ลูกชายโดนจระเข้เขมือบ เหตุการณ์สุดสลด ลูกชายโดนจระเข้เขมือบ ไปต่อหน้าต่อตา พ่อใจสลายรีบวิ่งลงไปช่วยลูกหวังจะรอด แต่ก็ช่วยไว้ไม่ทัน
วันนี้ TheAsianparent มีเคสที่อยากเอามาเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ระมัดระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดแบบนี้กิดขึ้นอีก
ลูกชายโดนจระเข้เขมือบ พ่อใจสลาย รีบลงไปช่วยหวังลูกจะรอด
ลูกชายโดนจระเข้เขมือบ
เป็นเคสความโชคร้าย ที่วันนี้หนูน้อยได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรระมัดระวัง ใส่ใจถึงความปลอดภัยแก่ลูก รวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่เอง เพราะอุบัติเหตุเหล่านี้ เกิดขึ้นได้กับทุกคน
ซึ่งเหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์ของประเทศอินโดนีเซีย เรื่องราวของพ่อและลูกชายวัย 8 ปี ที่กำลังไปตกปลาริมแม่น้ำ ที่จังหวัดกาลิมันตันตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างที่หนูน้อยเดินเล่นอยู่ริมฝั่ง จู่ ๆ จระเข้ ความยาว 26 ฟุต ก็โผล่ขึ้นมา ลากหนูน้อย ลงไปในน้ำ
เหตุการณ์นี้ ทำเอาผู้เป็นพ่อช็อกไปครู่หนึ่ง หลังได้สติจึงรีบไล่ตามจระเข้ลงไปในน้ำ ทุบตี หวังว่าจระเข้จะคายลูกชายออกมา แต่จระเข้ก็ดำน้ำและหายไป ชาวบ้านพากันจับตัวนำไปที่หมู่บ้านมัวรา เบงกาลอน ในเขตเบงกาลอน ซึ่งหลังจากผ่าท้องจระเข้ก็พบร่างของเด็กน้อย ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ปกติ ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันตะโกนเรียกชื่อหนูน้อย เพราะหวังว่าเด็กจะยังมีชีวิตอยู่ แต่นั่นก็เป็นเพียงร่างไร้วิญญาณเท่านั้น
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เด็กน้อยต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสลดใจ หน่วยทีมกู้ภัยจึงทำการนำร่างมาส่งที่บ้านของเด็ก และทำการฝังจระเข้ตัวนั้น จึงเป็นเหตุเตือนภัยให้กับผู้ปกครองที่มีเด็กเล็ก ให้ระมัดระวัง และใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย เกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะพาลูกออกไปนอกบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
พ่อแม่ที่มีลูก และชอบพาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน อาจจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และระมัดระวังมากขึ้น เพราะในช่วงวัยนี้ ลูกอาจจะชอบหยิบจับ หรือเดินเล่นไปที่อื่น เพราะลูกไม่รู้หลอกว่าที่นั่นปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ จะต้องให้ความสนใจ ใส่ใจเป็นพิเศษ
แนวทางการป้องกันเมื่อพาลูกไปเที่ยวนอกบ้าน
ลูกชายโดนจระเข้เขมือบ
รวมถึงต้องสอนให้เด็กรู้จักอันตรายจากโลกภายนอก ทั้งจากคนและรถยนต์บนถนน ในขณะเดียวกันหากต้องการทำกิจกรรม ก็ควรอธิบายกิจกรรมต่าง ๆให้ลูกเข้าใจ
- ใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุ
หากลูกขับขี่จักรยาน ก็ควรให้ลูกสวมใส่เครื่องป้องกัน หรือถ้าจะว่ายน้ำก็ต้องตั้งกฎกับลูก ๆ ให้ว่ายในที่ที่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่เท่านั้น
- ผู้ใหญ่ควรจัดการกับสิ่งที่อาจเป็นอันตรายกับเด็ก
เช่น ลวดหนามที่ตั้งไว้กลางสนาม สำหรับวิ่งเล่น หรือหากลูกว่ายน้ำ ก็ควรพาไปว่ายที่สระน้ำมากกว่าพาไปว่ายที่แม่น้ำ หรือลำคลอง
ควรระมัดระวัง การเข้าไปอยู่ในพื้นที่ ที่มีคนพลุกพล่าน หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก สวมหน้ากากอนามัย (Mask) และล้างมือบ่อย ๆ
- ระวังการสัมผัสกับเด็กบ่อย ๆ
การติดเชื้อส่วนมากเกิดได้จากการสัมผัส ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัส RSV หรือเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ ยิ่งเกิดการหอมแก้มกันจะเป็นการสัมผัสโดยน้ำลายโดยตรง ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้เหมือนกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : การ พาลูกไปนอกบ้าน 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 77
ทำอย่างไรไม่ให้ลูกเกิดการพลัดหลง
- ใส่เสื้อผ้าสีสดใสและสะดุดตา
เมื่อไปเที่ยวกับสมาชิกในครอบครัวควรสวมใส่เสื้อผ้าหรือหมวก ที่มีสีเดียวกันหรือเรียกง่ายๆ ว่าเสื้อทีม สำหรับลูกๆ ก็ควรหาเสื้อผ้าสีสันสดใสเป็นที่สะดุดตา หากเมื่อไหร่ก็ตามลูกน้อยหายจากมือไปชั่วขณะหรือหายไปจากสายตาของคุณพ่อคุณแม่ ก็จะสามารถที่จะมองหาได้ง่าย
- เขียนชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ผู้ปกครองหรือนามบัตรของคุณพ่อคุณแม่ไว้
ใส่ในกระเป๋าเสื้อลูก หรือใช้เทปแปะไว้ในรองเท้า และพกรูปถ่ายที่อัพเดตของลูกติดกระเป๋าหรือถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ เตรียมไว้เผื่อเกิดการพลัดหลง
หลีกเลี่ยงการแสดง และเครื่องเล่นที่ลูกมีแนวโน้มว่าจะกลัว ตัวอย่างเช่น หากลูกน้อยกลัวความมืด กลัวเสียงดัง หรือกลัวสัตว์บางชนิด ก็ควรหลีกเลี่ยงโซนหรือการแสดงนั้น ๆ ในเรื่องของอาการกลัวพอลูกโตขึ้นก็จะค่อย ๆ หายไปเอง
- ทำให้ลูกน้อยสบายใจ (Let him/her chill out)
แพ็คอาหารกลางวันและแพ็คน้ำผลไม้แช่แข็ง หรือซื้อไอศครีมให้ลูกน้อยทาน เด็กจะชอบ ๆ เครื่องดื่มเย็นฉ่ำ จะช่วยให้ลูกน้อยเพลิดเพลินเวลาไปเที่ยวกับคุณพ่อคุณแม่
- เดินพูดคุยอธิบายหรือเล่าสิ่งที่เห็น
เด็ก ๆ ในวัยนี้อยู่ในช่วงที่ชอบเลียนแบบ หรือซักถาม เพื่อให้การเดินทางไปเที่ยวนั้นสนุกมากยิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถฝึกทักษะโดยการให้ลูกลองสังเกตว่า ห้องน้ำอยู่ตรงไหน หรือว่าจุดประชาสัมพันธ์อยู่ส่วนไหนบ้าง เผื่อกรณีฉุกเฉินลูกจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไร
บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูก ให้มีไหวพริบ และ ปลอดภัยจากคนแปลกหน้า
สถานที่ที่ไม่ควรพาลูกไป
ลูกชายโดนจระเข้เขมือบ
การจัดปาร์ตี้สังสรรค์ ที่มีเครื่องเสียง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ควรพาลูกไปหรือไม่ควรจัด เพราะลูกอาจจะเลียนแบบพฤติกรรมตั้งแต่ยังเด็ก รวมถึงเครื่องเสียงที่ดังเกินไป อาจจะทำให้แก้วหูอักเสบได้
การที่จะพาลูกไปงานแต่ง คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงพฤติกรรมของลูกก่อนเสมอ เพราะหากลูกไปวิ่งเล่นในงาน ก็อาจจะเป็นการรบกวนคนอื่น ๆ ได้
เด็กเล็กอาจจะร้องไห้งอแง เพราะเด็กเบื่อง่าย หากไม่มีอะไรที่ดึงดูดให้เด็กสนใจ หรือเบี่ยงเบนความสนใจได้ ก็อาจจะทำให้เด็กร้องไห้ออกมา
ไม่ใช่ที่ที่เด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบควรไป เด็กที่อายุมากกว่านี้ อาจไปได้แต่ต้องมั่นใจว่า เรื่องราวในบทจะดึงดูด ความสนใจของลูกได้นาน และต้องสอนให้ลูกรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรในสถานที่นี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : พาลูกเที่ยวตามช่วงวัย สถานที่ท่องเที่ยวสไตล์คนกรุงฯ สะดวกที่ไหน ไปที่นั่น เลือกเลย
ที่มา :khaosod.co.th ,paolohospital.com ,thelovelyair.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!