X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

อยากให้ลูกมีทักษะ EF ที่ดี ต้องเลี้ยงให้เป็นเด็ก 2 ภาษา

บทความ 5 นาที
อยากให้ลูกมีทักษะ EF ที่ดี ต้องเลี้ยงให้เป็นเด็ก 2 ภาษา

ทักษะเรื่องภาษาที่เป็นไปตามธรรมชาติคือ การฟัง พูด อ่าน เขียน และหากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดสอนลูกให้กลายเป็นเด็ก 2 ภาษา หรือมากกว่านั้นแล้วละก็ ลูกจะมีทักษะการทำงานของสมองด้านการจัดการในเรื่องต่างๆ ที่มากขึ้นไปด้วยค่ะ

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบว่าเด็กที่เป็นเด็ก 2 ภาษา จะมีการทำงานของสมองในเรื่องของการจัดการในเรื่องต่างๆ ที่มากกว่าเด็กที่รู้หรือใช้เพียงภาษาเดียวเราควรสอน สองภาษา

การทำงานสมองด้านการจัดการในเรื่องต่างๆ หรือ Executive Function (EF) ซึ่งเป็นทักษะที่ช่วยให้ชีวิตประสบความสำเร็จ เนื่องจากประกอบไปด้วยทักษะต่างๆ ที่ต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝน

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

Naja Ferjan Ramírez หัวหน้านักวิจัยจากสถาบันการเรียนรู้และวิทยาศาสตร์สมองจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวถึงผลงานวิจัย ที่พบว่าการทำงานของสมองด้านการจัดการของเด็กสองภาษานั้นจะเริ่มก่อตัวขึ้นก่อนที่เด็กๆ จะพูดได้เสียอีกค่ะ ไม่เฉพาะในทักษะด้านภาษาเท่านั้น แต่ยังมีทักษะในเรื่องของการพัฒนาองค์ความรู้อีกด้วย

นอกจากนี้นักวิจัยยังมีการเก็บข้อมูลด้วย การวัดสนามแม่เหล็กจากสมอง หรือที่เรียกกันว่า Magnetoencephalography (MEG) เพื่อทำการวิเคราะห์และเปรียบเทียบรูปแบบการทำงานของสมองต่อเสียงพูดในภาษาต่างๆ ของเด็กสองภาษาและเด็กภาษาเดียว

โดยผลที่ได้คือสมองของเด็กทั้ง 2 กลุ่ม ทำงานแตกต่างกันในสมองส่วนหน้า (prefrontal cortex และ orbitofrontal cortex) โดยที่สมองของเด็กสองภาษาจะมีการทำงานที่มากกว่าสมองของเด็กภาษาเดียวค่ะ และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บอกว่า สมองของเด็กสองภาษาจะเปิดรับการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ มากกว่าเด็กที่รู้แค่ภาษาเดียวด้วยนะคะ

สมองยิ่งใช้ยิ่งดี เหมือนมีดที่ยิ่งลับยิ่งคม

ในผลงานวิจัยจากสมองของผู้ใหญ่ที่ใช้ทั้งสองภาษาเมื่อเปรียบเทียบกับภาษาเดียว มีความแตกต่างกันตรงที่การทำงานของสมองด้านการจัดการ (EF) ของคนที่ใช้ทั้งสองภาษา พื้นที่สมองบริเวณนั้นจะมีการทำงานที่สลับไปมาเพื่อประมวลคำแปลของทั้ง 2 ภาษานั่นเองค่ะ เมื่อใช้ภาษาที่ 1 และ 2 อย่างต่อเนื่องเป็นกิจวัตร ก็จะทำให้มีการฝึกฝนทักษะเป็นประจำ ทำให้มีทักษะ EF ดีขึ้นยังไงละคะ

การตอบสนองของสมองในเด็กสองภาษานั้น มีความการตอบสนองที่เท่ากันในภาษาที่เหมือนกับเด็กภาษาเดียว นั่นหมายความว่า เด็กที่พูดภาษาอังกฤษและสเปน ใช้งานภาษาอังกฤษได้ดีเท่ากับเด็กที่พูดภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว และสมองของเด็กสองภาษาตอบสนองกับภาษาสเปนในขณะที่สมองของเด็กภาษาเดียวตอบสนองน้อยกว่าหรือไม่ตอบสนองเลย

ซึ่งการสอนภาษาต่างๆ ให้ลูกนั้น ยิ่งเด็กเท่าไหร่ ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมยังไงละคะ รู้อย่างนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็รีบปรึกษากันได้เลยว่า ใครจะพูดภาษาไหนกับลูก หรือถ้าเป็นครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่คนเดียว ก็ลองพูดกับลูกเป็นภาษาอื่นๆ ดูนะคะ อาจจะแบ่งเป็นในบ้านกับนอกบ้านก็ได้ แต่ถ้าทั้งบ้านพูดไม่ได้จริงๆ การส่งลูกไปเรียนภาษาเพิ่มผ่านการเล่นหรือกิจกรรมต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีค่ะ

ส่วนรายงานของผลวิจัยเต็มๆ มีเป็นวิดีโอด้วยค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณเเม่สนใจสามารถรับชมได้นะคะ

7 เทคนิค เริ่มสอนภาษาอังกฤษให้ลูกที่บ้าน

1.สร้างกิจวัตรประจำวันในการใช้ภาษาอังกฤษ

คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างกิจวัตรประจำวันในการใช้ภาษาอังกฤษ โดยอาจกำหนดเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หลายๆครั้งต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้ลูกเรียนรู้ได้เร็วกว่าการเรียนรู้แบบใช้เวลานานๆ แค่สัก 15 นาทีต่อครั้ง ก็เพียงพอต่อการฝึกฝนของลูกๆ หากลูกเริ่มเรียนรู้และพัฒนาความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ก็อาจจะขยายเวลาออกไปนานกว่าเดิมได้ แต่อย่างน้อยต้องจัดให้มีกิจกรรมที่ต้องฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษในช่วงเวลาสั้นๆของทุกๆวัน

คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องวางแผนกิจกรรมให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดิม ๆของทุกวัน อยางเช่นสอน สองภาษา ลูกจะได้รู้จักเตรียมตัวและมั่นใจที่จะทำกิจกรรมนั้นๆในแต่ละวันนั้น ยกตัวอย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่อาจจะทำเกมภาษาอังกฤษให้ลูกเล่นทุกวันหลังจากที่กลับจากโรงเรียน หรืออ่านหนังสือภาษาอังกฤษร่วมกันก่อนเข้านอน เป็นต้น ถ้าหากบ้านไหน มีพื้นที่เพียงพอ ก็อาจจะจัดมุมสำหรับเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวไว้ตรงนั้น เช่น หนังสือ เกม แผ่นการเรียนรู้ หรือสิ่งต่างๆที่ลูกให้ความสนใจ การได้ทบทวนซ้ำๆจะทำให้ลูกเริ่มเรียนรู้ได้เร็วมากขึ้นอีกด้วย
2.เล่นเกมที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษ

เด็กๆมักรู้สึกสนุกสนาน หากพวกเขาได้เรียนรู้จากการเล่นเกมที่โปรดปราน อย่างเช่น การใช้ แฟลชการ์ด คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้แฟลชการ์ดในการสอนคำศัพท์ให้กับลูก และสามารถสร้างเกมที่หลากหลายได้ เช่น จับคู่ ทายคำ เป็นต้น

แฟลชการ์ดพวกนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถดาวน์โหลดจากเวปไซต์ได้มากมาย

เกมอื่นๆที่สามารถนำมาเล่นและประยุกต์เข้ากับการสอนภาษาอังกฤษ เช่น เกมบันไดงู เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เกมจับคู่ ทายคำ หรือเกมส์ออนไลน์ที่เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษก็ได้เช่นกัน

 

3 เกมกระดานคณิตศาสตร์ ช่วยสอนเลขลูก

 

3.ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

ประโยชน์ของการใช้ภาษาอังกฤษที่บ้านคือ คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกได้ในทุกๆสถานการณ์ และสามารถสอนจากสิ่งของง่ายๆที่อยู่ในบ้านหรือรอบตัวได้ เป็นการฝึกฝนให้คุ้นชินกับการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ตัวอย่างเช่น

  • หากคุณแม่กำลังจะซักเสื้อผ้า คุณแม่สามารถสอนคำศัพท์เกี่ยวกับ เสื้อผ้า (clothes, Dad’s T-shirt) หรือสีได้ (blue socks) เป็นต้น
  • สอนคำศัพท์เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์หรือของเล่นภายในบ้าน เช่น teddy bear, on the bed, blue car เป็นต้น
  • สอนคำศัพท์เกี่ยวกับอาหารเมื่อเวลาคุณแม่ทำครัวหรือไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้ลูกช่วยหยิบของโดยทำรายการหรือดูจากภาพและทบทวนคำศัพท์ไปพร้อมๆกัน

4.ฝึกด้วยการเล่าเรื่องราว

เด็กๆมักชอบหนังสือที่มีสีสันสดใสและภาพต่างๆที่น่าสนใจ คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกนั่งอ่านหนังสือและชี้ไปที่ภาพต่างๆเพื่อสอนคำศัพท์ให้กับลูก หลังจากนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มตั้งคำถามว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่ตรงไหน และให้ลูกชี้ด้วยตัวเอง ผลัดเปลี่ยนการฝึกสอนลูกเป็นการตั้งคำถามให้ลูกฝึกพูดหรือหาคำตอบเอง นอกจากนั้นคุณพ่อคุณแม่ลองหาภาพเคลื่อนไหวที่มีเสียงดนตรีประกอบจะทำให้การเรียนรู้น่าสนุกขึ้นไป สร้างความสนใจในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นให้กับลูก

 

family_reading

บทความจากพันธมิตร
LPR โพรไบโอติก เกรด A กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ลูกรักแข็งแรงพร้อมเรียนรู้
LPR โพรไบโอติก เกรด A กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ลูกรักแข็งแรงพร้อมเรียนรู้
แม่รู้ไหม? พัฒนาการสมอง ของลูกเกิดขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เสริมด้วย สารอาหารสมอง และการนอนอย่างมีคุณภาพ
แม่รู้ไหม? พัฒนาการสมอง ของลูกเกิดขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เสริมด้วย สารอาหารสมอง และการนอนอย่างมีคุณภาพ
มารู้จักกับ Phenomenon-Based Learning กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการศึกษานอกห้องเรียนมากกว่าการท่องจำ
มารู้จักกับ Phenomenon-Based Learning กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการศึกษานอกห้องเรียนมากกว่าการท่องจำ
น้องนดลต์ และน้องนภนต์ ฝาแฝดที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง กับโอกาสสำคัญที่พลิกชีวิตสมาชิกทั้งครอบครัว
น้องนดลต์ และน้องนภนต์ ฝาแฝดที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง กับโอกาสสำคัญที่พลิกชีวิตสมาชิกทั้งครอบครัว

 

อ่านเทคนิคอื่นๆหน้าต่อไปเลยค่ะ

5.ใช้เพลงเป็นตัวช่วย

เพลงเป็นเครื่องมือที่ใช้สอนการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆและการออกเสียงได้ดี เพลงพร้อมภาพประกอบจะช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้ลูกได้ แม้ลูกยังฝึกออกเสียงไม่เป็นก็ตาม เพราะภาพเคลื่อนไหวต่างๆมักสัมพันธ์กับคำศัพท์เหล่านั้นอยู่แล้ว ลูกจะค่อยๆจดจำ จนสามารถออกเสียงตามได้ภายหลัง

6.ฝึกสอนไวยากรณ์

อาจจะเป็นเรื่องไม่สำคัญมากนัก ที่เด็กเล็กๆจะต้องรู้หลักไวยากรณ์อย่างแม่นยำ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกได้คุ้นชิ้นบ้างกับการสร้างประโยคตามหลักไวยากรณ์ ให้ลูกรู้จักหลักการพูดในเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ที่แตกต่างออกไป หรือหากพูดถึงลักษณะของคนให้ใช้คำว่า have got และเมื่อพูดถึงกฎระเบียบที่โรงเรียนให้ใช้ must or mustn’t เป็นต้น หากคุณพ่อคุณแม่สามารถปูพื้นฐานให้ลูกรู้จักการใช้ไวยากรณ์ได้ตั้งแต่เล็ก เมื่อโตขึ้นลูกจะมีความรู้ความเข้าใจที่ง่ายขึ้นและใช้งานได้จริงด้วยตัวเอง

7.จัดหัวข้อเป็นหมวดหมู่ในการสอน

คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องสำรวจความต้องการของลูกๆ แล้วจัดทำเป็นหมวดหมู่เพิ่มความสนใจ โดยให้ลูกๆเป็นคนเลือกเองว่าอยากจะเรียนรู้สิ่งใดก่อนหลัง ลองดูตัวอย่างหมวดหมู่ด้านล่างนี้

  • ตัวเลข (1-10 , 10-20, 20-100)
  • สี
  • คำคุณศัพท์ เช่น เล็ก ใหญ่ สูง มีความสุข เศร้า เหนื่อย เป็นต้น
  • ร่างกาย
  • ของเล่น
  • เสื้อผ้า
  • สัตว์ต่างๆ

เมื่อถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้ ฝึกฝนหรือใช้ภาษาอังกฤษในบ้าน คุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มต้นด้วยประโยคเดิมๆทุกวัน เพื่อให้ลูกคุ้นเคย เช่น It’s English time! Let’s sit down เป็นต้น จากนั้นเริ่มให้ลูกเลือกหัวข้อหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องที่ลูกๆอยากเรียนรู้ได้เลย เทคนิคง่ายๆเหล่านี้ก็จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สอนภาษาอังกฤษให้ลูกๆที่บ้านได้แล้ว

ที่มา sciencedaily

 

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

สอนลูกให้เป็นเด็กสองภาษา ควรเริ่มเมื่อไหร่?

7 ความคิดผิดๆ ในการสอนลูก 2 ภาษา

parenttown

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

สิยาพัฐ บุญช่วย

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • อยากให้ลูกมีทักษะ EF ที่ดี ต้องเลี้ยงให้เป็นเด็ก 2 ภาษา
แชร์ :
  • พัฒนาทักษะ EF (Executive Functions) มาพัฒนาพื้นฐานชีวิตลูกให้ประสบความสำเร็จกัน!

    พัฒนาทักษะ EF (Executive Functions) มาพัฒนาพื้นฐานชีวิตลูกให้ประสบความสำเร็จกัน!

  • การเลี้ยงลูกแบบ EF คือ อะไร EF สำคัญแค่ไหนกับเด็ก ต้องใส่ใจตอนลูกอายุกี่ขวบ

    การเลี้ยงลูกแบบ EF คือ อะไร EF สำคัญแค่ไหนกับเด็ก ต้องใส่ใจตอนลูกอายุกี่ขวบ

  • การกินยาคุม กับ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เรื่องสำคัญที่ควรต้องรู้

    การกินยาคุม กับ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เรื่องสำคัญที่ควรต้องรู้

  • ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

    ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

  • พัฒนาทักษะ EF (Executive Functions) มาพัฒนาพื้นฐานชีวิตลูกให้ประสบความสำเร็จกัน!

    พัฒนาทักษะ EF (Executive Functions) มาพัฒนาพื้นฐานชีวิตลูกให้ประสบความสำเร็จกัน!

  • การเลี้ยงลูกแบบ EF คือ อะไร EF สำคัญแค่ไหนกับเด็ก ต้องใส่ใจตอนลูกอายุกี่ขวบ

    การเลี้ยงลูกแบบ EF คือ อะไร EF สำคัญแค่ไหนกับเด็ก ต้องใส่ใจตอนลูกอายุกี่ขวบ

  • การกินยาคุม กับ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เรื่องสำคัญที่ควรต้องรู้

    การกินยาคุม กับ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เรื่องสำคัญที่ควรต้องรู้

  • ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

    ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ