พ่อแม่เล่นกับลูกอย่างไร กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เราไปดูกันเลยค่ะ ว่า พ่อแม่เล่นกับลูกอย่างไร ถึงจะถูกวิธี และมีความคิดสร้างสรรค์
เล่นกับลูกอย่างไร ให้ลูกกล้าคิดกล้าทำ
พ่อแม่เล่นกับลูกอย่างไร
- จัดมุมเล่นบทบาทสมมุติในบ้านหรือห้องเรียน พร้อมอุปกรณ์
เช่น เสื้อผ้า ของใช้ในชีวิตประจำวัน อุปกรณ์ที่ใช้วาดรูป ยิ่งมากยิ่งหลากหลาย เด็กจะสร้างสรรค์ได้มากเท่าที่จินตนาการจะพาไป การเล่นสวมบทบาทเป็นคนอื่นหรือตัวละครจากนิทาน การวาดรูป ระบายสี ปั้นแป้ง จะช่วยให้เด็กแสดงออกถึงความคิด
- เล่นกับลูกเมื่อลูกชวนเล่นตามเรื่องที่เด็กสร้างขึ้น
โดยให้ลูกเป็นผู้นำการเล่น เพื่อให้เด็กใช้ความคิดและจินตนาการอย่างเป็นอิสระ หากพ่อแม่เป็นผู้นำการเล่นเอง จะขัดขวางจินตนาการของเด็ก
- เตรียมอุปกรณ์ต่างๆเพื่อให้เด็กเล่นสร้างบ้าน
เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่เด็กรู้สึกผ่อนคลายอบอุ่นและปลอดภัย เด็กจะใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างบ้านแบบต่างๆที่เด็กฝันอยากจะมี
- ส่งเสริมให้ลูกเล่นของเล่นอย่างอิสระ
เช่น บล็อก ตัวต่อเลโก้ ดินน้ำมัน หรือเล่นทราย ที่สามารถต่อหรือสร้างเป็นอะไรก็ได้ ของเล่นประเภทนี้จะช่วยให้เด็กใช้ความคิด จินตนาการอย่างไม่มีข้อจำกัด
- เล่นเล่าเรื่องคนละประโยคหรือเล่นต่อเพลง
คุณพ่อคุณแม่ อาจจะร้องเพลงคนละท่อน สลับกับลูก เพื่อที่จะได้ฝึกให้ลูกได้เรียนรู้และกระตุ้นความคิด
- พาเด็กไปสัมผัสธรรมชาติให้มากเท่าที่จะทำได้
เช่น ไปเที่ยวสวนสาธารณะ สวนสัตว์ ทะเล น้ำตก ป่า ความหลากหลายในธรรมชาติ มีทั้งพืช สัตว์ ก้อนหิน ดินทราย ถือเป็นครูทางจินตนาการของเด็ก ฝึกให้เด็กช่างสังเกต กระตุ้นความอยากในการเรียนรู้
- ใช้หัวใจมองเห็นสิ่งมหัศจรรย์ในตัวลูก
รักเขาตามที่เขาเป็น อย่าใช้ความคาดหวังของพ่อแม่ตัดสินลูกหรือเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น เพราะเด็กมีความพิเศษต่างกัน ที่สำคัญเด็กที่ฉลาด มักคิดต่างจากใคร ๆ โดยเฉพาะผู้ใหญ่
- สร้างบรรยากาศแห่งความรักความอบอุ่นในครอบครัว
สร้างบรรยากาศหรือกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ทั้งครอบครัว ลูกจะได้ทั้งอาหารใจและยาบำรุงสมองชั้นดีด้วย
- ควรฝึกให้ลูกรู้จักการสังเกต รู้จักตั้งคำถาม
ฝึกให้ลูกได้ลองสังเกต หรือตั้งคำถามที่ตัวเองอยากรู้ โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยตอบคำถามของลูกด้วยความรักและความใส่ใจ
พ่อแม่เล่นกับลูกอย่างไร ให้ได้ใช้เวลาร่วมกัน
พ่อแม่เล่นกับลูกอย่างไร
ชวนลูกเล่นกิจกรรมที่ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำให้เกิด ความสุข สนุก ยังสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อฝึกทักษะและเรียนรู้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหา
การอ่านคือการเปิดโลกความสุข และโลกการเรียนรู้ไม่รู้จบ รวมทั้งได้ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ให้กับลูก
ช่วยพัฒนาลูกดังนี้ ช่วยลูกพัฒนาทักษะทางภาษา ช่วยกระตุ้นสมอง ช่วยเพิ่มความรู้ ช่วยให้ลูกเข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น ช่วยพัฒนาการสื่อสารของลูก
ให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง ช่วยสร้างสุขนิสัยทีดี รู้จักวางแผน มีความคิดที่เป็นระบบ และฝึกความรับผิดชอบ
ช่วยพัฒนาการลูกจากการเปิดโลกของลูก ช่วยให้ลูกได้เจอคนที่หลากหลาย ได้ใช้เวลาร่วมกัน ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูก
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรนำมาใช้กับลูก
- รักและปกป้องลูกมากเกินไป เช่น เลี้ยงแบบคุณหนู ไม่กล้าให้ลูกทำอะไร หรือตีกรอบให้ลูกทำตาม
- บังคับขู่เข็ญ ดุดัน เจ้าระเบียบมากเกินไป
- มองการกระทำหรือการเล่นของลูกเป็นเรื่องไร้สาระและน่ารำคาญ
- เคี่ยวเข็ญเรื่องเรียน เร่งให้ลูกอ่านออกเขียนได้เร็ว ๆ
- เห็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็กเป็นเรื่องของเด็กดื้อ ต่อต้าน ไม่ฟังคำสั่ง
- ไม่สนใจต่อความรู้สึกและความต้องการของลูก
- ให้อิสระหรือตามใจลูกมากเกินไปจนขาดการสร้างวินัยและความรับผิดชอบ
หากลูกไม่ยอมเลิกเล่น ควรทำอย่างไร
พ่อแม่เล่นกับลูกอย่างไร
เช่น ถ้าลูกกำลังเล่นของเล่นอยู่ ให้ถามว่ากำลังเล่นอะไร แล้วค่อยชวนเลิกเล่น เด็กจะรับฟังมากกว่าสั่งไปเลย
- บอกความอยาก แทนห้าม อย่า ไม่
เช่น แม่อยากให้หนูลงมากระโดดข้างล่าง หรือแทนที่จะบอกว่าอย่าวิ่ง ให้เปลี่ยนเป็นเดินช้า ๆ สิลูก
เช่น ให้ถามว่ากลับบ้านวันนี้ต้องทำอะไรบ้างนะ? แทนการสั่งว่ากลับบ้านต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้
อย่าบ่นยืดเยื้อ ยืดยาว เช่น อยากสั่งให้ลูกถอดรองเท้า ก็พูดแค่ว่า ‘รองเท้าลูก’ แค่นี้ก็เพียงพอ
เช่น อีก 5 นาที เราต้องเลิกเล่นแล้วนะลูก เด็กจะได้เตรียมตัว ไม่โวยวาย
เพราะลูกจะรู้สึกมีอำนาจตัดสินใจ เช่น จะเล่นต่ออีก 1 หรือ 2 นาทีดีคะ
ให้เด็กๆได้คิดวิเคราะห์ถึงผลที่ตามมา จากการกระทำของตนเอง เช่น ถ้าเราไม่กินผัก จะเป็นไงนะลูก ท้องผูกใช่ไหม
ทำให้คำสั่งดูเป็นความรื่นเริง ลื่นหู
เช่น แทนที่สั่งลูกให้หยุดเล่น ipad ให้เดินไปหา ยิ้ม มองไปที่ไอแพด แทนการสั่งเสียงแข็ง ๆ
แทนที่จะสั่งให้ลูกหยุดทำนู่นทำนี่ทันที ควรให้เวลาลูก โดยการนับ 1 – 10 ถ้าลูกทำตามโดยที่นับไม่ถึงให้ชมลูกด้วยนะคะ
หากลูกชอบเล่นคนเดียว พ่อแม่ควรทำอย่างไร
การที่เด็กไม่ยอมเล่นกับเพื่อน ๆ อาจจะมีปัญหากับบางสถานการณ์ เช่น เคยถูกเพื่อนล้อเลียนหรือรังแก หรือขาดความมั่นใจในการทำกิจกรรม เช่น กลัวจะเล่นไม่ได้ หรือเป็นกิจกรรมที่เด็กเคยเล่นแล้วจึงไม่อยากเล่นอีก ซึ่งเมื่อทราบสาเหตุ คุณพ่อคุณแม่และคุณครู ต้องให้คำแนะนำกับเด็กเพื่อปรับความเข้าใจ และแก้ไขเหตุการณ์ที่ทำให้เด็กเกิดความคับข้องใจ คอยดูแลเอาใจใส่เวลาเด็กทำกิจกรรม เพื่อให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
- พาลูกไปร่วมกิจกรรมกับเด็กคนอื่นบ่อย ๆ
เด็กบางคนถูกเลี้ยงมาท่ามกลางพี่ ๆ หรือเป็นเด็กคนเดียวในบ้าน เมื่อต้องมาอยู่กับเพื่อนวัยเดียวกันก็รู้สึกไม่คุ้นเคย ทำให้ปรับตัวไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเปิดโอกาสให้ลูกได้พบปะกับคนทุกเพศทุกวัยเพื่อให้ลูกรู้จักปรับตัวให้ได้ทั้งกับคนที่อายุมากกว่าและน้อยกว่า
- คุณพ่อคุณแม่ต้องหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูกบ้าง
ผู้ใหญ่ควรให้ความใส่ใจในการร่วมกิจกรรมกับเด็ก เช่น เล่านิทานให้ฟัง หาเกมมาเล่นด้วย ชวนลูกดูสารคดี หรือนั่งดูการ์ตูนที่ลูกชอบด้วยกัน และถือโอกาสสอดแทรกคำสอนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ การที่ลูกได้ทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในบ้าน เป็นการสนับสนุนให้เด็กกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะช่วยให้เขากล้าเข้าสังคมมากขึ้น
- ปรึกษาแพทย์และนักจิตวิทยาเด็ก
หากคุณพ่อคุณแม่และคุณครูลองทุกวิธีแล้ว จนเด็กอายุประมาณ 3 ขวบครึ่งแล้ว เด็กยังคงขี้อายมาก ๆ และไม่ยอมเล่นกับเพื่อน ๆ ไม่เข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ควรพาเด็กไปพบจิตแพทย์หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เพราะเด็กอาจมีปัญหาอื่น ๆ ด้านพัฒนาการ ซึ่งควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
ที่มา : (1),(2),(3)
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :
รวม 10 ฟาร์มและแหล่งการเรียนรู้ สำหรับคุณลูก ไปง่าย ใกล้เมืองกรุง
รีวิว ของเล่น6-12เดือน เสริมสร้างพัฒนาการสำหรับลูกน้อย
อยู่บ้านก็เล่นได้ : 15 กิจกรรมแสนสนุก อยู่บ้านก็เพิ่มทักษะให้ลูกได้ (ตอน 2)
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!