เพราะผิวของลูกอาจมีความไวต่อสิ่งเร้ามากกว่า ซึ่งแตกต่างจากผิวของผู้ใหญ่ เนื่องด้วยระบบเกราะป้องกันผิวของลูกน้อยยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ทั้งต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน หรือแม้กระทั่งการเรียงตัวของเซลล์ผิวก็ไม่แน่นเท่ากับผิวของผู้ใหญ่ ผิวของเด็กจึงเกิดการระคายเคืองได้ง่าย บอบบางและไวต่อรังสียูวีในแดด โดยเฉพาะผิวชั้นนอกสุดของเด็กจะมีความบางเป็นพิเศษ ดังนั้นผิวของเด็กจึงต้องการการปกป้องเป็นพิเศษมากกว่าผู้ใหญ่
จริงอยู่ที่แสงแดดนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์เนื่องจากเป็นแหล่งวิตามินดีช่วยเรื่องการดูดซึมแคลเซียม ป้องกันโรคกระดูกพรุน ทำให้ฟันแข็งแรง รวมไปถึงช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร แต่แสงแดดที่มีประโยชน์จริงๆ นั้นคือแสงแดดใน ช่วงยามเช้าก่อนเวลา 9 โมงเช้าและหลังช่วง 4 โมงเย็น ซึ่งได้รับเพียงแค่ประมาณ 10 – 20 นาทีต่อวันก็เพียงพอแล้ว แต่หากคุณและลูกน้อยได้รับแสงแดดจัดเป็นระยะเวลานานมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงแดดจัดประมาณช่วง 10 โมงถึงบ่าย 2 อาจทำให้ผิวไหม้เกรียม สีผิวไม่สม่ำเสมอและคล้ำลง ภูมิคุ้มกันของผิวลดลง และที่อันตรายที่สุดคืออาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
ซึ่งอาการผิวไหม้เกรียมก็เกิดขึ้นได้ง่ายหากคุณและลูกๆ ออกแดดจัดเป็นเวลานานโดยที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด หรือไม่ได้สวมเสื้อแขนยาวที่ครอบคลุมผิวได้มากพอ โดยผิวที่ถูกแดดเผานั้นจะแดงอย่างเห็นได้ชัด บางรายเกิดอาการผิวพุพอง ลอกและเป็นรอยแดง ส่วนระยะเวลาในการฟื้นฟูผิวแต่ละคนก็ไม่เท่าคน บางคนใช้เวลาเพียงเดือนเดียวแต่บางคนอาจต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน – 1 ปีในการฟื้นฟูผิวเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยจากสถาบันผิวหนังนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกาออกมาบอกว่า การปล่อยให้ผิวไหม้เกรียมจากแสงแดดโดยไม่ทาครีมกันแดดอยู่เป็นประจำ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังในอนาคตอีกด้วย
ดังนั้นนอกจากการดูแลเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ของลูกน้อยระหว่างที่พวกเขาสนุกสนานกับกิจกรรมสุดโปรดนั้น คุณแม่จึงไม่ควรละเลยในการปกป้องลูกรักจากวายร้ายตัวฉกาจอย่างแสงแดดที่คอยทำร้ายผิวอยู่ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดอ่อนหรือจัดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดในประเทศไทยที่ค่อนข้างจัดตลอดทั้งปี ยิ่งเป็นเรื่องยากที่คุณและลูกรักจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวสัมผัสหรือโดนแสงแดด ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการต่อกรกับวายร้ายตัวแสบ สามารถทำได้ง่ายๆ เพียง
- เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับกิจกรรมของลูก เช่น ในวันที่ลูกๆ ออกไปเล่นหรือทำกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ ควรเลือกสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวที่ทอเนื้อแน่นสีเข้ม จะสามารถช่วยกันแดดได้มากกว่าเสื้อผ้าเนื้อบางๆ หรือผ้าโปร่ง
- พกตัวช่วยเสริมที่ช่วยกันรังสียูวี เช่น หมวก ร่มกันแดดหรือแว่นตากันแดด นอกจากทำเป็นพร๊อบเก๋ๆ ไว้ถ่ายรูปได้แล้วยังสามารถกันแดดได้ดีอีกด้วย
- ทาครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB อย่าง นีเวียซันโพรเท็คแอนด์ รีเฟรชบอดี้โลชั่นเอสพีเอฟ 50 PA++++ ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด เนื้อบางเบา ซึมซาบไว จึงสามารถทาให้กับลูกน้อยอย่างง่ายดาย เพื่อให้ไปสนุกกับทุกกิจกรรม และทาซ้ำบ่อยๆ เมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง ยิ่งเป็นสูตรกันน้ำด้วยจึงมั่นใจได้ว่า ลูก ๆ จะสามารถสนุกได้เต็มที่ แม้กิจกรรมหนักๆกลางแจ้งที่ต้องถูกแดดนาน ไม่หลุดลอกง่ายเมื่อถูกน้ำ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง จำพวก ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียวต่างๆ จะช่วยฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสียและทำให้ผิวสวยจากภายในสู่ภายนอก งานนี้นอกจากเจ้าตัวเล็กจะมีผิวสวยแล้วยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของเขาแข็งแรงอีกด้วย
- อย่าให้ข้อพับหรือขาหนีบของเจ้าตัวเล็กอับชื้น ข้อพับและขาหนีบเป็นส่วนที่เกิดอาการแพ้เหงื่อได้ง่าย การทาแป้งหรือครีมกันแดดเนื้อบางเบาก็เป็นการป้องกันอย่างหนึ่ง แถมช่วยให้สบายผิว ไม่เหนอะหนะพร้อมรับกับทุกกิจกรรมอย่างแน่นอน
ง่ายๆ เพียงแค่เท่านี้ คุณและลูกๆ ก็สามารถเล่นสนุกและเต็มที่กับทุกกิจกรรมที่ต้องเผชิญแสงแดดได้แล้ว ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ของครีมกันแดดนีเวียได้ที่ https://www.nivea.co.th/products/campaigns/ext/th-TH/NIVEA-SUN-PROTECT-AND-REFRESH-BODY-LOTION
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!