และยิ่งถ้าหากมีอาการหยุดหายใจร่วมด้วย นั่นถือว่าเข้าขั้นอันตราย ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาต่อไปจะดีที่สุด
ที่มา https://th.theasianparent.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใน
คนท้องกินยานอนหลับได้ไหม ยาคลายเครียด สำหรับคนท้อง กินได้ไหม วิธีทำให้แม่ท้องหลับง่าย
10 เรื่องที่ต้องทำ ถ้าท้องนี้อยากนอนหลับให้สบาย
10 วิธีแก้ คนท้องนอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สนิท อย่าละเลย ส่งผลต่อลูกในท้อง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!