พัฒนาการเติบโตของทารกอายุ 6 เดือน ขึ้นไป เป็นอย่างไรบ้าง?
การเติบโตของทารก เป็นเรื่อง ที่ผู้ปกครอง กังวลกันมาก เพราะพัฒนาการของลูก เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สิ่งนี้เป็นพื้นฐาน ของทุกอย่างในชีวิตของเด็ก เรามาดู พัฒนาการเติบโตของทารกอายุ 6 เดือน ขึ้นไป กันดีกว่าว่า ว่า คุณพ่อ คุณแม่ ควรที่จะคาดเดาถึงอะไรบ้าง เมื่อพูดถึง การพัฒนาการของเด็ก
ทุกอย่างที่เป็นครั้งแรกเป็นอย่างแรกสำหรับลูกนั้นมีความสำคัญพิเศษ หนังสือเล่มแรกที่ลูกอ่านได้เองอาจเป็นจุดเริ่มต้นนิสัยรักการอ่าน กีฬาอย่างแรกที่ลูกเล่น รูปแรกที่ลูกวาดให้คุณดู เพื่อนคนแรกที่ลูกมี คุณจะรู้อยู่แล้วโดยธรรมชาติว่าทุกอย่างที่เป็นครั้งแรกเป็นอย่างแรกหรือเป็นพัฒนาการของลูกนั้นมีความสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่สิ่งเหล่านี้อาจเป็นการเริ่มต้นอะไรบางอย่างที่พิเศษ แต่กิจกรรมเหล่านี้อาจแสดงให้เห็นว่าลูกกำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาการสำคัญเหล่านี้สะท้อนทักษะรอบด้านทั้งทางการคิด การเคลื่อนไหว อารมณ์ และการสื่อสาร ซึ่งอาจช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดี
พัฒนาการเติ บโตของทารกอายุ 6 เดือน
มาดูพัฒนาการรอบด้านของลูกโดยใช้ตารางด้านล่างนี้เป็นแนวทางกัน
เมื่อเราพูดถึงพัฒนาการต่าง ๆ ของลูกแล้ว การเสริมพัฒนาการรอบด้านของลูกด้วยโภชนาการและการกระตุ้นที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
11 ข้อห้ามคนท้อง
พัฒนาการเติบโตของ ทารกอายุ 6 เดือน
11 ข้อห้ามคนท้อง อะไรบ้างที่แม่ท้องห้ามทำ อะไรบ้างที่เป็นอันตรายต่อลูกในท้อง ถ้าอยากให้ทารกในครรภ์ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ ปลอดภัย แม่ต้องรู้และระมัดระวังตัวเอาไว้
แม่รู้ไว้เลย 11 ข้อห้ามคนท้อง
เรืออากาศเอกญิง พญ. ภัทรพร ภู่ทอง สูตินรีแพทย์ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ย้ำความสำคัญในการดูแลร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ เพราะการตั้งครรภ์เป็นระยะของการพัฒนาอวัยวะต่าง ๆ ที่สำคัญของลูกน้อยในครรภ์ จึงต้องระมัดระวังการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ที่ไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน ยิ่งต้องศึกษาถึงข้อห้ามและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ห้ามทำเด็ดขาดระหว่างท้อง
1. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามสูบบุหรี่
คนท้องห้ามสูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติดอย่างเด็ดขาด เพราะการสูบบุหรี่และใช้สารเสพติด จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
พัฒนาก ารเติบโตของทารกอายุ 6 เดือน
2. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ก็เช่นกัน เพราะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ก็ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูกในท้องเช่นกัน
ทั้งนี้ สำหรับผลกระทบต่อลูกในท้อง หากแม่ท้องสูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด หรือแม่ท้องดื่มแอลกอฮอล์ จะส่งผลให้ทารกในครรภ์ ดังนี้
- ทารกในครรภ์มีพัฒนาการช้า
- ลูกในท้องมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดสูง เสี่ยงกว่าคนอื่น ๆ
- เมื่อคลอดลูกแล้ว ทารกมีโอกาสเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้ทารกพิการแต่กําเนิด รักษาไม่หาย
3. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามเครียด
พัฒนาการเติบโ ตของทารกอายุ 6 เดือน
ความเครียด มีผลต่อร่างกายคนทุกเพศทุกวัย แต่ความเครียดนั้นจะยิ่งส่งผลร้ายแรงต่อแม่ท้อง เพราะการเครียดขณะตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งได้อีกด้วย
สาเหตุที่ห้ามแม่ท้องเครียด ก็เพราะ ร่างกายของแม่จะหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ออกมามาก จนทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูกและรกเกิดการหดตัว ส่งผลให้ปริมาณอ็อกซิเจนที่ส่งไปยังทารกในครรภ์ลดน้อยลง จนไม่เพียงพอกับความต้องการ
- เด็กที่คลอดจากคุณแม่ที่มีความเครียดสูง มักคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์
- ทารกเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
- ลูกอาจมีผลต่อการเรียนรู้ เป็นโรคสมาธิสั้น หรือโรคในกลุ่มออทิสติก ส่งผลถึงสภาพจิตใจและการปรับตัวทางสังคมของลูก
4. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
พัฒนาการเติบโ ตของทารกอายุ 6 เดือน
รู้กันดีอยู่แล้วว่า การได้รับสารอาหารที่ดี มีประโยชน์ จะส่งผลต่อร่างกายเราอย่างไร เมื่อตั้งครรภ์ อาหารการกินยิ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะอาหารที่ดีจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของลูกในท้อง
ข้อห้ามสำหรับแม่ท้อง มีดังนี้ คนท้องไม่ควรทาน เช่น อาหารรสเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด มันจัด อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ จะทำให้คุณแม่ปวดท้อง ไม่สบายตัวได้ แม่ท้องควรเลี่ยงของหมักของดอง อาหารกระป๋อง ผงชูรส และลดหรืองด เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน ชา กาแฟ และน้ำอัดลม ที่อาจมีสารเคมีบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์
5. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามดื่มนมมากกว่าวันละ 1 แก้ว
แม่ท้องบางคนอาจสงสัยว่า ดื่มนมมาก ๆ ไม่ได้ช่วยเสริมสร้างแคลเซียมให้กับลูกในท้องหรอกหรือ แต่! อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ดี แม่ควรดื่มนมวัววันละ 1 แก้ว หรือนมถั่วเหลืองวันละ 1 แก้ว และเสริมแคลเซียมจากอาหารชนิดอื่น เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว งาดำ และอัลมอนด์
ข้อเสีย หากดื่มนมมากเกินความจำเป็น จะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้ของลูกได้ เช่น แพ้โปรตีนในนมวัว
6. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามทานยาพร่ำเพรื่อ
ถึงแม้ว่า ยา จะช่วยรักษาโรค แต่การทานยาบ่อย ๆ ย่อมไม่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่ควรทานยาพร่ำเพรื่อ และยิ่งต้องระวังอย่างมากในช่วงไตรมาสแรก หรือ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
3 เดือนแรก เป็นช่วงที่ทารกในครรภ์กำลังพัฒนาอวัยวะและระบบประสาทต่าง ๆ หากทานยาที่มีอันตราย จะส่งผลต่อทารกอย่างแน่นอน เช่น ส่งผลให้เด็กเจริญเติบโตช้า ทำให้ลูกพิการ ปากแหว่งเพดานโหว่ แขนขาพิการ
ยาที่ต้องระวังอย่างมากคือ การทานยาลดสิว หรือแม้แต่ยาสามัญประจำบ้าน หลายชนิดก็ทำให้เกิดอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้ สำหรับยาที่แม่ท้องใช้ได้อย่างปลอดภัย ไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ก็เช่น ยาพาราเซตามอล ใช้แก้ปวด ลดไข้ ยาคลอเฟนิรามีน ใช้ลดน้ำมูก แก้แพ้ แก้คัน และผงเกลือแร่ อย่างไรก็ตาม แม่ท้องก็ต้องปรึกษาคุณหมอ หรือให้คุณหมอจ่ายยาให้นะคะ อย่าซื้อยามาทานเอง
7. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามออกกำลังกายรุนแรง
ระหว่างตั้งครรภ์ แม่ท้องควรออกกำลังกายเบา ๆ อย่าหักโหม หรือรุนแรงเกินไป และไม่ควรออกกำลังกายต่อเนื่องนานเกิน 30 นาที สำหรับการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคนท้อง เช่น โยคะ ว่ายน้ำ เดินเหยาะ ๆ
ระหว่างที่แม่ท้องออกกำลังกายควรพักดื่มน้ำทุก ๆ 10-15 นาที เพื่อให้ร่างกายได้ระบายความร้อนออก และเพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิร่างกายสูงจนเกินไป เพราะอากาศบ้านเรานั้นทั้งร้อนทั้งอบอ้าว ทั้งนี้ การออกกำลังจนเหนื่อยหอบมาก จะทำให้ลูกในครรภ์ขาดอ็อกซิเจนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตได้
สำหรับคนดังหรือดารานักแสดงบางท่าน ที่เราเห็นว่า ออกกำลังกายหนัก ๆ นั่นก็เพราะ พวกเขามีที่ปรึกษา มีคุณหมอคอยให้คำแนะนำอยู่ตลอด แม่ท้องบางคนก็มีร่างกายที่แข็งแรงมาก ๆ จนออกกำลังกายหนักกว่าแม่ท้องทั่วไปได้ จึงไม่ควรเลียนแบบนะคะ เพราะร่างกายของแม่ท้องแต่ละคนมีความแข็งแรง และความเสี่ยงไม่เท่ากันค่ะ
8. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามยืนและนอนเป็นเวลานาน
คนท้องที่อายุครรภ์ ใกล้เข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย ห้ามยืนและนอนนาน ๆ โดยเฉพาะแม่ท้องที่มีอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป การยืนและเดินนานจะทำให้ขาและเท้าบวมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอดที่ขา ปวดหลังได้ง่าย ทั้งยังไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม
หากแม่ท้องนอนเพลิน ก็ส่งผลต่อร่างกายเช่นกัน เพราะน้ำหนักครรภ์จะกดทับกระเพาะอาหารและลำไส้ เกิดอาการจุกเสียด แน่นท้อง อาจไปกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายเกิดอาการบวม รู้สึกปวดเมื่อย ทำให้หน้ามืดเป็นลมได้ จึงควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชั่วโมง
คนท้องต้องเปลี่ยนท่านั่งหรือยืดเส้นยืดสายบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้นนะคะ
9. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามลดน้ำหนัก
ด้วยรูปร่างที่เปลี่ยนไป ทำให้แม่ท้องบางคนกังวล อยากลดน้ำหนักขึ้นมา แต่อย่าลืมว่า นี่ท้องอยู่นะ การที่คุณแม่ตั้งครรภ์และมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา อย่าลดน้ำหนัก หรืออดอาหารขณะที่ท้อง เพราะจะทำให้ลูกในครรภ์ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายพัฒนาไม่สมบูรณ์เต็มที่ และเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
หากรู้สึกกังวลว่าอ้วน ไม่ค่อยมั่นใจกับรูปร่าง ให้เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินวิตามินบำรุงตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อช่วยในการสร้างอวัยวะต่าง ๆ ที่สำคัญของร่างกายลูก อย่าลืมว่า น้ำหนักมากไปก็เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หากน้ำหนักน้อยไปก็อันตรายอยู่ดี ที่สำคัญ หลังคลอดถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะช่วยลดน้ำหนัก ให้หุ่นคุณแม่กลับมาปิ๊งได้ไม่ยากอยู่แล้ว
10. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามอบไอน้ำ อบซาวน่า
คนท้องที่อยากอบไอน้ำ อบซาวน่า เพื่อให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ต้องระวัง เพราะการอบไอน้ำนั้นอาจทำให้ลูกในครรภ์แท้งได้ ด้วยความร้อนจากไอน้ำทำให้ร่างกายของแม่ท้องขาดน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็น เป็นสาเหตุให้เลือดข้น ทำให้เส้นเลือดอุดตัน เลือดไปเลี้ยงทารกน้อยลง ลูกในท้องจะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่
11. ข้อห้ามคนท้อง – ห้ามทำความสะอาดมูลแมว
อันนี้เน้นเลยว่า สำหรับแม่ท้องที่เลี้ยงแมว ต้องงดการเก็บมูลแมว อึแมว หรือขี้แมว เพราะในอึแมวมีส่วนประกอบของท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) เชื้อปรสิตที่มีแมวเป็นพาหะนำโรค ทำให้เกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติ อาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยค่ะ อย่าประมาทนะคะแม่ ๆ
อย่าลืมนะคะ ทุกสิ่งที่แม่ท้องทำ ทุกอย่างที่กิน ดื่ม ล้วนส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูกในท้อง ห้ามละเลยที่จะดูแลตัวเองนะคะแม่ ๆ ลูกจะได้ออกมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรงค่ะ
ที่มา : https://www.samitivejhospitals.com
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
เอาใจเด็ก ๆ กับเมนู วุ้นนมสดไมโล อร่อยง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้
พัฒนาการของเด็กวัย 4-5 ปี เด็กจะมีการพัฒนาช่วงวัยก่อนวัยเรียนในด้านใดบ้าง
การพัฒนาเด็กวัยหัดเดิน 2-3 ปี พัฒนาของเด็กวัยหัดเดินมีอะไรบ้าง?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!