X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

วิธีพัฒนาสมองเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ ติดปีกให้สมองลูกฉลาดขึ้น

บทความ 8 นาที
วิธีพัฒนาสมองเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ ติดปีกให้สมองลูกฉลาดขึ้น

วิธีพัฒนาสมองเด็ก เพื่อเสริมสร้างพัฒนาทางสมองที่ดี สำหรับเด็กวัยแรกเกิด ไปจนถึง 6 ขวบ ติดปีกให้สมองลูก ช่วยให้ลูกฉลาด พัฒนาการดีรอบด้าน

วิธีพัฒนาสมองเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณพ่อและคุณแม่ที่จะทำให้ลูก และวิธีพัฒนาสมองเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยได้ง่าย ๆ ใช้ได้กับเด็กในวัยตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึง 6 ขวบเลยทีเดียว วิธีที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของเด็กจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลย

วิธีพัฒนาสมองเด็ก

วิธีพัฒนา สมองเด็ก

วิธีพัฒนาสมองเด็กวัยแรกเกิด -1 ปี

ในช่วงแรกเกิดนั้น ทารกจะสามารถมองเห็น ได้ยิน และเริ่มเรียนรู้ที่จะตอบโต้กับคุณพ่อและคุณแม่ เช่น ร้องไห้เมื่อหิว หรือง่วง เป็นต้น นอกจากนี้เด็กแรกเกิดยังเริ่มที่จะจดจำใบหน้าของคนได้บ้างแล้ว ซึ่งวิธีการกระตุ้น เพื่อพัฒนาสมอง สามารถทำได้โดย

  • พูดคุยกับลูก และให้ลูกเห็นใบหน้าบ่อย ๆ และอาจจะใช้ของเล่นอย่างเช่น โมบาย เพื่อกระตุ้นการมองเห็นของลูก
  • สภาพแวดล้อมรอบตัวลูกควรเป็นสถานที่สะอาด โปร่งโล่ง สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน เพราะสภาพแวดล้อมนั้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญต่อพัฒนาการของเจ้าตัวน้อย การที่เด็กได้เห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็กได้
  • ปัจจัยทางด้านเสียง ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของเด็กได้ดี ไม่ควรอยู่ในที่ ๆ มีเสียงดังรบกวนมากเกินไป แต่ก็ไม่ควรเงียบสงบจนเกินไป โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะร้องเพลงให้ลูกฟัง หรือเปิดเพลงเบา ๆ สบาย ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยได้เช่นกัน
  • เมื่อถึงวัยเริ่มคลาน เด็กจะสนใจของเล่นมากขึ้น แต่เด็กในวัยนี้มักจะชอบหยิบสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวเข้าปาก ดังนั้นจึงควรระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ
  • ไม่ควรซื้อของเล่นให้ลูกมากชิ้นเกินไป เพราะจะทำให้เด็กเสียสมาธิ เลือกไม่ถูกว่าจะเล่นอะไรดี ยิ่งมีของเล่นน้อยชิ้น ก็จะทำให้เด็กมีเวลาเล่น หรือศึกษาของเล่นชิ้นนั้นอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีของการสร้างสมาธิของเด็กในอนาคต
วิธีพัฒนาสมองเด็ก

วิธีพัฒนาสมองลูก

Advertisement

วิธีพัฒนาสมองเด็ก วัย 1-2 ปี

เด็กในวัยนี้เริ่มมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น ทรงตัวได้ดีขึ้น เริ่มเดินได้ และมีการประสานการทำงานระหว่างกล้ามเนื้อต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และเริ่มทานอาหารเองได้บ้างแล้ว ซึ่งวิธีการกระตุ้น เพื่อพัฒนาสมอง สามารถทำได้โดย

  • ฝึกให้เด็กหยิบจับสิ่งของที่ไม่เป็นอันตราย และหัดให้ลูกได้วาด ได้เขียน
  • สมองของเด็กในวัย 1 ปีขึ้นไป นั้น พร้อมที่จะเริ่มจดจำตัวอักษรต่าง ๆ และเริ่มฟัง และเข้าใจภาษาได้หลายภาษา ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านหนังสือให้ลูกฟัง และสามารถสอดแทรกการสอนอ่านหนังสือ และการพูดไปพร้อม ๆ กันได้
  • ในขณะที่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ถ้าเด็กฟังโดยไม่มีท่าทีที่เบื่อหน่าย แสดงว่าลูกสนใจในเรื่องที่เราอ่าน หรือสอน

วิธีพัฒนาสมองเด็ก วัย 2-6 ปี

ร่างกายของเด็กในวัยนี้ เริ่มมีความแข็งแรงมากขึ้น สามารถเดิน และวิ่งได้ ชอบทำกิจกรรมต่าง ๆ ชอบเล่นกับเพื่อน ซึ่งวิธีการกระตุ้น เพื่อพัฒนาสมอง สามารถทำได้โดย

  • การเล่นต่อภาพ การต่อไม้บล็อก การส่งเสริมให้ลูกอ่านหนังสือ จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการ รู้จักความหมายของสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น สามารถแยกแยะความแตกต่าง และความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ ได้
  • ในช่วงวัยนี้ เด็กจะมีความต้องการจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ช่างสงสัย ชอบถาม คุณพ่อคุณแม่ควรตอบคำถามเด็ก และพยายามอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ด้วยความใจเย็น เพราะการตอบคำถามจะเป็นการทำให้เด็กได้แนวคิด ช่วยพัฒนาสติปัญญา
  • การเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม หรือการตอบแบบขอไปที จะทำให้ความคิดเด็กที่กำลังพัฒนานั้น หยุดชะงัก
  • การส่งเสริมเรื่องจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของเด็กในวัยนี้ มีความสำคัญอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อเด็กโตขึ้น บางครั้งความคิดสร้างสรรค์จะถูกแทนที่ด้วยหลักเหตุผล ยกตัวอย่างเช่น เมื่อยังเล็ก เด็กจะวาดรูปช้าง โดยใช้สีหลายสี ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สีของช้างไม่ได้มีหลายสี และไม่ได้มีสีสดอย่างที่เด็กวาด และเมื่อโตขึ้น ความจริงและเหตุผลจะทำให้เด็กวาดรูปช้างด้วยสีเทา เพื่อให้เหมือนกับช้างจริง ๆ เป็นต้น

หากเด็กได้รับการส่งเสริมในเรื่องของจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ในช่วงนี้อย่างดีแล้ว เด็กก็จะมีความคิดสร้างสรรค์ติดตัว และสามารถนำมาปรับใช้เมื่อเด็กโตขึ้นได้

นอกจากนี้ การอ่านหนังสือ การดูรายการอย่างเช่น สารคดีต่าง ๆ และการพาลูกออกไปเที่ยว ทัศนศึกษาตามสถานที่ต่าง ๆ ก็จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับเด็ก ยิ่งสร้างมาก เด็กก็จะยิ่งมีความรู้มาก และเรียนรู้ได้ง่ายและเร็วขึ้น เนื่องจากเด็กมีพื้นฐานประสบการณ์ที่ดีนั่นเอง

วิธีพัฒนาสมองเด็ก

วิธีพัฒนาสมองเด็ก ตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 6 ปี

 

ไม่เพียงแต่หากิจกรรมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับลูก อาหารก็เป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาสมองลูกเช่นกัน มาดู 10 อาหารบำรุงสมองลูกกัน

1. อะโวคาโด

ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน โฟเลต มีแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แมกนีเซียม และแคลเซียม คุณแม่สามารถนำอะโวคาโดไปต้มให้สุก จากนั้นตักเอาแต่เนื้อออกมา แล้วบดให้ละเอียดด้วยช้อน หรือส้อม เสร็จแล้วก็ป้อนให้ลูกน้อยได้กิน เมนูนี้เหมาะสำหรับลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไป

2. กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่หาได้ง่าย อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามมินซี โฟเลต มีแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซีลีเนียม แมกนีเซียม และแคลเซียม วิธีการนำมาทำเป็นอาหารให้ลูกน้อยอย่างง่ายที่สุด คือ การนำมาบดให้ละเอียด จะบดด้วยมือหรือเครื่องก็ได้ หรือจะนำกล้วยเอาเข้าไปอบในเตาไมโครเวฟเป็นเวลา 25 วินาที ก่อน แล้วค่อยมาบดก็ได้ จากนั้นคุณแม่ก็เติมนมแม่เข้าไป หรือจะใส่ธัญพืชอื่นๆ แทนตามที่ต้องการ เมนูนี้เหมาะสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป

วิธีพัฒนาสมองเด็ก

3. ผักใบเขียว

ผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักคะน้า ผักกาดเขียวปลี อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในเรื่องการจดจำได้ดี โดยเฉพาะผักโขม และผักคะน้ามีธาตุเหล็กสูง และยังสามารถเติมลงไปในอาหารของลูกได้ง่าย ถ้าคุณอยากหาเมนูใหม่ ๆ ให้ลองผสมน้ำผักโขม กับน้ำผลไม้ต่าง ๆ เช่น น้ำส้ม เพราะวิตามินซีจะช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแคลเซียมเมื่อรับประทานอาหารที่เสริมธาตุเหล็ก เนื่องจากแคลเซียมยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก

4. มะละกอ

เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง วิตามินเอ วิตามินอี มีเส้นใยจำนวนมาก และกรดโฟลิก เมนูง่าย ๆ ที่คุณแม่สามารถทำให้ลูกน้อยทานได้ คือ มะละกอบด เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ทำง่ายเพียง 5 นาที โดยไม่ต้องใช้ความร้อน แต่มะละกอที่ใช้ต้องเป็นมะละกอสุกเท่านั้น หากใช้มะละกอดิบจะทำให้เด็กเกิดอาการปวดท้องได้ และไม่ควรให้ลูกรับประทานเกินวันละ 2-3 ออนซ์ อาจส่งผลทำให้ลูกเกิดอาการปวดท้องได้

5. ฟักทอง

ฟักทองอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่ดีที่สุด เพราะเต็มไปด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน เป็นแหล่งโพแทสเซียม โปรตีน และเหล็กที่ดี รวมถึงวิตามินเค วิตามินซี โฟเลต ไนอะซิน ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แคลเซียม โซเดียม และสังกะสี ทารกจะเริ่มทานฟักทองได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนเป็นต้นไป สามารถทานเป็นฟักทองบด หรือเป็นชิ้นนิ่ม หรือนำไปผสมลงในธัญพืชโฮมเมด โยเกิร์ต และแม้แต่ในเนื้อสัตว์ก็ได้

6. ถั่ว

ถั่ว และเมล็ดพืชมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงสมอง และช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิตามินอีที่ช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น และปกป้องสมองของคุณจากความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ถั่ว และเมล็ดพืชเหล่านี้บางชนิด ได้แก่ เมล็ดทานตะวันเฮเซลนัทอัลมอนด์วอลนัทเป็นต้น การบริโภคถั่ว และเมล็ดพืชในปริมาณที่น้อยลงจะทำงานได้ดีกับร่างกายของคุณ และเพิ่มประโยชน์มากมายให้กับสมองของคุณ

7. แครอท

แครอทเป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูงมาก รวมถึงมีวิตามินเอ วิตามินซี และแคลเซียมสูงที่มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการของทารก นอกจากนี้ยังมีโฟเลต ไนอะซิน โซเดียม ฟอสโฟรัส แมกนีเวียม โพแทสเซียม และเหล็ก ซึ่งคุณแม่สามารถน้ำแครอทไปต้ม หรือนึ่งจนสุกแล้วให้ลูกทาน หรือจะนำไปทำกับซุปให้ลูกก็ได้

8. ข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งของโปรตีน และไฟเบอร์  สามารถกินร่วมกับผลไม้ น้ำผึ้ง (ควรหลีกเลี่ยงน้ำผึ้งหากลูกอายุต่ำกว่า 1 ขวบ) นม และโยเกิร์ต เพิ่มความอร่อย และน่ารับประทาน ซึ่งเมล็ดธัญพืชจะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินบีหลากหลายชนิด (ยกเว้น วิตามินบี 12) และธาตุแมกนีเซียม เหมาะสำหรับลูกน้อยในวัยที่สามารถเคี้ยวได้บ้างแล้ว

9. ไข่

ไข่ นอกจากเป็นแหล่งโปรตีนแล้ว ยังมีโคลีน ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยทำให้ความจำดีอีกด้วย ซึ่งไข่ใบเล็ก ๆ สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไข่ต้ม ไข่เจียว (สามารถเติมส่วนผสมอื่นๆ เช่น ชีส กุ้ง ปูอัด เพื่อเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น) แพนเค้ก ไข่ตุ๋น ขนมปังชุบไข่ หรือเพียงแค่ตอกไข่ลงในโจ๊กของลูกก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เด็กวัยเตาะแตะรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง

วิธีพัฒนา สมองเด็ก

10. ปลา

ไขมันปลาเช่น แซลมอน เป็นแหล่งโอเมกา-3 ชั้นยอด แต่หากลูกน้อยไม่ชอบกินน้ำมันปลา คุณแม่ลองแอบเติมน้ำมันปลาลงในโยเกิร์ต สมูทตี้ และอาหารอื่นๆ ดู ปลาที่ช่วยปกป้องสมอง และลดความเสี่ยงของโรคทางจิต และความจำเสื่อมมี ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า และปลาแซลมอน เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 สิ่งนี้จะช่วยในการทำงานของสมอง และพัฒนาการของเด็กทำให้เพิ่มระดับการโฟกัส และทำให้เด็กมีความคิดที่ดีขึ้น

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023

 

ที่มา : thaihealth และ theAsianparent

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ชี้เป้า ของตัวแม่ต้องมี (10 MUST HAVE ITEMS FOR WOMAN & MOM) ช้อปสนุก หยุดไม่อยู่ ในเดือนแห่งแม่ กับ JD CENTRAL ตลอดเดือนสิงหาคม

9+ GOLD MOM CLINIC EP.1 สารอาหารสำคัญ & เพื่อ 1,000 วันแรก ที่สมบูรณ์ โดย พญ.นพรัตน์ ไชยบูรณะพันธ์กุล สูตินรีแพทย์ประจำ รพ. พญาไท 3

พีแอนด์จี ร่วมกับ เทสโก้ โลตัส ส่งแคมเปญพิเศษ “Mom to Mom” ชวนเหล่าคุณแม่ ร่วมใจกันช่วยเหลือแม่ ที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤต โควิด-19

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

P.Veerasedtakul

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • วิธีพัฒนาสมองเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ ติดปีกให้สมองลูกฉลาดขึ้น
แชร์ :
  • ต้องแยกแยะ “สุภาพ” กับ “โกหก”  สอนลูกพูดความจริง เมื่อการสร้างภาพและรักษาน้ำใจไม่ใช่ทางออก

    ต้องแยกแยะ “สุภาพ” กับ “โกหก” สอนลูกพูดความจริง เมื่อการสร้างภาพและรักษาน้ำใจไม่ใช่ทางออก

  • ครอบครัวแบบไหนไม่ทำร้ายเด็ก สร้างพื้นที่ปลอดภัย เป็นความสบายใจให้ลูก

    ครอบครัวแบบไหนไม่ทำร้ายเด็ก สร้างพื้นที่ปลอดภัย เป็นความสบายใจให้ลูก

  • เคล็ดลับสร้างวินัยเชิงบวกให้ลูก เลี้ยงลูกแบบ ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน (Kind but Firm)

    เคล็ดลับสร้างวินัยเชิงบวกให้ลูก เลี้ยงลูกแบบ ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน (Kind but Firm)

  • ต้องแยกแยะ “สุภาพ” กับ “โกหก”  สอนลูกพูดความจริง เมื่อการสร้างภาพและรักษาน้ำใจไม่ใช่ทางออก

    ต้องแยกแยะ “สุภาพ” กับ “โกหก” สอนลูกพูดความจริง เมื่อการสร้างภาพและรักษาน้ำใจไม่ใช่ทางออก

  • ครอบครัวแบบไหนไม่ทำร้ายเด็ก สร้างพื้นที่ปลอดภัย เป็นความสบายใจให้ลูก

    ครอบครัวแบบไหนไม่ทำร้ายเด็ก สร้างพื้นที่ปลอดภัย เป็นความสบายใจให้ลูก

  • เคล็ดลับสร้างวินัยเชิงบวกให้ลูก เลี้ยงลูกแบบ ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน (Kind but Firm)

    เคล็ดลับสร้างวินัยเชิงบวกให้ลูก เลี้ยงลูกแบบ ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน (Kind but Firm)

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว