ลูกในท้องจะฉลาดมั้ย เช็กได้จาก 7 ข้อต่อไปนี้

คุณแม่ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมคะ หลายคนอยากรู้ว่าจะทำยังไง ปฏิบัติตัวแบบไหนให้ลูกฉลาด เรารวบรวม 7 ข้อให้คุณแม่ไปเช็คว่าลูกจะฉลาดมั๊ยมาให้แล้ว

ลูกในท้องจะฉลาดมั้ย คุณแม่ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมคะ หลายคนอยากรู้ว่าจะทำยังไง ปฏิบัติตัวแบบไหนให้ลูกฉลาด เรารวบรวม 7 ข้อให้คุณแม่ไปเช็คว่าลูกจะฉลาดมั้ยมาให้แล้ว

ลูกในท้องจะฉลาดมั้ย เช็กได้จาก 7 ข้อต่อไปนี้

# อายุคุณแม่

คุณแม่ที่มีเจ้าตัวน้อยในวัย 30 มีแนวโน้มที่ลูกจะฉลาด ตามการวิจัยของ the London School of Economics ทั้งนี้การที่ลูกฉลาดอาจไม่ได้เป็นเพราะอายุของแม่ แต่พบว่าแม่ที่มีลูกคนแรกในวัยสามสิบนั้น มักจะมีการศึกษาที่สูงขึ้น มีรายได้มากขึ้น มีความสัมพันธ์ที่มั่นคงมากขึ้น มีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น มีการวางแผนก่อนจะมีบุตร และมีการหาความรู้ในการดูแลครรภ์เป็นอย่างดี

# การเอาใจใส่เจ้าตัวน้อย

คุณแม่ที่แสดงออกถึงความรักที่มีต่อเจ้าตัวน้อย เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ลูกมีสุขภาพดี มีความสุข และรู้สึกผ่อนคลาย การสื่อความรักด้วยการพูดคุยกับลูกในท้องอย่างอ่อนโยนจะส่งผลดีต่อความจำ และอารมณ์ของเจ้าตัวน้อย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างพื้นฐานด้านภาษาที่ดีอีกด้วย

# น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม

การที่คุณแม่น้ำหนักเพิ่มมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์ส่งผลให้ลูกตัวโต คลอดยาก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อสมองของเจ้าตัวน้อย แต่หากคุณแม่น้ำหนักเพิ่มน้อยเกินไปก็ส่งผลให้ทารกศีรษะและสมองเล็ก ทำให้ลูกมีระดับไอคิวต่ำ ทั้งนี้น้ำหนักที่เหมาะสมของคุณแม่ท้องควรเพิ่มขึ้น 10-12 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์

# อาหารทะเล ปลา และโอเมก้า-3

นักวิจัยพบว่าทารกที่เกิดจากคุณแม่ที่มีระดับกรดไขมันโอเมกา-3 หรือดีเอชเอในเลือดสูงกว่า จะมีความสามารถในการจดจ่อได้ยาวนานกว่า โดยพบว่าในเด็กอายุ 6 เดือนจะจดจ่อได้ดีกว่าเด็กที่คุณแม่มีระดับดีเอชเอต่ำกว่าถึงสองเดือน นอกจากนี้ยังพบว่า การที่คุณแม่รับประทานปลามากขึ้นระหว่างตั้งครรภ์สามารถเพิ่มไอคิวของลูกได้ และการรับประทานปลาในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกดูเหมือนจะมีผลต่อคะแนนการทดสอบไอคิวของลูกมากกว่า เมื่อเที่ยบกับคุณแม่ที่รับประทานปลาในภายหลัง องค์การอาหาร และยาสหรัฐอเมริกา (FDA) แนะนำให้รับประทานอาหารทะเลไม่เกิน 340 กรัมต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 2 มื้อต่อสัปดาห์ โดยให้รับประทานปลาที่หลากหลาย และเลือกอาหารทะเลที่มีสารปรอทต่ำ เช่น กุ้งทะเล ปลาแซลมอน ปลาดุกทะเล ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน และปลากะตัก

# ทานเบคอนและไข่

ดร. เจอรัลด์ เวสแมน บรรณาธิการบริหาร the Federation of American Societies for Experimental Biology journal กล่าวว่า เบคอน และไข่ช่วยเพิ่มพลังสมองให้ลูกในครรภ์ เนื่องจากโคลีนซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการพัฒนาสมองในส่วนของการจดจำข้อมูลใหม่ และระลึกถึงความทรงจำที่เก็บไว้

# การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์มีประโยชน์ต่อการหายใจของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ และการพัฒนาระบบประสาทอัตโนมัติ จากการศึกษาของ The American Physiological Society พบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า คุณแม่ที่ยังคงออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์มีลูกที่ฉลาดกว่า นอกจากนี้การศึกษาของ the University of Montreal พบว่า หากคุณแม่ท้องออกกำลังกายเพียง 20 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ช่วยเพิ่มการทำงานของสมองทารกแรกเกิดได้ การเต้นแอโรบิคช่วยเพิ่มการทำงานของไมโทคอนเดรียในสมองของแม่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานของเซลล์ โดยจะส่งผ่านไปทางรก และเป็นประโยชน์ต่อสมองของทารกในครรภ์เช่นเดียวกัน

# คลอดในสัปดาห์ที่ 41

ตามรายงานของวารสาร JAMA Pediatrics พบว่า ทารกที่คลอดเมื่ออายุครรภ์ 41 สัปดาห์ เมื่อเข้าสู่วัยเรียนจะมีคะแนนสอบที่สูงกว่า และมีเปอร์เซ็นต์ที่จัดอยู่ในกลุ่มปัญญาเลิศสูงกว่า ในขณะที่มีเปอร์เซ็นต์ในกลุ่มสติปัญญาต่ำน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม หากเด็กอยู่ในครรภ์แม่นานถึง 42 สัปดาห์ถือว่าตั้งครรภ์เกินกำหนดคลอดอาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่ และลูกได้

สร้างความฉลาดให้ลูกตั้งแต่ในท้อง

บทความ : ความฉลาดของลูกมาจากไหน กินอะไรให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง

สารอาหารเป็นหัวใจหลักที่แม่ท้องต้องรับส่งให้ลูกในท้องเพื่อสร้างความฉลาดให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด แหล่งอาหารสำคัญที่แม่ควรกินในระหว่างตั้งครรภ์ ได้แก่

  • กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มาจากปลาทะเล อาหารทะเลต่าง ๆ โดยมีผลการศึกษาวิจัยพบว่า ยิ่งคุณแม่ตั้งครรภ์รับประทานปลามากในช่วง 2 ไตรมาสแรก ทารกในครรภ์ก็จะยิ่งมีพัฒนาการด้านสติปัญญาสูงมากขึ้น
  • โฟเลต ที่มาจากในไข่แดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม แครอท แคนตาลูป ฟักทอง อะโวคาโด ฯลฯ ช่วยสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท และไขสันหลังให้ทารกในครรภ์
  • ธาตุเหล็ก ที่มาจากเนื้อแดง ตับ ไข่แดง ถั่วต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช เป็นต้น กินเป็นประจำก็จะส่งผลให้ลูกพัฒนาการดีมีไอคิวที่ดีตามไปด้วย
  • ไอโอดีน ที่มาจากอาหารทะเลทุกชนิด ดีต่อพัฒนาการทางสมอง ระบบประสาท และความจำของทารกในครรภ์
  • โปรตีน ที่มาจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ทุกชนิดและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมถึงในผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมองลูกน้อย
  • คาร์โบไฮเดรต ที่มีมากใน ข้าว ธัญพืช เผือก มัน ข้าวโพด ฯลฯ เป็นอาหารที่จำเป็นต่อสมองของลูกในครรภ์เช่นกัน
  • ขนมปังโฮลวีตและข้าวซ้อมมือให้สารอะเซทิลโคลีน ที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาทให้เชื่อมโยงกับเซลล์สมองเพื่อทำหน้าที่ส่งข้อมูลได้รวดเร็ว ส่งผลระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีตามไปด้วย
  • น้ำ เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์ในสมอง การกินน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ช่วยทำให้ลูกน้อยในท้องมีพัฒนาการทางสมองที่สมวัย
  • วิตามินต่าง ๆ ทั้ง บี1 บี2 บี6 บี12 ซึ่งแหล่งอาหารที่มีวิตามินทั้งหลายจะมาจากพวก ผัก นม ไข่แดง ปลา ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ตับ ข้าวโอ๊ต เนื้อสัตว์ ซึ่งสิ่งจำเป็นอย่างมากในเรื่องของการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมอง ระบบประสาท ของทารกในครรภ์ ช่วยให้มีความจำที่ดี นอกจากนี้ยังรวมถึงการได้รับวิตามินอื่น ๆ เช่น วิตามินซี อี ดี ด้วย
  • ผักและผลไม้ ที่ช่วยป้องกันเนื้อเยื่อสมองของลูกไม่ให้เสียหายหรือถูกทำลายได้

อ้างอิง

www.kidspot.com.au

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ดนตรีกับพัฒนาการ ลงทุนกับการเรียนดนตรี ดีกับพัฒนาการลูกอย่างไร

การวิจัยชิ้นใหม่เผย แม่ท้องยังสาว มีเกณฑ์ที่จะคลอด ลูกน้อยสมาธิสั้น

ใช้ทักษะ Executive Functions (EF) สอนลูกให้ฉลาดด้วยการพา ไปเที่ยว

บทความโดย

Weerati