เมื่อลูกน้อยของเราเริ่มเข้าสู่วัยเตาะแตะ ก็เริ่มที่จะเดินหรือคลานสำรวจสิ่งต่าง ๆ ไปทั่ว แต่แค่ดูยังไม่พอ เพราะมือน้อย ๆ ก็พลอยจะคอยหยิบจับ คว้านู่นคว้านี่ไปเรื่อย แถมบางครั้งก็ยังเอาเข้าปากไปชิมรสชาติเสียด้วย ซึ่งถ้าเป็นของที่ไม่เป็นอันตรายก็โชคดีไป อย่างมากก็แค่สกปรกเลอะเทอะไปบ้าง แต่ถ้าเจ้าตัวน้อยเผลอไปหยิบของอันตรายเข้าปากตอนที่เราละสายตาพอดีล่ะก็ อาจได้รับสารพิษ หรือติดคอจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกในวัยนี้จึงต้องจัดบ้านให้เรียบร้อย ดูให้ดีว่ามี ดูแลของใช้ในบ้าน ชิ้นไหนที่อาจเป็นอันตรายหรือไม่
ตัวอย่างอันตรายที่เกิดภายในบ้าน
1. ดูด – ช็อต
อาการโดนไฟดูด หรือโดนไฟช็อต ที่อาจเกิดจากการที่ลูกน้อยของเรา เอานิ้วไปแหย่รูปลั๊กไฟ หรือเล่นสายไฟที่มีโอกาสรั่ว ในขณะที่เราไม่ได้ระวังให้เพียงพอ
2. หนีบ
อาการอันตรายที่อาจเกิดได้จากการหนีบทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตู้หนีบ ประตูหนีบ ฯลฯ ที่เกิดจากความซุกซนของเด็ก ๆ ที่อาจจะลองเปิดปิดด้วยตนเอง ลองเอานิ้วจิ้มเข้าไป เพราะการลอกเลียนแบบ
3. ตก – ล้ม
อันตรายจากการตกจากที่สูง หรือการล้มลงไปที่พื้น ที่เกิดจากความซนที่อยากจะปีนป่าย ที่อาจจะเกิดการตกบันได, ตกโต๊ะ, ตกเตียง หรือล้มจากการพยายามเดินไปหาพ่อแม่ ที่อยู่อีกที่
4. ชน – กระแทก
โดยส่วนใหญ่แล้ว อันตรายเหล่านี้ มักเกิดจากการที่ในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ และมีเด็กเล็กที่อยู่ในวัยที่กำลังอยากเรียนรู้ อาจจะยังไม่เข้าใจได้ว่าการ ชนโต๊ะ ชนเตียง ชนตู้-เสา หรือบริเวณที่มีมุมแหลม จะสามารถทำให้ตัวเองเจ็บปวดได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ระวัง! 9 ของใช้ในบ้าน ตัวการก่อมะเร็ง
วิธีป้องกันอันตรายเบื้องต้นจาก ของใช้ในบ้าน
1. อุด : คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเริ่มทำการสำรวจค่ะ ว่าบริเวณใดบ้างที่มีรู มีช่อง ให้หาทางปิดไว้ หรือเก็บให้พ้นมือเด็ก หากไม่สามารถเก็บไว้พ้นมือได้ แนะนำให้หาอะไรมาปิดไว้ อาทิเช่น ที่อุดปลั๊กไฟ นำมาติดไว้เพื่อเด็ก ๆ จะได้ไม่แหย่ และยากต่อการแกะ
2. กั้น : ข้อนี้อาจจะต้องเริ่มจากการจำกัดวงการเล่นของน้อง ๆ หรือหาวัสดุมาปิดกันประตูเปิด-ปิด หรือตัวช่วยที่ทำให้ไม่ได้เปิดเฟอร์นิเจอร์นั้นง่ายขึ้น ก็จะพอช่วยไม่ให้น้องเปิดแล้วปิดหนีบมือตัวเองได้ อาทิ ตัวล็อกลิ้นชัก, โฟมกั้นประตูเปิดปิด ก็มีส่วนช่วยได้มากเช่นกันค่ะ
3. รอง : เมื่อน้องวัยกำลังตั้งไข่ หรือวัยกำลังหัดเดิน อาจจะต้องมีหกล้มอยู่บ่อยครั้ง แนะนำแผ่นปูรองพื้นนุ่ม ๆ หรือแผ่นรองคลานลายน่ารัก ๆ ที่สามารถทำความสะอาดง่าย ๆ มาติดบ้านไว้ เมื่อยามน้องล้มจะได้ลดความอันตรายที่เกิดขึ้นไปค่ะ
4. ติดกันกระแทก : ตัวช่วยสำคัญที่สุดและมีความสวยงามขอเฟอร์นิเจอร์นั้น ๆ อยู่ก็คือ การติดด้วยโฟมกันกระแทก บริเวณที่เฟอร์นิเจอร์ที่คิดว่าจะเป็นอันตรายได้ง่าย จากการชนหรือล้มมาโดน อาทิ มุมแหลม ขอบ สันเป็นต้น
10 วิธี ดูแลของใช้ในบ้าน ที่เป็นอันตราย
1. ของมีคม
จริงอยู่ว่าคงไม่มีใครวางมีดทิ้งไว้ทั่วบ้าน แต่บางครั้งเวลาแค่เสี้ยววินาทีที่คุณแม่ละสายตาจากการทำอาหารเพื่อไปรับโทรศัพท์ หรือทำอย่างอื่น เจ้าตัวน้อยก็คว้ามีดไปเล่นจนโดนมีดบาดเสียแล้ว เพราะฉะนั้นต้องอย่าประมาทเด็ดขาด แม้ว่าจะลุกไปทำธุระแค่แป๊บเดียวก็ต้องนำมีดไปเก็บให้ดี หรือวางไว้ในจุดที่มั่นใจว่าลูกจะหยิบไม่ถึงแน่นอน นอกจากนี้ก็ยังมีคัตเตอร์ที่เราเก็บรวมไว้กับเครื่องเขียนอื่น ๆ หากลูกไปหยิบมาเล่นก็อาจเป็นอันตรายได้เช่นกันค่ะควรเก็บใส่ตู้ให้มิดชิด
2. น้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก
เพราะน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ มักจะมีสีสันสดใสเตะตาเด็กน้อย แถมบางครั้งยังมีกลิ่นผลไม้อีกด้วย ทำให้เด็ก ๆ อาจเข้าใจว่าเป็นน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ แล้วหยิบไปดื่มได้ เพราะฉะนั้นน้ำยาเหล่านี้ควรเก็บไว้ในตู้ที่ปิดมิดชิด ทางที่ดีล็อกกุญแจเอาไว้ด้วยจะดีที่สุดค่ะ
3. ของที่แตกได้ เช่น จาน ชาม แจกัน กระถางต้นไม้
จานชามเป็นสิ่งที่ต้องใช้กันทุกบ้านอยู่แล้วจนเราอาจลืมไปว่า มันก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน เพราะถ้าเด็ก ๆ ไปปีนโต๊ะ หรือดึงผ้าปูโต๊ะจนจานชามตกมาใส่ล่ะก็เป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องอย่าวางจานชามทิ้งไว้บนโต๊ะอาหาร และทางที่ดีงดใช้ผ้าปูโต๊ะ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกดึงจนของบนโต๊ะตกลงมาด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีแจกันและกระถางต้นไม้ที่ต้องระวังอีกด้วย เพราะเด็ก ๆ อาจไปปีน หรือไปปัดโดนจนล้มลงมาแตกได้ค่ะ
4. ตู้ ชั้นวางของ
อย่าคิดว่าตู้หรือโต๊ะจะไม่เป็นอันตรายนะคะ เพราะถ้าเด็ก ๆ ไปปีนป่ายล่ะก็ตู้อาจจะล้มลงมาทับเด็กได้ ทางที่ดีหาซื้ออุปกรณ์สำหรับยึดเฟอร์นิเจอร์กับกำแพงมาใช้ก็จะช่วยป้องกันได้ค่ะ นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องเหลี่ยมมุมตามตู้โต๊ะ เพราะเด็กเล็กอาจจะยังเดินไม่คล่องนักทำให้ล้มบ่อย และอาจไปฟาดนู่นนี่จนหัวโนได้ แต่ถ้าโชคร้ายไปชนตามมุมแหลมของเฟอร์นิเจอร์ได้ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาที่ป้องกันมาติดตามเหลี่ยมมุมของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ในที่ ๆ ลูกเราเดินผ่านบ่อย ๆ นะคะ
5. ถ่าน
ถ่านจำพวกถ่านไฟฉายหรือถ่ายกระดุมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อันตรายอย่างมาก เพราะมีขนาดที่กำลังพอดีสำหรับมือเด็ก ๆ ซึ่งถ้าลูกเอาเข้าปากล่ะก็นอกจากจะเป็นอันตรายเพราะสารเคมีแล้ว ยังอาจหลุดลงคอจนอุดกั้นทางเดินหายใจอีกด้วยค่ะ ดังนั้นควรเก็บให้เป็นที่ ส่วนถ่านที่หมดแล้วก็อย่าวางทิ้งไว้ ควรห่อกระดาษให้ดีแล้วนำไปทิ้งทันทีนะคะ
6. ยา
เชื่อว่าบางคนคงเคยทำยาตกตามใต้ตู้ใต้เตียงแล้วหาไม่เจอเลยปล่อยทิ้งไว้และหยิบเม็ดใหม่มากินแทน ซึ่งห้ามทำเด็ดขาดเลยค่ะหากว่าเรามีเด็กเล็กที่บ้าน เพราะเด็กอาจไปเจอและคิดว่าเป็นลูกอมได้ ซึ่งถ้าเด็กกินเข้าไปจะเป็นอันตรายอย่างมาก
บทความที่เกี่ยวข้อง : 7 ของใช้ในบ้าน ที่ไม่ควรลืมทำความสะอาด
7. น้ำมันหอมระเหย
ถึงแม้ว่าการใช้น้ำมันหอมระเหยจะทำให้เรารู้สึกสดชื่น และผ่อนคลาย แต่ถ้าสูดดมมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ รวมถึงถ้าเจ้าตัวน้อยเผลอไปหยิบมากินล่ะก็อันตรายสุด ๆ เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้ก็ใช้แต่พอดี และตั้งไว้ในจุดที่มั่นใจว่าลูกจะหยิบไม่ถึงนะคะ
8. เหรียญ
เหรียญก็เป็นอีกหนึ่งในสิ่งที่เรามักมองข้าม และวางเศษเหรียญทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ทั่วบ้าน ซึ่งเด็กอาจจะนำเข้าปากได้ และมีกรณีที่เด็กทำเหรียญติดคอจนหายใจไม่ออกบ่อยเลยล่ะค่ะ
9. อ่างบัว บ่อปลา ถังน้ำ
เด็กเกือบทุกคนชอบเล่นน้ำกันอยู่แล้วค่ะ เพียงแต่ว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ดูให้ดูล่ะก็ ลูกอาจเสียหลักและพลัดตกลงไปในน้ำได้ และแม้ว่าจะเป็นภาชนะเล็ก ๆ อย่างเช่นอ่างบัวหรือถังน้ำก็ยังเป็นอันตรายอยู่ดี เพราะเด็กอาจไม่มีแรงพอที่จะดันตัวเองขึ้นจนอาจทำให้จมน้ำได้ค่ะ
10. บันได
ข้อสุดท้ายนี้แม้จะไม่ใช่สิ่งของแต่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่อันตรายสำหรับเด็ก ๆ ค่ะ เพราะเจ้าตัวน้อยอาจเล่นซน จนตกบันไดหรือหัวไปติดตามช่องของราวบันไดได้ คุณพ่อคุณแม่ควรใช้ประตูสำหรับกั้นบันได เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเดินขึ้นลงบันไดเองได้ และหากราวบันไดของเรากว้างจนลูกอาจตกหรือเอาหัวลอดไปได้ล่ะก็ ควรหาลูกกรงหรือตาข่ายมากันไว้เพื่อความปลอดภัยดีกว่าค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
5 สารเคมีอันตรายใน น้ำยาซักผ้าเด็ก และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับลูกรัก
เด็กเล็กเล่นกระบะทรายปลอดภัยหรือไม่ ? อันตรายกับลูกไหม ?
5 ภัยใกล้ตัวลูก เตือนพ่อแม่ !! ให้รู้เท่าทันอันตรายรอบตัวเด็ก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!