เด็กเล็ก ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคยกับโลกกว้างใบนี้ อาจจะมีอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น โดยที่พวกเขา ไม่อาจบอกกล่าวถึงอาการได้อย่างชัดเจน คงจะต้องเป็นหน้าที่ที่พ่อแม่ ต้องหมั่นสังเกตอาการของลูก โรคที่เกิดในเด็กเล็กนั้น มีมากมาย อาการป่วยทั่วไป หรือแม้แต่โรคตามฤดูกาล อาการป่วยของลูกที่ควรรีบไปพบคุณหมอ คุณพ่อคุณแม่ห้ามวางใจเด็ดขาด ห้ามคิดว่าลูกไม่เป็นอะไร เพราะถ้าหากถึงมือหมอช้าเกินไป อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
1. ลูกมีไข้สูง
อาการไข้เป็นการแสดงออกถึงโรคร้ายหลาย ๆ ชนิด ถ้าลูกมีไข้สูง วัดปรอทแล้วได้ 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ควรไปพบคุณหมอ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าลูกมีอาการซึมลง ทานได้น้อยร่วมด้วย ถึงแม้ว่าอาการแบบนี้ มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ก็ควรให้คุณหมอได้ตรวจให้แน่ใจว่า ไม่ได้มีการติดเชื้ออย่างรุนแรง แต่ถ้าลูกอายุมากกว่า 2 ปี แล้ว ไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ไม่ซึม ทานได้ปกติ ก็สามารถสังเกตอาการอยู่ที่บ้านก่อนได้ค่ะ
2. ลูกมีไข้นานเกิน 5-7 วัน
หากลูกน้อยมีไข้ติดต่อกันเกิน 5 วันขึ้นไป ร่วมกับมีอาการป่วยมากขึ้น หรือมีไข้ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป ควรรีบไปพบคุณหมอ เพราะอาการไข้จากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถหายได้เองจะมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆภายใน 5 วัน และหายสนิทภายในเวลาไม่เกิน 7 วัน หากอาการไข้ยืดเยื้อเกินกว่านั้น แม้จะเป็นเพียงไข้ต่ำ ๆ ก็ควรไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุของไข้ และรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ
3. ลูกอาเจียนบ่อย
ถ้าลูกมีอาการอาเจียนบ่อยมาก ทานน้ำ และอาหารเพื่อชดเชยน้ำ และเกลือแร่ที่สูญเสียไป ไม่ได้ หรือมีอาการผิดปกติอื่น เช่น ซึมลง มีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง หรืออาการอาเจียนมากเกิดขึ้นหลังจากได้รับการกระเทือนของศีรษะ ก็ควรไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุ และให้การรักษานะคะ
4. ลูกถ่ายเหลวปริมาณมากหรือถ่ายมีเลือดปน
ถ้าลูกมีอาการถ่ายเหลวปริมาณ มาก หรือถ่ายมีเลือดปน ทานน้ำ และอาหารได้น้อย มักจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักมีอาการยืดเยื้อหลายวัน ไม่สามารถหายเองได้ หรืออาจเกิดจากการอักเสบของลำไส้จากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคแพ้นมวัว จึงควรไปพบคุณหมอค่ะ
5. ลูกปวดท้องรุนแรงเฉียบพลัน
ถ้าลูกมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงขึ้นมาเฉียบพลัน โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อยด้านขวา ซึ่งอาจมีอาการปวดท้องบริเวณรอบสะดือก่อน แล้วย้ายไปยังบริเวณท้องน้อยด้านขวา อันเป็นตำแหน่งของไส้ติ่ง ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และมีไข้ อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ได้ หรือหากลูกมีอาการปวดท้องเฉียบพลันรุนแรงขึ้นเป็นพัก ๆ ร่วมกับอาเจียน มีไข้ และถ่ายมีเลือดปน อาจเป็นอาการของลำไส้กลืนกัน ซึ่งเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นบ่อย กับเด็กเล็ก ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วนเช่นกันค่ะ
6. ลูกหายใจหอบเหนื่อยหรือหายใจมีเสียงวี้ด
เมื่อลมหายใจของลูกไม่ปกติ มีอาการหายใจหอบเหนื่อย หรือหายใจแล้ว มีเสียงวี้ดเกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน อาจเกิดจากการที่ มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นได้ทางเดินหายใจส่วนบน และทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น สำลักสิ่งแปลกปลอม หรือ มีหลอดลมตีบอย่างรุนแรง อาจมีอาการเขียว หรือหยุดหายใจตามมา ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที จึงควรรีบไปพบคุณหมอค่ะ
เพียงแค่ลูกดูร้องไห้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงกังวลใจจะแย่ หากแต่เด็กเล็ก ๆ อาจจะยังไม่สามารถบอกความรู้สึกของตัวเองได้ชัดเจนว่า พวกเขารู้สึกเจ็บปวดตรงไหน อย่างไร และมากน้อยเท่าไหร่ คุณพ่อคุณแม่ ต้องหมั่นสังเกตอาการของลูก หากรู้สึกปกติ อย่าลังเลที่จะพาลูกน้อยไปโรงพยาบาล ปรึกษาแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดนะคะ
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่ และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
แหล่งอ้างอิง : https://www.thaichildcare.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
5 อาการป่วยของลูกที่ยังไม่ต้องรีบไปพบคุณหมอ
อาการป่วยที่พบบ่อยในทารก
โรคที่มากับหน้าร้อน โรคฮิตสำหรับเด็ก พ่อแม่ต้องระวังอย่าให้ลูกป่วย
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!