การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมบูรณ์ของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ หรือสติปัญญา เราจะมาทำความรู้จักกับ ‘Wake Windows’ หรือ ช่วงเวลาตื่นของเด็ก สิ่งนี้ช่วยแก้ปัญหาลูกนอนยากได้อย่างไร และส่งผลดีต่อคุณภาพการนอนหลับของลูกน้อยอย่างไร บทความนี้มีคำตอบค่ะ
Wake Windows คืออะไร?
Wake Window หรือ ช่วงเวลาตื่น คือระยะเวลาที่เด็กสามารถตื่นและทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสบายโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้าหรืองอแง เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของเด็กยังไม่สะสมความเหนื่อยมากเกินไปจนส่งผลต่อการนอนหลับครั้งต่อไป
ดังนั้น Wake Window คือระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการให้เด็กทำกิจกรรมก่อนที่จะถึงเวลานอนหลับครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการนอนกลางวันหรืองีบหลับ (Nap) หรือการนอนหลับยาวในตอนกลางคืนนั่นเองค่ะ
หลักการทำงานของ Wake Window
Wake Window ทำงานโดยอาศัยความสมดุลของ 2 ความง่วง และนาฬิกาชีวิตของเด็ก
เมื่อเด็กตื่น ร่างกายจะค่อยๆ สร้างสารเคมีที่ทำให้ง่วงนอน เหมือนกับการสะสมพลังงานที่ใช้ไป ยิ่งเด็กตื่นนานเท่าไหร่ สารเคมีนี้ก็จะยิ่งสะสมมากขึ้น ทำให้เด็กรู้สึกง่วงมากขึ้น
ปัญหาคือ ถ้าปล่อยให้เด็กตื่นนานเกินไป เรียกว่า “Overtired” ร่างกายจะหลั่งสารที่ทำให้ตื่นตัว แทนที่จะง่วง เด็กกลับจะตื่นตัวเกินไป ทำให้หลับยากและหลับไม่สนิท
-
นาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm)
นาฬิกาชีวิตเป็นเหมือนระบบนาฬิกาภายในร่างกายที่บอกให้รู้ว่าเมื่อไหร่ควรตื่นและเมื่อไหร่ควรง่วง โดยได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม เช่น แสงสว่างและความมืด โดยนาฬิกาชีวิตจะบอกให้ร่างกายตื่นตัวในตอนกลางวันและง่วงนอนในตอนกลางคืน

Wake Window ช่วยอย่างไร?
Wake Window ช่วยให้เราจัดตารางการนอนของเด็กให้พอดีกับความง่วงและนาฬิกาชีวิต นั่นคือ เมื่อเราให้เด็กนอนในช่วงเวลาที่เหมาะสม (ภายใน Wake Window) ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กง่วงพอดีและนาฬิกาชีวิตก็พร้อมสำหรับการนอน เด็กจะหลับได้ง่ายขึ้น หลับได้นานขึ้น หลับได้สนิทมากขึ้น
ช่วงเวลา Wake Windows ของเด็กแต่ละวัย
ช่วงเวลา Wake Window ของเด็กจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัย เนื่องจากความต้องการในการนอนหลับและนาฬิกาชีวภาพของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ โดยทั่วไปแล้ว เด็กเล็กจะมี Wake Window ที่สั้นกว่าเด็กโต เนื่องจากเด็กเล็กต้องการการนอนหลับที่บ่อยกว่า
ตัวอย่างช่วงเวลา Wake Window โดยประมาณ (อาจแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน)
|
ช่วงอายุ |
|
ทารกแรกเกิด (0-3 เดือน) |
45-60 นาที |
ทารก (3-6 เดือน) |
1.5-2.5 ชั่วโมง |
ทารก (6-12 เดือน) |
2.5-4 ชั่วโมง |
เด็กวัยหัดเดิน (1-3 ปี) |
4-6 ชั่วโมง |
ความสำคัญของ Wake Window ต่อการนอนหลับของเด็ก
การจัดการ Wake Window อย่างเหมาะสมช่วยให้เด็กหลับได้ง่ายขึ้นและหลับได้นานขึ้น ซึ่งเมื่อเราให้เด็กเข้านอนในช่วงเวลาที่เหมาะสม (ภายใน Wake Window) ร่างกายของเด็กก็จะอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการนอนหลับ ข้อดีคือ
- หลับได้ง่ายขึ้น เด็กจะไม่ต้องใช้เวลานานในการกล่อมตัวเองให้หลับ หรือพลิกตัวไปมาบนเตียง
- หลับได้นานขึ้น เด็กจะไม่ตื่นกลางดึกบ่อย หรือตื่นเช้าเกินไป ทำให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
ผลกระทบของการปล่อยให้เด็กตื่นนานเกินไป (Overtired) และการตื่นน้อยเกินไป (Undertired)
|
ตื่นนานเกินไป |
ตื่นน้อยเกินไป |
เมื่อเด็กตื่นนานเกินไป ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) เพื่อพยายามให้เด็กตื่นตัว ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการนอนหลับ |
เมื่อเด็กตื่นน้อยเกินไป ร่างกายยังไม่สะสมความต้องการในการนอนหลับมากพอ ทำให้เด็กไม่รู้สึกง่วง |
ผลกระทบ:
- หลับยาก
- ตื่นบ่อยกลางดึก
- หลับไม่สนิท
- งอแง หงุดหงิดง่าย
|
ผลกระทบ:
- ใช้เวลานานในการกล่อมให้หลับ
- หลับๆ ตื่นๆ
- ตื่นเช้าเกินไป
|

ผลกระทบของการนอนหลับที่ไม่เพียงพอต่อพัฒนาการของเด็ก
การนอนหลับที่ไม่เพียงพอส่งผลเสียต่อพัฒนาการของเด็กในหลายด้าน ดังนี้
|
พัฒนาการ |
ผลกระทบ |
พัฒนาการทางร่างกาย |
- การเจริญเติบโตช้าลง (เนื่องจาก growth hormone จะหลั่งออกมาขณะหลับ)
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้ป่วยง่าย
|
พัฒนาการทางสติปัญญา |
- สมาธิสั้นลง
- ความจำไม่ดี
- เรียนรู้ได้ช้า
- มีปัญหาด้านการแก้ปัญหา
|
พัฒนาการทางอารมณ์และสังคม |
- หงุดหงิดง่าย
- อารมณ์แปรปรวน
- มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์
- มีปัญหาในการเข้าสังคม
|
ดังนั้น การจัดการ Wake Window อย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อเด็กมีการนอนหลับที่ดีของเด็ก ก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการในทุกด้านของชีวิตนั่นเองค่ะ

|
เคล็ดลับในการจัดการ Wake Window |
- สังเกตสัญญาณง่วงนอนของลูกน้อย
|
จับตาดูอาการต่างๆ เช่น หาว ขยี้ตา มองเหม่อ หงุดหงิด เพื่อจับเวลาเข้านอนที่เหมาะสม |
- สร้างกิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอ
|
ทำกิจกรรมเดิมๆ ก่อนนอนทุกคืน เช่น อาบน้ำ อ่านนิทาน กล่อมนอน เพื่อให้ลูกรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว |
- จัดสภาพแวดล้อมในการนอนหลับให้เหมาะสม
|
ห้องนอนควรเงียบ มืด และเย็นสบาย เพื่อส่งเสริมการนอนหลับที่ดี |
- สังเกตเวลาที่ลูกนอนและปรับเปลี่ยน
|
จดบันทึกเวลานอนของลูกในแต่ละวัน และปรับ Wake Window ตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูก |
โดยสรุป Wake Window คือการหาเวลาที่พอดีที่สุดในการให้เด็กนอน ไม่เร็วไปจนยังไม่ง่วง และไม่ช้าไปจนตื่นตัวเกินไป เพื่อให้เด็กนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำความเข้าใจและปรับใช้หลักการของ Wake Window จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดตารางการนอนของลูกให้สอดคล้องกับความต้องการของร่างกายและนาฬิกาชีวิต ซึ่งจะนำไปสู่การนอนหลับที่ง่ายขึ้น ยาวนานขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อพัฒนาการในทุกด้านของชีวิตลูกน้อยค่ะ
ที่มา: Doctor MM Family เมาท์เรื่องลูกกับหมอมะเหมี่ยว , ลูกนอนแม่ได้นอน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทารกง่วงแต่ไม่ยอมนอน ทำไงดี? แนะวิธีแก้ ก่อนกระทบพัฒนาการลูกน้อย!
ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน ทำไงดี? จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการไหม?
ลูกนอนผวา ร้องไห้ เรื่องที่คุณแม่ต้องเข้าใจ และรับมืออย่างเหมาะสม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!