อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างตั้งครรภ์ การทานอาหารอย่างมีอนามัยในระหว่างตั้งครรภ์นั้นไม่เพียงหมายถึงอาหารใดควรรับประทานแต่ยังรวมถึง อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างตั้งครรภ์ อีกด้วย อาหารบางประเภทอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์และทำให้คุณล้มป่วยได้ ความปลอดภัยของอาหารจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่ต้องงดอาหารดังต่อไปนี้
9 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างตั้งครรภ์
รวมอาหารที่อาจเป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์ที่ควรเลี่ยง เมื่อการตั้งครรภ์ไม่อนุญาตให้คุณแม่ทานอะไรก็ได้ตามใจอยาก เนื่องจากหากทานอะไรไม่เหมาะเข้าไป นอกจากจะส่งผลเสียต่อคุณแม่แล้ว ยังส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ในครรภ์ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความจำเป็นที่แม่ท้องจะต้องเลี่ยงอาหารบางประเภท แล้วหันไปเสริมอาหารที่มีประโยชน์แทน อะไรบ้างที่ควรเลี่ยงลองมาไล่ดูกันเลย
วิดีโอจาก : คนท้อง Everything Channel
1. ไข่ดิบ
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการทานไข่ดิบ หรือที่ไข่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ และยังรวมถึงอาหารที่ทำจากไข่ดิบด้วย เนื่องจากไข่ดิบสามารถปนเปื้อนแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ ซึ่งถ้าคุณแม่ได้รับเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลา (Salmonella) ที่มีอยู่ในไข่ดิบเข้าไปอาจทำให้มีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด หรือทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์เนื่องจากเกิดภาวะแทรกซ้อน นอกจากไข่ดิบที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงแล้ว ยังรวมถึงอาหารที่ทำจากไข่ดิบ เช่น ไอศกรีมโฮมเมด มายองเนส เป็นต้น
2. ผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์
เพราะในผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ อาจจะทำให้คุณแม่ต้องเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับเชื้อลิสทีเรีย (Listeria) และแบคทีเรียอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคลิสเทอริโอซิส (Listeriosis) ที่อาจทำให้เกิดการแท้งได้ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวก ชีสเนื้อนุ่ม เช่น บรี กามองแบร์ ริคอตต้าหรือบลูชีส รวมถึงโยเกิร์ตที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรซ์
3. อาหารทะเลบางชนิด
เพราะในอาหารทะเลบางชนิด เช่น ปลากระโทงแทง ปลาดาบ ปลากะพงขาว ปลาทูน่า อาหารเหล่านี้ เป็นอาหารที่มีสารปรอทตามธรรมชาติในปริมาณสูง ซึ่งตัวสารปรอทเองก็นับว่าเป็นพิษที่ร้ายแรงอยู่แล้ว ซึ่งหากทารกในครรภ์มีการสัมผัสกับสารปรอท จะทำให้เกิดอันตรายและส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของลูกน้อยได้ นอกจากนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารประเภทซูชิ ซาชิมิ หรือปลาดิบทั้งหลาย ซึ่งอาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียและปรสิต จำพวกอีโคไล (E.coli) ลิสทีเรีย (Listeria) และซาลโมเนลลาได้เช่นกัน
4. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
คนท้องควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน สามารถไปขัดขวางพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ อีกทั้งเครื่องดื่มคาเฟอีน ยังไปละลายแคลเซียมและเกลือแร่ในร่างกาย เครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนที่ทำให้แม่ท้องนอนไม่หลับ หรือหลับได้ยาก ส่งผลให้ช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อน จะไม่ได้พักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรกินเลย ควรเลี่ยงให้ได้มากที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินกาแฟได้ไหม? คนท้องกับกาแฟ วิจัยเผย คนท้องดื่มกาแฟอันตราย!
5. แอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มเด็ดขาด จากการศึกษาวิจัยพบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกในครรภ์ของคุณแม่มีลักษณะใบหน้าที่ผิดปกติได้ นอกจากนี้ ถึงแม้จะพ้น 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ แอลกอฮอล์ก็ยังส่งผลให้น้ำหนักแรกเกิดของทารกต่ำกว่าเกณฑ์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร และกลุ่มอาการทารกเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้อีกด้วย สำหรับคุณแม่สายดื่มจึงต้องเลี่ยงไปก่อนจนถึงช่วงหยุดให้นมบุตร ถึงแม้อาจจะดูเป็นสิ่งที่ยาก ต้องฝืนใจ แต่ก็ถือว่าทำเพื่อความแข็งแรงของลูกน้อย
6. อาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป
เพราะการที่คุณแม่ตั้งครรภ์ทานอาหารที่มีน้ำตาลที่มากเกินไป จะทำให้น้ำหนักของคุณแม่เพิ่มสูงเกินเกณฑ์ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทำให้น้ำหนักทารกแรกเกิดต่ำ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับทารกได้ สิ่งที่รุนแรงในระยะยาวที่อาจไม่คาดคิด คือ การที่น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นส่งผลต่อการทำงานของหลอดเลือด และหัวใจ ซึ่งจะพัฒนากลายเป็นโรคทางหัวใจ และหลอดเลือดที่อันตรายถึงชีวิต อีกทั้งยังถือเป็นภัยเงียบที่ถ้าหากไม่ตรวจคัดกรองแบบเจาะจงอาจไม่พบอาการที่ชัดเจนในช่วงแรก
บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำตาลในเลือดสูง อันตรายต่อคนท้องอย่างไร ป้องกันได้หรือไม่
7. อาหารที่ยังไม่ได้ปรุงสุก
สเต๊กเนื้อที่สุกระดับปานกลาง (medium rare) หรือไม่สุกเลย (rare) คุณแม่คงต้องบอกลาอาหารเหล่านี้ไปก่อน เพราะอาหารเหล่านี้ล้วนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียและปรสิตที่เป็นอันตราย เช่น ซาลโมเนลลา, อิโคไล, แคมไพโลแบกเตอร์ (Campylobacter) และ ท็อกโซพลาสมา กอนดิ (Toxoplasma Gondii) ซึ่งส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อลูกน้อยภายในครรภ์ เช่น ตาบอด สูญเสียการได้ยิน มีความบกพร่องทางสมองและเกิดความบกพร่องทางสติปัญญาหรือสายตาได้
8. อาหารเสริม และวิตามิน
หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีเหตุจำเป็นที่จะต้องทานอาหารเสริมหรือวิตามิน ควรมีการปรึกษากับทางคุณหมอ เพราะหากร่างกายได้รับสารอาหารที่มากเกินไป จะทำให้ตับทำงานหนัก เพื่อกำจัดพิษของวิตามินส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้งร่างกายไม่ได้ใช้ประโยชน์จากวิตามินส่วนเกินเหล่านั้นอีกด้วย โดยเฉพาะที่ต้องระวังคือวิตามินเอ ที่มีผลวิจัยรองรับถึงผลกระทบต่อพัฒนาการของทารกหากรับมากเกินไปในแต่ละวัน
9. ถั่วลิสง
หากคุณพ่อหรือคุณแม่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงการทานถั่วลิสง เพราะการทานถั่วลิสงระหว่างตั้งครรภ์ อาจมีส่วนทำให้ไปกระตุ้นให้โรคภูมิแพ้ผ่านไปยังทารกทางพันธุกรรมได้ ถึงแม้จะไม่มีใครในครอบครัวแพ้ถั่ว แต่ก็ยังมีผลวิจัยว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่แพ้ถั่ว แล้วทานถั่วเยอะ ๆ ก็มีโอกาสทำให้ทารกในครรภ์แพ้ถั่วได้เหมือนกัน ดังนั้นเน้นทานอาหารที่ถูกหลักครบ 5 หมู่น่าจะเหมาะสมกว่า
อาหารที่คนท้องควรกิน
สำหรับอาหารที่คนท้องควรกินนั้นไม่ยากเลย นั่นคือเน้นการทานให้สมดุลที่สุด ทานให้ครบทั้งเนื้อ ผัก และผลไม้ จะทานแต่เนื้อก็ไม่ได้ จะทานแต่ผักผลไม้ก็ไม่เหมาะ จะเสี่ยงขาดสารอาหาร เวลาคุณแม่จะทานอะไรอาจลองศึกษาจากอาหารคนท้องตามข้อมูลต่าง ๆ ก่อนว่าทานได้ไหม เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่คนท้องควรระวัง ต้องท่องไว้เสมอว่า ไม่ว่าจะทานอะไรต้องเลี่ยงรสจัด รสที่เข้มเกินไป ห้ามเค็ม ห้ามหวานจัด ถ้าเป็นมื้อขาวก็อาจลดการปรุง ลดวัตถุที่ทำให้อ้วน ถ้าเป็นผลไม้ก็เลือกที่สด ไม่หวานมาก หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ไม่มั่นใจว่าอะไรทานได้ อะไรทานไม่ได้ แม่ท้องห้ามถามเพื่อน หรือคิดเอง ให้ปรึกษาแพทย์ หรือนักโภชนาการเพื่อข้อมูลที่ชัดเจนจะดีกว่ามาก
เมื่อแม่ท้องรู้แล้วว่าอาหารแบบไหนที่ควรเลี่ยง ก็ควรเลี่ยงอย่างเคร่งครัด หรือก่อนจะทานอะไรก็ควรสอบถามแพทย์ หรือนักโภชนาการก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องปลอดภัย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อาหารขยะ คนท้องกินได้ไหม? จังก์ฟู้ดปลอดภัยสำหรับคนท้องหรือเปล่า
อาหารเย็นสำหรับคนท้อง กินอะไรดี? นอนหลับสบายทั้งแม่และลูก
แมงกานีส ทำไมคนท้องต้องกิน ดีอย่างไร หาทานได้จากอาหารชนิดไหนบ้าง
แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาหารที่คนท้องควรเลี่ยง ได้ที่นี่ !
คนท้องอ่อนห้ามกินอะไร ควรเลี่ยงอาหารอะไรบ้างคะ
ที่มา : petcharavejhospital, samitivejhospitals, mamastory