วิธีการหายใจลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอด
ความสำคัญของการควบคุมการหายใจลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอด
การฝึกควบคุมการหายใจเพื่ดลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอดนั้นมีความสำคัญมาก เพราะระยะเวลาที่เจ็บท้องคลอดกินเวลาหลายชั่วโมง อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลไปนะคะ เพราะทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามธรรมชาติ
ปัจจุบันนิยมใช้วิธีการของนายแพทย์ลามาซ ที่เน้นการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อทรวงอกที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่มดลูกหดรัดตัวและใช้วิธีการหายใจร่วมกับแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องเพื่อช่วยในการเบ่งคลอด จังหวะของการหายใจจะเป็นไปตามระยะของการเบ่งคลอด วิธีการนี้จะช่วยให้แม่ท้องคลายความเจ็บปวดในระยะที่หนึ่งของการเบ่งคลอดด้วยตนเอง และสามารถเปลี่ยนลักษณะการหายใจไปตามความเจ็บปวดหรือความรุนแรงของมดลูก
วิธีการหายใจลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอด
ระยะที่ 1 : ระยะปากมดลูกเปิดถึง 3 เซนติเมตร
ในระยะนี้คุณแม่จะเริ่มเจ็บท้องคลอด ให้หายใจเข้าทางปากหรือจมูกก็ได้อย่างช้า ๆ ลึก ๆ โดยใช้ทรวงอก นับจังหวะ 1 – 2 – 3 – 4 (จะหายใจได้ประมาณ 6 – 9 ครั้ง/นาที) อัตราการหายใจจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ หายใจแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะคะ ตลอดระยะเวลาที่เจ็บท้อง พอมดลูกบีบตัวหดเกร็งก็ให้หายใจเข้าลึกและพอมดลูกคลายตัว และผ่อนอีกหนึ่งครั้งหนึ่ง แต่ถ้าในเวลานั้นคุณแม่ไม่สามารถใช้การหายใจวิธีนี้บรรเทาอาการเจ็บท้องคลอดได้ ให้เปลี่ยนวิธีการหายใจเข้าทางจมูกหรือปากก็ได้ช้า ๆ และค่อย ๆ ผ่อนหายใจออกทางจมูกหรือปากช้า ๆ โดยจำนวนครั้งของการหายใจประมาณ 6 – 9 ครั้ง / นาที
ระยะที่ 2 : ระยะปากมดลูกเปิดถึง 3 – 7 เซนติเมตร
ในระยะนี้ปากมดลูกเปิดใกล้จะหมดแล้ว การบีบตัวของมดลูกจะค่อย ๆ บีบตัวจากน้อยไปจนถึงบีบตัวเต็มที่ และมีอาการเจ็บครรภ์รุนแรง หลังจากนั้นมดลูกจะค่อย ๆ คลายตัวเต็มที่ที่สุด ในระยะนี้ให้หายใจเข้า – ออกช้า ๆ ควบคู่ไปกับการบีบตัวของมดลูกแล้วค่อย ๆ หายใจเร็วขึ้นตามการบีบตัวของมดลูก และเมื่อมดลูกเริ่มคลายตัวลงก็ให้หายใจช้าลง จนช้าที่สุดเมื่อมดลูกเปิดหมด
การหายใจในตอนนี้จะเป็นลักษณะเร็ว ตื้น วิธีปฏิบัติ คือ
1. เมื่อเริ่มเจ็บท้องให้หายใจเข้าทางจมูกลึก ๆ ช้า ๆ และหายใจออกทางปากช้า ๆ 1 – 2 ครั้ง แล้วหายใจเข้า ออก ผ่านปากและจมูกแบบเบา ๆ ตื้น ๆ เร็ว ๆ จำนวนครั้งของการหายใจประมาณ 24 – 32 ครั้ง / นาที
2. เมื่ออาการเจ็บท้องขณะเบ่งคลอดทุเลาลง ให้หายใจเข้าทางจมูกลึก ๆ ช้า ๆ และหายใจออกทางปากช้า ๆ 1 – 2 ครั้ง
ระยะที่ 3 : ระยะปากมดลูกเปิดหมด 7 – 9 เซนติเมตร
ในช่วงนี้ปากมดลูกเปิดกว้างเต็มที่เป็นระยะใกล้คลอดและสร้างความเจ็บปวดมากที่สุด จนไม่สามารถใช้วิธีการหายใจตามที่กล่าวมาใน 2 ระยะแรก ขอให้คุณแม่เบี่ยงเบนความสนใจ ทำใจให้เป็นสมาธิจากความเจ็วปวดไปอยู่ที่ลมหายใจ วิธีปฏิบัติ คือ
1. เมื่อมดลูกเริ่มหดตัวให้หายใจเข้าทางจมูกช้า ๆ ลึก ๆ และหายใจทางปากช้า ๆ 1 – 2 ครั้ง เพื่อล้างปอด
2. ต่อจากนั้นให้หายใจแบบตื้น เร็ว เหมือนหายใจหอบค่ะ 3 – 4 ครั้ง ติดต่อกัน ต่อจากนั้น หายใจออกและเป่าลมออกยาว ๆ 1 ครั้ง ในอัตราการหายเข้าเท่ากับหายใจออกทุกครั้ง ทำสลับกันไป จำนวนของการหายใจอยู่ที่ประมาณ 24 – 32 ครั้ง / นาที
ระยะที่ 4 : ระยะเบ่งคลอด
1. ในระยะนี้คุณแม่ควรอยู่ในท่านอนหงาย ศีรษะและไหล่ยกขึ้น งอเข่า แยกมือไว้ใต้เข่า ดึงต้นขา ให้เข่าชิดหน้าท้องให้มากที่สุด จากนั้นให้หายใจเข้า – ออก ในลักษณะพีระมิด
2. การหายใจลักษณะพีระมิด ทำได้ดังนี้
– a. หายใจเข้า / หายใจออก, หายใจเข้า / เป่า
– b. หายใจเข้า / หายใจออก, หายใจเข้า / หายใจออก, หายใจเข้า / เป่า
– c. หายใจเข้า / หายใจออก, หายใจเข้า / หายใจออก, หายใจเข้า / หายใจออก, หายใจเข้า / เป่า
– d. หายใจแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คือ หายใจเข้า / หายใจออก,แล้วเป่า ไปจนถึงหายใจเข้า / หายใจออก 5 ครั้งแล้วเป่า จากนั้นให้ลดจำนวนครั้งการหายใจเข้า – ออก แล้วเป่ามาเป็น 5, 4, 3, 2, 1 จนเมื่ออาการเจ็บทุเลาลง
ให้หายใจเข้าทางจมูกช้า ๆ ลึก ๆ และหายใจออกทางปากช้า ๆ เพื่อล้างปอด 1 – 2 ครั้ง และเริ่มต้นใหม่เมื่อมดลูกบีบตัวใหม่ การหายใจในช่วงที่มีลมเบ่งคลอด ให้หายใจเข้าให้เต็มที่ให้ลึกที่สุดทั้งทางปากและทางจมูก แล้วกลั้นหายใจไว้ปิดปากให้แน่น ออกแรงเบ่งไปบริเวณช่องคลอดพร้อมกับหายใจออก ทำหลาย ๆ ครั้งติดต่อกัน
การหายใจในระยะเบ่งคลอดทั้ง 4 วิธีนี้ ควรฝึกทำทุกวันในช่วงไตรมาสที่ 2 เพื่อให้เกิดความชำนาญ การกระทำซ้ำ ๆ จะทำให้เมื่อถึงเวลาจริงคุณแม่จะได้ใช้ควบคุมตนเองได้เมื่อเวลาเจ็บครรภ์คลอด
ส่วนการหายใจในระยะเบ่งคลอดนั้น การฝึกหายใจไม่ต้องออกแรงมาก เพราะจะเกิดแรงดันต่อทารกในท้อง การฝึกหายใจให้คุณแม่สมมติว่าตนเองกำลังอยู่ในระยะเจ็บครรภ์ที่มีการบีบตัวของมดลูกตั้งแต่ ช่วงที่มดลูกเริ่มบีบตัว มดลูกบีบตัวเต็มที่ จนมดลูกเริ่มคลายตัว และคล้ายตัวได้ทั้งหมด ซึ่งจะกินเวลาครั้งละประมาณ 1 นาที คุณแม่จะรู้สึกหายเจ็บไปได้บ้าง ได้พักประมาณ 5 – 10 นาที มดลูกก็จะเริ่มบีบตัวครั้งใหม่เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนคลอด
ประโยชน์ของหายใจลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอดและหลักการหายใจ
1. เป็นการเพิ่มออกซิเจนให้คุณแม่และทารกในครรภ์มากขึ้น เพื่อสุขภาพของแม่และลูกให้ได้รับออกซิเจนเต็มที่ระหว่างคลอด หากหายใจไม่ออกหรือหายใจสั้น ๆ อาจทำให้การระบายคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ดีพอจนอาจเป็นผลเสียกับแม่และลูกได้
2. ลดการเกร็งตัวและการเป็นตะคริวของกล้ามเนื้อ
3. ช่วยลดความเครียด ความกังวล และช่วยลดความเจ็บปวดขณะคลอด
หลักการหายใจเพื่อลดความปวดขณะเบ่งคลอด
หลักการหายใจเพื่อลดอาการปวด คือ การหายใจแบบช้าเมื่อเจ็บท้องไม่มากนัก เพียงแต่มดลูกหดรัดตัวและคุณแม่รู้สึกเจ็บปวด ระยะนี้ส่วนใหญ่จะมีสมาธิในการควบคุมการหายใจช้า ๆ ได้ แต่เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงมากขึ้น จะไม่สามารถควบคุมการหายใจให้ช้าได้ จึงค่อยเปลี่ยนเป็นการหายใจแบบเร็ว
แต่ไม่ว่าคุณแม่จะหายใจแบบเร็วไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตามจะต้องหายใจล้างปอด คือ หายใจออกลึก ๆ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเริ่มใช้เทคนิควิธีการหายใจ และเมื่อสิ้นสุดเทคนิควิธีการหายใจจะต้องปิดท้ายด้วยการหายใจล้างปอดอีก 1 ครั้งเสมอ
คลิป : วิธีการหายใจเพื่อลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอด
ได้ทราบขั้นตอนวิธีการหายใจเพื่อลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอดกันแล้วนะคะ คุณแม่สามารถฝึกตามได้แต่ไม่ต้องออกแรงเบ่งคลอดจริงนะคะ แต่อย่างไรก็ตามการคลอดจะเป็นไปตามขั้นตอนตามธรรมชาติ การหายใจจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะเบ่งคลอดให้คุณแม่ได้ทุเลาลงบ้าง
ร่วมบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์ในช่วงตั้งครรภ์ คลอดบุตร รวมถึงการเลี้ยงดูทารกน้อย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวอื่น ๆ กันนะคะ หากมีคำถามหรือข้อสงสัย ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้คุณ
อ้างอิงข้อมูลจาก
หนังสือ คู่มือคุณแม่เตรียมตัวก่อนคลอดและการปฏิบัติตนหลังคลอด ฉบับสมบูรณ์ ผู้เขียน ปาริชาติ ชมบุญ
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ที่สุดในชีวิตกับประสบการณ์การคลอดธรรมชาติ
ลดปวดก่อนคลอดแบบไหน ไม่ต้องใช้ยา