ภาวะน้ำคร่ำน้อย คืออะไร
ภาวะน้ำคร่ำน้อย คือภาวะที่คุณแม่ท้องมีปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ หรือลดลงเหลือน้อยกว่าร้อยละ 5 ของปริมาตรน้ำคร่ำปกติในอายุครรภ์นั้นๆ ซึ่งเราจะทราบได้จากการตรวจอัลตราซาวนด์ โดยทั่วไปมักจะพบได้ร้อยละ 1 – 2 ของการตั้งครรภ์
จะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำคร่ำน้อย
ส่วนใหญ่แล้ว แม่ท้องมักจะไม่รู้ตัวเองว่ามีน้ำคร่ำน้อยผิดปกติ แต่ในบางครั้งหากแม่ท้องสังเกตุได้ว่าครรภ์ไม่ค่อยโตขึ้น แต่หากว่ามีถุงน้ำคร่ำรั่วหรือแตกก็อาจจะเห็นได้ชัดกว่าปกติ เพราะจะมีน้ำไหลออกมาจนเปียกหน้าขา หรือหากคลำที่ท้องแล้วรู้สึกว่าสัมผัสถึงตัวทารกได้ใกล้ขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าอาจมีครรภ์ผิดปกติ ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการตรวจจะดีที่สุดครับ
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำคร่ำน้อยมีอะไรบ้าง
ภาวะน้ำคร่ำน้อยเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ถุงน้ำคร่ำรั่วหรือถุงน้ำคร่ำแตก
- ความพิการของทารก เช่นการไม่มีไตทำให้ไม่สามารถผลิสปัสสาวะออกมาได้
- มีภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ เช่นภาวะครรภ์เป็นพิษ หรืออายุครรภ์เกินกำหนด
- การติดเชื้อของมารดาขณะตั้งครรภ์ เช่นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- เกิดจากการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตสูง ยาแก้ปวดลดอักเสบ (ponstan, brufen)

ภาวะน้ำคร่ำน้อยอันตรายอย่างไร
หากแม่ท้องมีภาวะน้ำคร่ำน้อยก็อาจส่งผลร้ายอื่นๆตามมาเช่น
- ทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์เคลื่อนไหวไม่สะดวก ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกได้
- สายสะดืออาจถูกกดทับได้ง่าย ทำให้ทารกขาดออกซิเจน ส่งผลให้ทารกพิการตั้งแต่กำเนิดหรือเสียชีวิตในครรภ์ได้
- มีโอกาสที่จะต้องทำการผ่าคลอดมากขึ้น
- มีความเสี่ยงที่จะทำให้ทารกเสียชีวิตแรกคลอดได้
- หากน้ำคร่ำมีปริมาณน้อยตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ จะทำให้ปอดของทารกไม่ขยายตัว อาจทำให้ทารกมีปัญหาหลังคลอดได้
จะป้องกันและหลีกเลี่ยงภาวะน้ำคร่ำน้อยได้อย่างไร
ภาวะน้ำคร่ำน้อยนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงไม่มีแนวทางที่แฉพาะเจาะจงในการป้องกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุเป็นหลัก ซึ่งบางสาเหตุนั้นสามารถป้องกันได้ดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์
- หากแม่ท้องมีโรคประจำตัวก็ควรรักษาและควบคุมให้ดี
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่
ช่วงเวลาของการตั้งครรภ์นั้น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากของแม่ท้องทุกท่าน ดังนั้นแม่ท้องจึงควรดูแลสุขภาพ ใส่ใจกับอาการต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้และไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาคุณหมอเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์นะครับ
ที่มา samitivejhospitals.com, haamor.com, americanpregnancy.org

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!