ความแตกต่างของหน้ากากอนามัย 6 ชนิดยอดนิยมในเมืองไทย

การกลับมาระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ทำให้เกิดการตื่นตัว และเริ่มมีการรณรงค์ ให้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปพบปะผู้คนภายนอก อีกครั้ง แต่อาจมีหลายคนอาจไม่ทราบว่า ความแตกต่างของหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยในแต่ละรุ่นที่เราใส่ ๆ กันอยู่ นั้น มีกี่ชนิด และมี ความแตกต่างของหน้ากากอนามัย ในแต่ละชนิดอย่างไร และรุ่นไหนที่ป้องกันไวรัสได้ดีที่สุด วันนี้ theAsianparent จะพาไปดูความแตกต่างของหน้ากากอนามัยในแต่ละรุ่นกัน
หน้ากากอนามัย หลัก ๆ ในบ้านเรา จะมีอยู่ทั้งหมด ประมาณ 6 แบบดังนี้
- หน้ากากอนามัยทางการแพทย์
- หน้ากากอนามัยคาร์บอน
- หน้ากากอนามัย N95
- หน้ากากอนามัย FFP1
- หน้ากากอนามัยแบบผ้า
- หน้ากากอนามัยฟองน้ำ
1.หน้ากากอนามัยทางการแพทย์

หน้ากากอนามัยทางการแพทย์
หน้ากากอนามัย นี้ เราจะเห็นได้ทั่วไปเวลาไปตามโรงพยาบาล ผลิตขึ้นจากผ้าหรือพอลิโพรไพลีนซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ โดยหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพจะต้องมีชั้นกรองอย่างน้อย 3 ชั้น เพื่อช่วยในการป้องกันเชื้อโรค มลพิษ หรือของเหลวจากภายนอก และยังช่วยดูดซับสารคัดหลั่งหรือความชื้นที่มาจากผู้สวมใส่ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายสู่คนอื่น สรุปแล้วก็คือช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากเป็นวิธีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสจากคนสู่คนได้ถึง 99% ส่วนวิธีการใส่นั้นก็สำคัญ เราควรใส่โดยการนำด้านสีเขียวออกด้านหน้า เพื่อกันสารคัดหลั่งจากคนอื่นเข้ามาสู่ตัวเรา นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันฝุ่นและเกสรดอกไม้ ได้ขนาดเล็กสุดถึง 3 ไมครอน และสามารถกันได้ถึง 66.37% แต่แนะนำให้ใส่ 2 แผ่น เพราะจะกันได้มีประสิทธิภาพถึง 89.75% เลยทีเดียว
2.หน้ากากอนามัยคาร์บอน

หน้ากากอนามัยคาร์บอน
หน้ากากอนามัยแบบคาร์บอน หรือ หน้ากากอนามัยสีดํา คุณสมบัติไม่ต่างจากหน้ากากทางการแพทย์ แต่จะมีความพิเศษมากขึ้น เพราะมีชั้น Carbon ที่สามารถกรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ได้ดีกว่าหน้ากากอนามัยทั่วไป มีความหนาของเส้นใยสังเคราะห์ถึง 4 ชั้น สามารถกรองเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 95% กรองฝุ่นละออง ขนาด 3 ไมครอน สามารถกันได้ถึง 66.37% และถ้าสวมใส่ 2 แผ่น จะกันได้ มีประสิทธิภาพถึง 89.75% เช่นเดียวกับหน้ากากอนามัยทางการแพทย

หน้ากากอนามัย แบบ ACTIVATED CARBON
แต่ทั้งนี้จะมีหน้ากากอนามัย ที่เป็นแบบคาร์บอนอีกชนิดหนึ่ง แต่จะมีคุณสมบัติลดลงจากหน้ากากคาร์บอน ซึ่งหน้ากากอนามัยชนิดนี้ มีชื่อทางการแพทย์ว่า ACTIVATED CARBON หน้ากากชนิดนี้มีคุณสมบัติ กันกลิ่น และฝุ่นจากการจราจรได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้กรองฝุ่นจากการจราจร แต่คุณสมบัติในการป้องกันเชื้อไวรัส จะมีประสิทธิภาพลดลงจากหน้ากากอนามัยทางการแพทย์
3.หน้ากากอนามัย N95

หน้ากากอนามัย N95
หน้ากากอนามัย N95 เป็นหน้ากากอนามัยชนิดที่ช่วยป้องกันการเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้ โดยประสิทธิภาพในการป้องกันจะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เพราะลักษณะของหน้ากากอนามัย N95 นี้มีลักษณะครอบลงไปที่บริเวณหน้าปากและจมูกอย่างมิดชิด จึงทำให้เชื้อไวรัสหรือสารปนเปื้อนไม่สามารถลอดผ่านได้ และด้วยหน้ากากอนามัย N95 ผลิตจากโพลีโพรพีลีน (Polypropylene) มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาคขนาดเล็ก PM2.5 และ PM10 ไม่น้อยกว่า 95% ถือว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่เมืองไทยเผชิญอยู่ในขณะได้ในระดับดีมากอีกด้วย สามารถเช็คมาตรฐานของหน้ากาก N95 ว่าผ่านการรับรองรอง FDA ใช้ป้องกันเชื้อโรคได้หรือไม่ที่เว็บไซต์ของ CDC
4.หน้ากากอนามัย FFP1

หน้ากากอนามัย FFP1
หน้ากากอนามัย FFP1 เป็นหน้าที่ที่ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับหน้ากากอนามัย N95 สามารถช่วยป้องกันทั้งฝุ่น เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ดักจับอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5 และ PM10 ไม่น้อยกว่า 94% แต่นอกเหนือจาก N95 คือ สามารถป้องกัน สารเคมี ฟูมโลหะ ได้เพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งยังออกแบบให้ส่วนบนมีความเว้า ครอบลงไปที่บริเวณหน้าปากและจมูกอย่างมิดชิด
5.หน้ากากอนามัยแบบผ้า

หน้ากากอนามัยแบบผ้า
หน้ากากอนามัยแบบผ้า มีทั้งแบบผลิตจากผ้าฝ้าย ใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอ/จามได้ แต่ไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้ แบบที่ผลิตจากใยสังเคราะห์ ซ้อนทบชั้นกัน โดยรวมแล้วคุณสมบัติของหน้ากากชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่น ป้องกันเชื้อโรคจำพวกเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราได้ หน้ากากอนามัยแบบผ้าอีกชนิดที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้ากันน้ำ หรือผ้าสะท้อนน้ำ ช่วยป้องกันละอองน้ำลาย จากการไอจาม และสามารถนำไปซักเพื่อกลับมาใช้ใหม่ได้อีก
6.หน้ากากอนามัยฟองน้ำ

หน้ากากอนามัยฟองน้ำ
หน้ากากอนามัยแบบฟองน้ำ ผลิตจากโพลียูรีเทนคาร์บอนสำหรับกรองอากาศโดยเฉพาะ สามารถซักทำความสะอาดได้ แห้งเร็ว พับเก็บไม่ยับสามารถคืนรูปเดิมได้ไม่เสียทรง ส่วนประสิทธิภาพในการป้องกันสามารถกันฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กและเกสรดอกไม้ได้
หรือสามารถสรุปความแตกต่างของหน้ากากอนามัยได้คร่าว ๆ ดังนี้

Face mask How are they different1
จะเห็นได้ว่า หน้ากากอนามัยในแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติในการปกป้อง ที่แตกต่างกัน โดยแต่ละแบบ จะขึ้นอยู่กับลักษณะ และความเหมาะสมในการใช้งาน เราควรเลือกหน้ากากอนามัย ให้เหมาะสมกับการใช้งาน และความสะดวกของเราที่สุด แต่หากจะอิงตามสถาการณ์ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นการกลับมาระบาดของไวรัส โควิด-19 อีกครั้ง หน้ากากทางการแพทย์ จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งาน
theAsianparent Thailand เว็บไซต์และคอมมูนิตี้อันดับหนึ่งที่คุณแม่เลือก นอกจากสาระความรู้ที่เรามอบให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนมีลูกแล้ว เรายังมีแอพพลิเคชั่นรวมถึงสื่อมัลติมีเดียหลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ต้องทำงานและดูแลลูกไปพร้อมกัน ให้มีความมั่นใจและพร้อมในการดูแลลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การให้นมบุตร การดูแลตนเองหลังคลอด ท่าออกกำลังกายหลังคลอดเพื่อให้หุ่นของแม่หลังคลอดกลับมาฟิตแอนเฟิร์มอีกครั้ง theAsianparent Thailand ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการดูแลลูก ความรู้แม่และเด็กที่เต็มเปี่ยม และตอบทุกข้อสงสัยในแอพพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลาง และกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย
ที่มา : www.officemate.co.th
บทควา่มอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
วัคซีนโควิด19 มาไทยเมื่อไหร่ ตอนนี้มีวัคซีนโควิด19 กี่ชนิด มีประสิทธิภาพแค่ไหน
เตรียมตัวเที่ยวในยุคโควิด19 อย่างไรดี
เตรียมลูกไปโรงเรียนอย่างไรให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ COVID-19