theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • Project Sidekicks
    • การตั้งครรภ์
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • การสูญเสียทารก
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • สุขภาพ
    • อาการป่วย
    • วัคซีน
    • โภชนาการสำหรับครอบครัว
  • ชีวิตครอบครัว
    • ประกันชีวิต
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ความปลอดภัย
    • มุมคุณพ่อ
  • การศึกษา
    • ข่าวการศึกษา
    • คลีนิกพัฒนาการ
    • เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน
    • โรงเรียนอนุบาล
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • งานบ้าน
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ดวงและราศี
    • ดารา-แฟชั่น
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ฟิตเนส
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL

ลมพิษ เกิดจาก อะไร ลูกเป็นผื่นลมพิษบ่อยควรทำอย่างไร? โดยผศ.พญ.รวีรัตน์ สิชฌรังษี

บทความ 5 นาที
•••
ลมพิษ เกิดจาก อะไร ลูกเป็นผื่นลมพิษบ่อยควรทำอย่างไร? โดยผศ.พญ.รวีรัตน์ สิชฌรังษี

ลมพิษ เกิดจากอะไร ทำไมลูกเป็นผื่นลมพิษบ่อย จากสถิติทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ 1 ใน 10 คน จะเคยเป็นผื่นลมพิษอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต

คำถามที่คุณแม่มักถามหมอ : ลมพิษ เกิดจากอะไร สามารถติดกันได้ไหม อันตรายหรือเปล่า เป็นกี่วันจึงจะหาย มาไขคำตอบพร้อมวิธีแก้ลมพิษเบื้องต้นกัน

ลมพิษ เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่

ผื่นลมพิษ คือผื่นที่เกิดจากปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองต่อสารภูมิแพ้ โดยการหลั่งสารเคมีที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว มีของเหลวรั่วซึมออกมานอกหลอดเลือด และเกิดการบวมน้ำของชั้นผิวหนัง ทำให้เห็นผิวหนังเป็นวง นูนแดง และมีอาการคัน ผื่นมักจะอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง แล้วก็หายไปโดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ และไม่เป็นโรคติดต่อ

ผื่นลมพิษแบ่งได้เป็นกี่ชนิด?

ผื่นลมพิษ สามารถแบ่งตามระยะเวลาการดำเนินของโรคได้เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง

ลมพิษกี่วันจึงหาย

ผื่นลมพิษเฉียบพลัน เป็นชนิดที่พบได้บ่อย มักมีอาการประมาณ 1 – 2 วัน แล้วก็หายไปได้เอง ส่วนผื่นลมพิษเรื้อรัง คือผื่นลมพิษที่มีอาการติดต่อกันทุกวัน หรือเป็น ๆ หาย ๆ เกือบทุกวัน ติดต่อกันนานเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป

บทความที่เกี่ยวข้อง ลมพิษจากการอักเสบของหลอดเลือด

ลมพิษเกิดจากอะไร

ผื่นลมพิษเฉียบพลัน เป็นชนิดที่พบได้บ่อย มักมีอาการประมาณ 1 – 2 วัน แล้วก็หายไปได้เอง ส่วนผื่นลมพิษเรื้อรัง คือผื่นลมพิษที่มีอาการติดต่อกันทุกวัน หรือเป็น ๆ หาย ๆ เกือบทุกวัน ติดต่อกันนานเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป

สาเหตุของผื่นลมพิษ เกิดจากอะไร?

สาเหตุของผื่นลมพิษที่พบบ่อย สามารถแบ่งได้ตามชนิดของผื่นลมพิษดังนี้ ผื่นลมพิษเฉียบพลัน สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

  1. การติดเชื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของผื่นลมพิษเฉียบพลันในเด็ก โดยส่วนใหญ่ มักเป็นการติดเชื้อไวรัสของทางเดินหายใจ
  2. อาหาร เช่น นมวัว ไข่ ถั่งลิสง แป้งสาลี และอาหารทะเล
  3. ยา เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้สูง
  4. แมลง เช่น ผึ้ง ต่อ แตน มด กัดต่อย
  5. สารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสรหญ้า ที่สูดดม หรือสัมผัส ก็เป็นสาเหตุที่พบบ่อยเช่นกัน

สำหรับผื่นลมพิษเรื้อรัง มักจะเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็มีการศึกษาที่พบว่า ผื่นลมพิษเรื้อรัง อาจเกิดจากปัจจัยกระตุ้นทางกายภาพ เช่น

  • ความเย็น
  • น้ำหนักกดทับ
  • การถูไถ
  • แสงแดด

นอกจากนี้ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) โรคมะเร็งต่าง ๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งตับ รวมทั้งโรคติดเชื้อที่ค่อนข้างยืดเยื้อ เช่น พยาธิ เชื้อรา ไวรัสตับอักเสบชนิด B และ C การติดเชื้อ Helicobacter pylori ในกระเพาะอาหาร ก็มักทำให้เกิดผื่นลมพิษชนิดเรื้อรัง มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ มากกว่าลมพิษเฉียบพลัน

วิธีแก้ลมพิษเบื้องต้น ลูกมีอาการผื่นลมพิษควรทำอย่างไร ?

  • ถ้าลูกมีอาการผื่นลมพิษเฉียบพลันโดยอาการไม่รุนแรง คุณพ่อคุณแม่สามารถให้รับประทานยาต้านฮิสตามีน และสังเกตอาการที่บ้านได้
  • แต่ถ้าอาการไม่หายไปภายใน 24 ชั่วโมง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยน หรือให้การรักษาเพิ่มเติมด้วยยากดภูมิคุ้มกันตามความเหมาะสม
  • สิ่งที่สำคัญมาก คือควรพยายามหาสาเหตุ และกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการในครั้งต่อไป

แต่ถ้ามีอาการนานมากกว่า 6 สัปดาห์ ซึ่งจัดว่าเป็นผื่นลมพิษเรื้อรังแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษา และหาสาเหตุของโรคต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง ทารกเป็นผื่นแพ้ตามตัว ต้องดูแลอย่างไร ?

ลมพิษ เกิดจากอะไร

ถ้าลูกมีอาการผื่นลมพิษเฉียบพลันโดยอาการไม่รุนแรง คุณพ่อคุณแม่สามารถให้รับประทานยาต้านฮิสตามีน และสังเกตอาการที่บ้านได้

ผื่นแพ้อื่น ๆ บอกโรคอะไรได้บ้าง ?

ผื่นแดงที่แก้ม และมีไข้

อาการลูกมีไข้ และมีผื่นแดงเกิดขึ้นที่แก้มทั้งสองข้าง อาจเป็นอาการของโรคฟิฟธ์ หรือ Slapped Cheek Syndrome ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส Parvovirus B19 ลักษณะอาการจะมีไข้ต่ำ ๆ รู้สึกหนักศีรษะ มีน้ำมูก คัดจมูก และเจ็บคอเล็กน้อย ผื่นแก้มที่แดงขึ้นทั้งสองข้าง จะมีความร้อน และอาจจะลามลงไปตามลำตัว แขน และขาได้

โดยปกติอาการเหล่านี้จะหายไปภายในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ วิธีการรักษาเบื้องต้น สามารถทำได้โดยดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานยาพาราเซตามอลสำหรับเด็ก เพื่อลดไข้

ตุ่มขึ้นที่มือ เท้า และในปาก

โรคมือ เท้า และปากมักเกิดขึ้นในเด็กทารก หรือเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เด็กจะมีตุ่มขึ้นที่มือ เท้า และมีแผลเปื่อย หรือร้อนในเกิดขึ้นในปาก รวมทั้งมีอาการไข้เป็นระยะเวลาประมาณ 5 – 7 วันร่วมด้วย

โรคมือเท้าปาก ยังไม่มีวัคซีน หรือการรักษาที่จำเพาะเจาะจง ส่วนใหญ่จะรักษาตามอาการ เช่น ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อบรรเทาอาการขาดน้ำ รับประทานอาหารอ่อน และรับประทานยาลดไข้ เป็นต้น แต่หากมีอาการแทรกซ้อน ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น ลูกมีอาการซึม เบื่ออาหาร ปวดศีรษะมาก มือสั่น หายใจเร็ว หน้าซีด มีอาการสับสน และอาเจียน พ่อแม่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

ลมพิษ เกิดจากอะไร

โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ที่ระบุของกระทรวงสาธารณสุข โดยเด็กทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด เมื่ออายุระหว่าง 9 – 12 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4 – 6 ปี ก็จะสามารถป้องกันโรคหัดได้ตลอดไป

ผื่นสีชมพู – แดง ขึ้นตามตัว

เป็นสาเหตุของโรคไข้อีดำอีแดง หรือ Scarlet Fever ลักษณะของผื่นจะคล้าย ๆ ผิวไหม้ และมีผิวสัมผัสคล้ายกระดาษทราย บางคนจะมีตุ่มขึ้นที่ลิ้น เจ็บคอ ปวดศีรษะ มีไข้สูง และหนาวสั่น เป็นอาการเริ่มต้น ก่อนจะมีผื่นขึ้นบริเวณรอบคอ หน้าอก และลามลงมาที่ลำตัว กระจายไปอย่างรวดเร็ว

โรคไข้อีดำอีแดง มักเกิดขึ้นกับเด็กอายุ 5 – 15 ปี และอาจมีโรคแทรกซ้อนคือ โรคไข้รูมาติก และหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน วิธีการรักษาทำได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องจนครบ 10 วัน เพื่อป้องโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ผื่นสีน้ำตาลแดง

ผื่นสีน้ำตาลแดงเกิดขึ้นบริเวณศีรษะ ลำคอ และกระจายไปตามตัว เป็นอาการของโรคหัด โดยอาการจะเริ่มต้นจากมีไข้สูง เจ็บตา ตามีความอ่อนไหวต่อแสง ปวดกล้ามเนื้อ และมีจุดสีเทาขึ้นบริเวณกระพุ้งแก้ม

โรดหัด (Measles) เกิดจากเชื้อไวรัสคนละชนิดกับโรคหัดเยอรมัน แต่ทั้งสองโรคนี้มักจะแพร่ระบาดในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น และสามารถติดต่อได้ทางสารคัดหลั่ง และการสัมผัส

โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ที่ระบุของกระทรวงสาธารณสุข โดยเด็กทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด เมื่ออายุระหว่าง 9 – 12 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4 – 6 ปี ก็จะสามารถป้องกันโรคหัดได้ตลอดไป

บทความที่เกี่ยวข้อง วัคซีนที่ควรฉีดให้ลูก พาลูกไปฉีดวัคซีนให้ครบ วัคซีนพื้นฐาน วัคซีนเสริม เริ่มฉีดตั้งแต่แรกเกิด

source nhs.uk , bumrungrad.com ,pidst.or.th ,thaichildcare.com

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

บทความโดย

รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • ลมพิษ เกิดจาก อะไร ลูกเป็นผื่นลมพิษบ่อยควรทำอย่างไร? โดยผศ.พญ.รวีรัตน์ สิชฌรังษี
แชร์ :
•••
  • การห้ามเลือดหากลูกบาดเจ็บ หรือเป็นแผลต้องทำอย่างไร

    การห้ามเลือดหากลูกบาดเจ็บ หรือเป็นแผลต้องทำอย่างไร

  • ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นอย่างไร ได้อะไรบ้าง?
    บทความจากพันธมิตร

    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นอย่างไร ได้อะไรบ้าง?

  • สัตว์มีพิษกัด ต้องทำอย่างไร สอนวิธีปฐมพยาบาล และ สอนลูกน้อยให้รู้จักสัตว์ร้าย

    สัตว์มีพิษกัด ต้องทำอย่างไร สอนวิธีปฐมพยาบาล และ สอนลูกน้อยให้รู้จักสัตว์ร้าย

app info
get app banner
  • การห้ามเลือดหากลูกบาดเจ็บ หรือเป็นแผลต้องทำอย่างไร

    การห้ามเลือดหากลูกบาดเจ็บ หรือเป็นแผลต้องทำอย่างไร

  • ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นอย่างไร ได้อะไรบ้าง?
    บทความจากพันธมิตร

    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นอย่างไร ได้อะไรบ้าง?

  • สัตว์มีพิษกัด ต้องทำอย่างไร สอนวิธีปฐมพยาบาล และ สอนลูกน้อยให้รู้จักสัตว์ร้าย

    สัตว์มีพิษกัด ต้องทำอย่างไร สอนวิธีปฐมพยาบาล และ สอนลูกน้อยให้รู้จักสัตว์ร้าย

  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การตั้งชื่อลูก
    • โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์​
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • เซ็กส์และความสัมพันธ์
  • การตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • นมแม่และนมผง
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • ดวงและราศี
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ดารา-แฟชั่น
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore
  • Thailand
  • Indonesia
  • Philippines
  • Malaysia
  • Sri Lanka
  • India
  • Vietnam
  • Australia
  • Japan
  • Nigeria
  • Kenya
พันธมิตรของเรา
Mama's Choice Partner Brand Logo
© Copyright theAsianparent 2021. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้
บทความ
  • สังคมออนไลน์
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • ช่วงวัยของเด็ก
  • สุขภาพ
  • ชีวิตครอบครัว
  • การศึกษา
  • ไลฟ์สไตล์​
  • วิดีโอ
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL
เครื่องมือ
  • ?คอมมูนิตี้สำหรับคุณแม่
  • ติดตามการตั้้งครรภ์
  • ติดตามพััฒนาการของลูกน้อย
  • สูตรอาหาร
  • อาหาร
  • โพล
  • VIP Parents
  • การประกวด
  • โฟโต้บูท

ดาวน์โหลดแอปของเรา

  • ติดต่อโฆษณา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทีม
  • กฎการใช้งานคอมมูนิตี้
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดการใช้
  • มาเข้าร่วมกับเรา
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ?ฟีด
  • โพล
เปิดในแอป