เพราะการทำความสะอาดที่นอน เป็นหนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดในการรักษาบ้านให้แข็งแรงและถูกสุขลักษณะ ที่นอนที่สกปรกอาจมีแบคทีเรีย ไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ทุกชนิด ที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ แต่เราก็สงสัยว่า เราจะทำความสะอาดที่นอนอย่างถูกต้องได้อย่างไร และต้องซักแบบไหนถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในวันนี้ เราจะมาพูดถึงเคล็ดลับและเทคนิค วิธีซักที่นอน กันค่ะ!
ทำไมเราถึงต้อง ซักที่นอน ?
การทำความสะอาด เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อโรคต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ตามสิ่งของต่าง ๆ บนที่นอน ดังนั้นการซักที่นอนจึงเป็นเรื่องสำคัญในเรื่องของงานบ้าน เราก็คงไม่อยากนอนบนสิ่งที่ไม่ถูกสุขอนามัย และสกปรกใช่ไหมคะ ? เพราะคนเราใช้เวลาบนที่นอนมากกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
-
ช่วยกำจัดคราบจากสัตว์เลี้ยง
เพื่อน ๆ หลายคนก็คงเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกันหลาย ๆ บ้าน เพราะสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมักสร้างคราบเปื้อนได้ โดยเฉพาะคราบฉี่ หรือน้ำลายจากสัตว์เลี้ยงที่พบได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะน้องแมว ที่ชอบสร้างกลิ่น และอาณาเขตเป็นพิเศษ ดังนั้น การซักที่นอนจึงเป็นวิธีที่จะช่วยขจัดคราบและกลิ่นอันเป็นต้นเหตุของสิ่งเหล่านี้ และช่วยให้เกิดความสะอาดมากขึ้น ที่ดีต่อสุขภาพทั้งต่อเราและสัตว์เลี้ยง
-
ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงโรคทางเดินหายใจ และอาการภูมิแพ้
ที่นอนของเราเป็นที่อยู่ของไรฝุ่นชั้นดี ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ การทำความสะอาดซักที่นอนจึงเป็นการกำจัดไรฝุ่น เชื้อโรค และแบคทีเรียต่าง ๆ รวมไปถึงกลิ่นอับบนเตียงอีกด้วย เราควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำทุก 4-6 เดือน จะช่วยลดอาการ ไอ จาม คัน หรือแสบตามผิวหนังต่าง ๆ ได้ดี ทั้งนี้ ถ้าหากเราทำความสะอาดถี่เกินไป อาจทำให้ใยผ้าที่นอนเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่เป็น ดังนั้นไม่ควรซักที่นอนบ่อยจนเกินไปนะคะ
ข้อดีของการซักที่นอน
- ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการนอน ช่วยให้หลับสนิทขึ้น ไม่ตื่นนอนกลางดึก
- ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ร่างกายได้ยืดเส้นยืดสาย ตื่นมาแล้วไม่เมื่อยล้า
- ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เพราะได้นอนหลับสบาย แล้วได้ตื่นนอนแบบสดชื่น
- ช่วยลดปัญหาเรื่องโรคเกี่ยวกับระบบหายใจ และภูมิคุ้มกัน เช่น ภูมิแพ้จากไรฝุ่น
- ทำให้ที่นอนสะอาด ถูกสุขอนามัย ไม่มีกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์
วิธีซักที่นอน อย่างง่าย ใครก็ทำได้!
-
ดูดฝุ่นที่นอนให้ทั่วด้วยแปรงขนนุ่ม
ในการทำความสะอาดที่นอนของเราอย่างทั่วถึง และขจัดฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และอนุภาคอื่น ๆ ที่เกิดสกปรกบนฟูกนอนของเรา ให้เราเริ่มด้วยการดูดฝุ่นด้วยแปรงขนนุ่ม โดยอย่าลืมให้ความสนใจเป็นพิเศษกับตะเข็บ ด้านข้าง และปุ่มของที่นอน เนื่องจากบริเวณเหล่านี้ มักจะสะสมสิ่งสกปรก และฝุ่นละอองได้ง่ายกว่าจุดอื่น ๆ ทั้งนี้ การดูดฝุ่นยังเป็นวิธีที่ดีในการกำจัดตัวเรือด หรือสัตว์รบกวนอื่น ๆ ขนาดจิ๋ว ที่อาจเข้ามาอาศัยในที่นอนของคุณได้อีกด้วย
-
ทำความสะอาดเฉพาะจุด ด้วยน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ และน้ำ
หากเพื่อน ๆ ต้องการทำความสะอาดคราบสกปรกบนที่นอน เรามีวิธีอย่างง่าย โดยการให้เพื่อน ๆ ผสมน้ำยาซักผ้าอ่อน ๆ กับน้ำ แล้วค่อย ๆ จุ่มน้ำยาลงบนคราบ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดซับบริเวณนั้น จนกว่าคราบจะหลุดออก แต่ต้องระวังอย่าขัดแรงจนเกินไปนะคะ เพราะอาจทำให้ใยผ้าเสียหายได้ค่ะ
-
ปล่อยให้ฟูกแห้งสนิทก่อนปูที่นอนใหม่
เมื่อเราทำความสะอาดฟูกนอนเสร็จแล้ว อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟูกแห้งสนิท ก่อนที่จะปูที่นอนใหม่ เนื่องจากความชื้นส่วนเกินบนที่นอนนั้น สามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อรา และโรคราน้ำค้างได้ หากเป็นไปได้ ให้วางที่นอนไว้ข้างนอกในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และปล่อยให้ผึ่งแดดเป็นเวลาหลายชั่วโมง ถ้าหากฝนตกหรืออากาศชื้น ให้ใช้พัดลมช่วยหมุนเวียนอากาศรอบที่นอน ที่จะช่วยให้ที่นอนแห้งเร็วขึ้น เมื่อที่นอนแห้งสนิทแล้ว เราก็สามารถนำไปปูที่นอนได้เลยค่ะ
-
ใช้เครื่องทำความสะอาดเบาะ หรือเครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ
เพื่อทำความสะอาดแบบลึกล้ำ เพื่อน ๆ ควรพิจารณา เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะ หรือเครื่องพ่นไอน้ำ เพราะเป็นเครื่องมือทำความสะอาดโดยเฉพาะ ที่เจาะลึกเส้นใยของที่นอน เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และสารก่อภูมิแพ้ เพื่อน ๆ อย่าลืมอ่านคำแนะนำอย่างละเอียดในการใช้เครื่องมือต่าง ๆ และควรดูดฝุ่นที่นอนก่อน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่เราอาจมองข้ามไป หากเพื่อน ๆ เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสบู่ จะต้องแน่ใจว่าใช้ผงซักฟอกชนิดอ่อน และทดสอบความคงทนของสีก่อนนำไปใช้กับฟูกทั้งหมดนะคะ เพื่อป้องกันให้ไม่ทำลายใยผ้าและใช้งานฟูกนอนได้ยาวนานมากขึ้น
-
ใช้ผ้ารองกันเปื้อนที่เหมาะสม
การใช้ผ้ารองกันเปื้อนที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันที่นอนจากคราบสกปรก และลดการสะสมของสิ่งสกปรกในอนาคต โดยผ้ารองกันเปื้อนที่นอน ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเสริม ระหว่างที่นอนกับสิ่งสกปรก เหงื่อ และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ที่อาจติดอยู่ในเนื้อผ้าของที่นอน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้ที่นอนดูดซับความชื้นซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น เชื้อราและโรคราน้ำค้าง เมื่อเพื่อน ๆ เลือกซื้อผ้ารองกันเปื้อนที่นอน อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับที่นอนของเรานะคะ และควรเลือกผ้ารองที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ เพื่อให้อากาศไหลเวียน และทำให้ที่นอนแห้งสนิทมากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 ที่นอนยางพารา นุ่นแน่น ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง นอนแล้วไม่จม!
เคล็ดลับการทำให้ผ้าปูที่นอนเรียบตึง เหมือนนอนเตียงโรงแรม!
เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะมีปัญหาชวนหงุดหงิดกวนใจ อย่างการปูผ้าปูที่นอนยังไงก็ไม่เรียบ เรามีเทคนิคในการปูที่นอนให้เรียบตึงมาฝากเพื่อน ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ มาช่วยเลยค่ะ! โดยวิธีง่าย ๆ คือ ให้เพื่อน ๆ ผูกปมไว้ที่ปลายผ้าปูที่นอน 2 หรือ 4 ด้านก็ได้ค่ะ (ถ้ามัดปม 2 ด้าน ให้มัดด้านบนซ้าย กับมุมล่างขวา หรือสลับกันก็ได้ แต่ให้เป็นด้านตรงข้ามกัน) แล้วจากนั้นเมื่อปูให้นำปมซ่อนไว้ด้านล่างของฟูกนอน เพียงเท่านี้เตียงของเพื่อน ๆ ก็จะเรียบตึง และไม่หลุดออกมาง่าย ๆ แล้วค่ะ โดยวิธีมัดปมให้มัดตามรูปด้านล่างได้เลยค่ะ!
โดยสรุปแล้ว การทำความสะอาดที่นอนต้องใช้ความพยายามและเวลาพอสมควร แต่ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องนั้นไม่ยาก สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการแพร่กระจายของแบคทีเรียและไรฝุ่น การดูดฝุ่น ระบายอากาศ และทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำสามารถช่วยให้ที่นอนสะอาดและปกป้องสุขภาพของคุณ ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม เราก็จะสามารถรักษาที่นอนให้ดูดีและรู้สึกสะอาดได้อย่างง่ายดายค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
12 เทคนิคทำความสะอาดบ้าน เคล็ดลับง่าย ๆ ในบ้าน ที่แม่ ๆ ต้องรู้!
10 ผ้าปูที่นอนกันน้ำ กันไรฝุ่น ช่วยปกป้องที่นอนให้สะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ
แนะนำ 10 หมอนขนเป็ด สัมผัสนุ่ม นอนสบาย กันไรฝุ่น คุณภาพระดับโรงแรม
ที่มา :sofaboyservice
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!