ปกติเวลาที่คนเรานอนหลับ เสียงลมหายใจจะสม่ำเสมอเป็นปกติ อาาจจะมีกรนบ้าง ละเมอบ้าง หรือ นอนกัดฟันบ้าง ทารกเองก็มีลักษณะ การนอนหายใจไม่ต่างจากผู้ใหญ่ แต่ คุณพ่อ คุณแม่ บางคนอาจได้ยิน ลูกหายใจครืดคราด ทำให้ไม่สบายใจกลัวว่าลูก จะเป็นอะไรมาก หรือเปล่า คุณพ่อ คุณแม่ อย่างเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป ลองดูวิธีแก้ปัญหาเองเบื้องต้นกันก่อนดีกว่า
เข้าฤดูฝนที่ไรไม่ว่าใครก็ไม่ยอม ตกเทรนเป็นหวัดกันงอมแงมกันทั่วเมือง ไม่ว่าจะรับไวรัสตัวนี้มาจากที่ไหน ก็ตามเรายังทานยาสั่งน้ำมูกออกมา และ ดูแลตัวเองให้หายหวัดได้ แต่สมาชิกที่มีภูมิคุ้มกันโรคน้อยที่สุด ในบ้านก็คงหนีไม่พ้นลูกน้อยแรกเกิดของคุณ เวลาคัดจมูก ก็หายใจครืดคราด ฟังแล้วก็สงสารลูกเพราะ ลูกไม่สามารถสั่งน้ำมูกเองได้ เวลาเราคัดจมูกเรายังรำคาญเลย แล้วลูกเราจะรู้สึก ทรมานขนาดไหนกันนะ เอาเป็นว่าเรามาดูวิธีล้างจมูกลูก ที่เราสามารถ ทำเองที่บ้านได้กันเลย
ลูกหายใจไม่ออก อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับล้างจมูก
- น้ำเกลือ ที่โรงพยาบาลใช้ยี่ห้อ Klean & Kare ไม่ใช่น้ำเกลือแบบฉีดเข้าเส้นนะคะ
- ลูกยางแดง หรือ ที่ดูดจมูกยี่ห้ออื่น
- คอตตอนบัดที่มีหัวสำลีเรียวเล็ก
- ผ้าสะอาด
คุณพ่อ และ คุณแม่ มือใหม่อาจจะต้องช่วยกันตอนล้างจมูกครั้งแรก ๆ เพราะคนหนึ่งจะช่วยจับหัวไม่ให้ลูกดิ้นไปมา (หรือจะทำตอนลูกหลับเหมือนดิฉันก็ได้) อีกคนหนึ่งก็ทำหน้าที่ล้างจมูก
ขั้นตอนในการล้างจมูก
- หยดน้ำเกลือเข้าจมูกข้างใดข้างหนึ่งก่อนประมาณ 3 หยด เพื่อช่วยให้ขี้มูกแข็งในจมูกอ่อนนุ่มลง
- บีบลูกยางแดงเพื่อ ไล่อากาศออกเพื่อสร้างแรงดูดแล้วนำปลาย ลูกยางสอดเข้าไปในรูจมูกข้างที่หยดน้ำเกลือ จากนั้นรีบคลายแรงบีบลูกยางแดง ออกเพื่อดูดขี้มูกออกมา
- เมื่อดูดขี้มูกลูกออกมา แล้วให้บีบทิ้งลงถังขยะ
- ดูดซ้ำหากยังมีขี้มูกเหลืออยู่
- ทำซ้ำอีกข้างหนึ่ง
ประสบการณ์ล้างจมูกลูกน้อย
บางครั้ง เมื่อดูดขี้มูกออกโดยใช้ ลูกยางแดงแล้ว ขี้มูกดันไม่ติดลูกยางแดงออกมาอย่างที่คิด อาจจะค้างอยู่ตรงรูจมูกที่เราสามารถมองเห็น จะดูดอีกลูกก็ดิ้น ร้องไห้หน้าแดงจนเราไม่กล้าจะทำอะไรแล้วเพราะเห็นว่าลูกทรมาน จริง ๆ แล้วลูกไม่เจ็บนะคะ ไม่ทรมานด้วย มีขี้มูกอยู่เนี่ยทรมานกว่าอีกค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ ต้องใจแข็ง ที่ลูกดิ้น และ ร้องไห้เพราะลูกรำคาญ ถ้าไม่กล้าดูดก็ใช้คอตตอนบัดเขี่ยออกมา ในกรณีที่มองเห็นขี้มูก บางครั้งเวลาหยดน้ำเกลือ ลงไปในจมูก น้ำเกลืออาจจะผสม กับ น้ำมูกแล้วไหลลงมาในปากลูก ลูกจะดันออกมาทางปาก คุณพ่อ คุณแม่ ก็เอาผ้าสะอาดช่วยเช็ดขี้มูกที่ไหล ออกมาทางปากแทน การดูดด้วยลูกยางแดง
คุณลุงที่ฉันรู้จักเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนตอนลุงเลี้ยงลูก แรงดูดลูกยางแดงมันไม่สะใจลุง ลุงเลยใช้ ปากลุงดูดเองซะเลย ใครจะใช้วิธีนี้ก็ไม่มีใคร สงวนลิขสิทธิ์นะคะ หรือ หากบ้านคุณอยู่ใกล้โรงพยาบาลก็สามารถพาลูก ไปล้างจมูกที่โรงพยาบาล ได้เหมือนกัน ทางโรงพยาบาลจะ จ่ายยาเป็นน้ำเกลือ และ ท่อที่ต่อกับสายดูดกลับมาที่บ้าน เวลาพาลูกไปล้างจมูกก็ให้พกไปด้วยทั้ง 2 อย่างนะคะ
ที่มาอ้างอิง https://momandbaby.net/parenting/raising-children01/respiration02012016/
สาเหตุที่ทำให้ลูกหายใจเสียงดัง ลูกหายใจครืดคราด
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการแพ้อาหารก็สามารถทำให้ลูกของเราหายใจเสียงดังได้เช่นกัน เพราะการแพ้อาหารไม่ได้เกิดขึ้นได้แค่เพียงผื่นขึ้น ตาบวม หรือปากบวมเท่านั้น แต่การแพ้อาหารนั้นอาจส่งผลทำให้เยื่อบุโพรงจมูกของลูกเราบวม หรือบางกรณีอาจมีเสมหะติดคอ จนทำให้ลูกของเราหายใจเสียงดังนั้นเอง
บทความที่น่าสนใจ : ลูกแพ้อาหารต้องทำอย่างไร เคล็ดลับการดูแลลูกแพ้อาหารในแต่ละช่วงวัย
-
เกิดจากการดื่มนมมากเกินไป
อีกหนึ่งข้อที่สำคัญมาก ๆ คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะกำลังคิดว่าการที่เราให้ลูกดื่มนมในปริมาณมากคงเป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่ลูกของเราจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง และโตเร็ว ๆ อย่างที่รู้กันดีว่านมเป็นอาหารหนึ่งชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก แต่สิ่งเหล่านี้ถ้าเราให้ลูกดื่มในปริมาณที่มากก็อาจส่งผลอันตรายต่อลูกได้เช่นกัน โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดจนถึง 3 เดือนแรก คุณแม่ต้องระวังเพราะเมื่อไหร่ที่เราชอบให้ลูกดูดนมตอนร้องไห้อยู่เป็นประจำ ลูกก็จะมีเสียงครืดคราดอยู่ในคอ น้ำนมล้นออกมาจากปาก จนทำให้ลูกของเราอาเจียนได้เลย
-
เกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าโพรงจมูก
อีกหนึ่งสาเหตุที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเราควรใส่ใจ อย่างที่รู้กันดีว่าเด็กส่วนใหญ่ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรก็ตาม เขามักจะห่วงเล่นและชอบหยิบจับสิ่งของบริเวณนั้นเข้ามาใกล้ตัว จนบางครั้งเราอาจจะลืมนึกไปว่าการที่เรา ปล่อยให้ลูกเล่นนั้น อาจส่งผลทำให้ฝุ่นละอองต่าง ๆ เข้ารูจมูกลูกได้ และถ้าลูกเล่นแบบนี้ปล่อย ๆ เป็นเวลานาน ๆ สิ่งนี้ก็อาจส่งผลทำให้ลูกของเรากลายเป็นโรคภูมิแพ้และเป็นหวัดได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดบ้านอยู่เป็นประจำ รวมถึงของเล่นของลูกด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกของเราป่วยนั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้ลูกของเราหายใจอีกหนึ่งปัจจัยอาจเป็นเพราะภาวะกรดไหลย้อน โดยกรณีนี้อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณหูรูดรอบหลอดอาหารอ่อนแรง ส่งผลให้นมและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมาที่ท่อหลอดอาหารเหมือนเดิม และสาเหตุนี้เองที่ทำให้ลูกของเราหายใจลำบากและส่งเสียงดังขณะหายใจ
มากันที่ข้อนี้บ้าง ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนในแต่ละวัน คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็กลัวลูกจะร้อนและนอนลำบาก จนต้องปรับอุณหภูมิห้องไปตาม ๆ กัน แต่การที่เราเปิดแอร์เป็นประจำหรือทำให้อากาศภายในห้องเย็นจนเกินไป สิ่งนี้ก็อาจทำให้ลูกของเราป่วยไม่สบาย เพราะเมื่อไหร่ที่อากาศเย็นและแห้งเยื่อบุจมูกก็จะบวม หลั่งน้ำมูกออกมา ส่งผลทำให้ลูกหายใจแรงขึ้นมาง่าย ๆ เลย
บทความที่น่าสนใจ : อาบน้ำเด็กไข้ขึ้นสูง วิธีลดไข้สูง ทำให้ลูกไข้ลด ต้องใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น อาบน้ำลูก
โดยโรคนี้อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็นผลมาจากกระดูกอ่อนของหลอดลมลูกเราไม่แข็งแรง เพราะโดยปกติแล้วถ้ากระดูกอ่อนของหลอดลมแข็งแรงจะมีลักษณะที่ไม่แฟบ แต่ถ้ากรณีที่ไม่แข็งแรงก็จะมีลักษณะแฟบ ส่งผลทำให้เวลาลูกเราหายใจมีเสียงครืดคราด และหายใจเสียงดังนั่นเอง
ลูกหายใจครืดคราด วิธีสังเกตอาการลูก
- การที่คุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้ว่าลูกหายใจเสียงดังไหม เราก็อาจจะใช้หลังมือ หรือแก้มสัมผัสการหายใจของลูก โดยอาจจะเช็คได้จากความชื้นของลมหายใจว่าอุณหภูมิเป็นยังไงบ้าง
- การฟังเสียงหายใจของลูกในขณะนอนหลับก็เป็นอีกข้อที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง ดังนั้นขณะที่ลูกเราหลับเราก็อาจจะเอาหูมาแนบที่ปากหรือจมูกของลูก เพื่อฟังเสียงการหายใจว่าผิดปกติหรือเปล่า และเมื่อไหร่ที่ลูกหายใจแรงหรือมีความผิดปกติ เราอาจจะขอคำแนะนำหรือปรึกษาแพทย์ได้เลย
- อีกหนึ่งการสังเกตที่ดูว่าลูกของเราหายใจเสียงดังไหม นั่นก็คือสังเกตจากการเคลื่อนไหวบริเวณหน้าท้องและหน้าอกของลูก โดยการสังเกตนั้นเราอาจจะใช้มือสัมผัสบริเวณหน้าท้องของลูก พร้อมกับการนับจับเวลาประมาณ 1 นาที ซึ่งการสัมผัสนั้นเราจะต้องสัมผัสเบา ๆ ไม่ควรแรงจนเกินไปเพื่อที่จะลูกจะได้ไม่ตื่นหรือร้องในกลางดึก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
คัดจมูก ลูกคัดจมูกทำไงดี อาหารชนิดไหนช่วยลดอาการคัดจมูกได้บ้าง
ลูกป่วยกระทันหัน มีผื่น ตัวร้อนมาก เซื่องซึม ต้องทำอย่างไร
พัฒนาการเด็ก 4 ขวบ 9 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เสริมทักษะอะไรให้ลูกดี
กระทู้ที่น่าสนใจ : community.theasianparent.com/q/สวัสดีค่ะแม่ๆ_เชื่อว่าแม่ๆห/4009316
ที่มา : LINE TODAY,Kapook
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!