15 อาการสุดฮิตที่ต้องเจอในช่วงตั้งครรภ์

ในช่วงตั้งครรภ์ทั้ง 3 ไตรมาส คุณแม่สังเกตดูนะคะว่าจะมีอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นกับคุณแม่เนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามขนาดครรภ์ที่โตขึ้น มาดูกันว่า 15 อาการที่คนท้องมักพบมีอะไรบ้าง ติดตามอ่าน

15 อาการสุดฮิตที่ต้องเจอในช่วงตั้งครรภ์

1. หน้ามืดเป็นลม

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มักจะมีระดับความดันโลหิตต่ำ ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย  หน้ามืด  จะเป็นลม นอกจากนี้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงได้   การรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่อึดอัด รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด เป็นวิธีการป้องกันได้

บทความแนะนำ  ความดันต่ำขณะตั้งครรภ์ อันตรายหรือไม่?

2. ปวดศีรษะ

อาการปวดศีรษะเกิดได้หลายสาเหตุ  ทั้งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกายในช่วงตั้งครรภ์  การขาดน้ำกะทันหัน  ความอ่อนเพลีย หรือเกิดจากความเครียด  เป็นต้น  สามารถลดอาการนี้ได้ด้วยการนวดบริเวณต้นคอด้านข้าง เริ่มจากฐานกะโหลกศีรษะ นอกจากนี้การนวดใบหน้า ลำคอ และไหล่ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ที่สำคัญต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำบ่อย ๆ ระหว่างอาหารแต่ละมื้อ

3. อาการคลื่นไส้อาเจียน

อาการนี้จะพบได้ในช่วงไตรมาสแรก ช่วง 1 – 3 เดือนของการตั้งครรภ์ คุณแม่แต่ละท่านจะมีอาการแพ้ท้องแตกต่างกันไป บางคนแพ้มาก บางคนแพ้น้อย  แต่ไม่ต้องตกใจค่ะ อาการนี้เกิดจากฮอร์โมนที่หลั่งในช่วงตั้งครรภ์ การพยายามทำสิ่งต่าง ๆในแต่ละวัน ควรทำอะไรช้า ๆ รับประทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ หรือการรับประทานเครื่องดื่มที่ช่วยลดอาการแก้แพ้ท้อง เช่น  น้ำขิง จะช่วยลดอาหารคลื่นไส้อาเจียนลงได้

4. เหงื่อออกในเวลากลางคืน

ช่วงตั้งครรภ์มีการเพิ่มปริมาณของเลือดในร่างกาย หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น  ร่างกายจึงต้องขับเหงื่อออกมา  ไม่ต้องกังวลค่ะคุณแม่ อาการนี้ไม่มีอันตรายใด ๆ คุณแม่สามารถป้องกันได้โดยการรับประทานอาหารที่มีโปรแตสเซียมสูง เช่น  ผักสด  ผลไม้แห้งอย่างลูกพรุน  และควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายทำจากผ้าคอตตอน  เวลานอนอาจจะเปิดแอร์หรือพัดลมช่วยระบายความร้อนได้

5. การผายลม

ไม่ต้องเขินค่ะ  อาการนี้เป็นอาการหนึ่งของแม่ตั้งครรภ์  การผายลมเกิดจากของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานจนเกิดลมในกระเพาะ  เพื่อไล่อาการคลื่นไส้วิงเวียน  หรือจุกแน่นหน้าอก  ก็สามารถทำให้ลมขึ้นได้  ดังนั้น  คุณแม่ต้องรับประทานอาหารอย่าง ช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด และหลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารค่ะ

6. อาการท้องผูก

เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน  ทำลำไส้บีบตัวช้าลง  มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นทำให้อุจจาระผ่านได้ลำบาก  อุจจาระที่คั่งค้างอยู่นานจะถูกดูดซึมน้ำออกไปมาก เวลาถ่ายอุจจาระมีลักษณะแข็งและขับถ่ายลำบาก แต่สามารถป้องกันได้ค่ะ  คุณแม่ควรรับประทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยเพื่อช่วยในการขับถ่ายรวมถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยนะคะ

บทความแนะนำ  อาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์

7. ริดสีดวงทวาร

อาการท้องผูกมักจะมาร่วมกับริดสีดวงทวาร เพราะเกิดจากการกดทับของมดลูก ทำให้เลือดเดินไม่สะดวก  หลอดเลือดจึงบวมเป็นผลทำให้บริเวณทวารหนักเกิดอาการบวม เจ็บ  คัน  โดยเฉพาะเวลาที่มีท้องผูกด้วยแล้ว  เวลาถ่ายยิ่งทวีความระคายเคือง

การแก้ไขก็ทำเช่นเดียวกับการแก้ไขอาการท้องผูกคือ  รับประทานอาหารที่มีกากใยมาก หรือหากมีอาการมากควรปรึกษาคุณหมอหากต้องใช้ยาถ่ายช่วยในการขับถ่าย  ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาดนะคะ เพราะอาจเกิดอันตรายได้

บทความแนะนำ  อาการริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์ ควรดูแลอย่างไร

อ่าน 15 อาการสุดฮิตที่ต้องเจอในช่วงตั้งครรภ์ (ข้อ 8 – 15 ) คลิกหน้าถัดไป

8. หายใจไม่สะดวก

เมื่อฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง  และฮอร์โมนบางชนิดอาจทำให้กล้ามเนื้อหน้าอกหย่อนตัวลงและขยายหลอดลม เนื่องจากต้องผลิตเลือดให้ปอดมากขึ้น เมื่ออายุครรภ์เพิ่มขึ้น  ท้องขยายขนาดโตขึ้น  มดลูกที่ขยายนั้นขยายใหญ่ขึ้นไปดันกระบังลม  ส่งผลถึงปอด  ทำให้หายใจไม่สะดวก  คุณแม่ไม่ควรอยู่ในที่แออัดนะคะ พยายามหายใจลึก ๆ หายใจช้า ๆ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้นค่ะ

9. ปวดหลัง

แน่นอนว่า ไม่พลาดอาการนี้ เพราะข้อต่อและกระดูกหย่อนตัวมากขึ้น  หรือขึ้นอยู่กับท่าทางที่ไม่เหมาะสม  ทำให้มีอาการปวดหลังมากยิ่งขึ้น  คุณแม่อาจแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยท่านั่ง นอน ยืนด้วยท่าทางที่ถูกต้องเหมาะสำหรับคนท้อง  เวลานั่งอาจใช้หมอนหนุนหลังจะได้สบายขึ้นค่ะ

บทความแนะนำ  การปฏิบัติตัวของคนท้อง : ยืน เดิน นั่ง นอน อย่างไรให้ถูกต้อง

10. ตะคริวที่ขาหรือเท้า

ส่วนใหญ่มาจากการขาดสารอาหารที่จำเป็น  เช่น  แคลเซียม  วิตามินบีรวม  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการหมุนเวียนของเลือดที่ลดประสิทธิภาพลง  สามารถแก้ไขได้ค่ะคุณแม่  หมั่นออกกำลังกายเบา ๆ ให้เลือดไหลเวียน  ที่สำคัญต้องรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการตามคำแนะนำของคุณหมอนะคะ

บทความแนะนำ 8 อาหารเสริมแคลเซียมสำหรับคนท้องที่ไม่ชอบดื่มนม

11. อาการคันและผื่นแดง

อาการคันตามตัวในช่วงตั้งครรภ์มักเกิดขึ้นเสมอ เพราะช่วงนี้ผิวหนังของคุณแม่จะแห้งมากกว่าปกติหรืออาจเกิดจากความร้อนในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้น  หากคุณแม่รู้สึกว่ามีผดผื่นขึ้นตามตัวมากผิดปกติ  ควรปรึกษาคุณหมอนะคะ  การดูแลโดยทั่วไป คือ  ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ ใช้ครีมบำรุงผิว  สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี  อาบน้ำชำระร่างกายบ่อยขึ้นหรือในระหว่างวันเช็ดตัวก็ได้ค่ะเพิ่มระบายความร้อนให้แก่ร่างกาย และควรอยู่ในสถานที่มีอากาศระบายดี

บทความแนะนำ  ผื่นตั้งครรภ์ เรื่องคัน คัน ของแม่ตั้งครรภ์

12. เหงือกอักเสบ

หลาย ๆ อาการที่กล่าวมามักเกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์  รวมถึงอาการเหงือกอักเสบ  ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้เหงือกอ่อนนุ่มขึ้น เมื่อมีรอยขีดข่วนหรือเศษอาหรติดตามซอกฟันทำให้เกิดการติดเชื้อหรือเหงือกอักเสบ  หรือมีเลือดออกตามไรฟันได้

บทความแนะนำ  แม่ท้องมีเลือดออกตามไรฟันจะเป็นอันตรายหรือไม่

13. นอนไม่หลับ

อาการนอนไม่หลับ  มักเกิดขึ้นในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์  เพราะความกังวลใจต่อการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น  ทำให้คุณแม่บางคนอาจจะหงุดหงิดง่าย หรือหูไวต่อเสียงรบกวนทำให้นอนไม่หลับ  รวมไปถึงปัสสาวะบ่อยในช่วงกลางคืนทำให้ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งอาจทำให้นอนไม่หลับได้เหมือนกัน  วิธีแก้ไข พยายามออกกำลังกายเบา ๆ เช่น  การเดินเล่น  การฝึกโยคะ  นอกจากนี้การอาบน้ำอุ่นหรือดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอน การฟังเพลง  การอ่านหนังสือ  ก็ช่วยให้หลับสบายขึ้นนะคะ

14. มีเส้นคล้ำ รอยดำ รอยแตกลายที่หน้าท้อง

เป็นผลมาจากผิวหนังที่ตึงตัว และการที่ร่างกายต้องรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น แต่รอยนี้จะค่อย ๆ จางลงหลังจากคลอดแล้วค่ะ แต่หากไม่อยากให้มีรอยดำหรือรอยแตกลาย   คุณแม่ต้องระมัดระวังเรื่องการเพิ่มน้ำหนักต้องเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการทาครีมบำรุงผิว  ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น  ควรเริ่มทาตั้งแต่ตั้งครรภ์เลยค่ะ  แต่ต้อระมัดระวังด้วยนะคะสำหรับครีมที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งอาจจะมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่าค่ะ

15. ปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน

เกิดจากข้อต่อกระดูกหย่อนตัวลงเพื่อเตรียมความพร้อมในการคลอด บางครั้งอาจมีอาการเจ็บแปลบ ๆ ร่วมด้วย  นั่นเป็นเพราะทารกน้อยในครรภ์กำลังดิ้นไปชนกระเพาะปัสสาวะของคุณแม่วิธีการแก้ไขคือ เลือกที่นอนที่ไม่แข็งจนเกินไป หรือหาหมอนข้างหรือวางหมอนนิ่ม ๆ ระหว่างเข่าและใต้ท้องของคุณแม่หากนอนตะแคงนอกจากนี้ไม่ควรกลั้นปัสสาวะนะคะ

บทความแนะนำ  คนท้องกังวล ปวดขาหนีบเป็นสัญญาณการคลอดหรือไม่?

เป็นอย่างไรบ้างคะทั้ง 15 อาการ ตอนนี้คุณแม่พบอาการใดบ้างแล้ว  ร่วมแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ อย่างไรก็ตามอาการต่าง ๆ เหล่านี้จะหายไปเองเมื่อคุณแม่คลอดเจ้าหนูแล้วค่ะ

ร่วมบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์ในช่วงตั้งครรภ์   คลอดบุตร รวมถึงการเลี้ยงดูทารกน้อย  เพื่อเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวอื่น ๆ กันนะคะ  หากมีคำถามหรือข้อสงสัย ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้คุณ

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

หนังสือ  เตรียมตัวคลอดให้ปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก  สำนักพิมพ์ณัฎฐ์ธนัน

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รับมือ!!!ร่างกายเปลี่ยนแปลงเมื่อตั้งครรภ์

ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์เลี่ยงโรคทางพันธุกรรม