การนอนกลางวันจำเป็นต่อการพักผ่อนร่างกายและสมอง เสริมสร้างพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญา แต่คุณพ่อคุณแม่อาจพบเจอปัญหาหนักใจ เมื่อ ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน งอแง ส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไป เจาะลึกสาเหตุที่ทำให้ ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อให้ลูกน้อยกลับมานอนกลางวันได้อย่างสบายใจ และเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย
สาเหตุที่เด็กไม่อยากนอนกลางวัน
ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ มาดูกันค่ะว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง
- วัย เด็กแต่ละวัยมีความต้องการในการนอนหลับที่แตกต่างกัน เมื่อลูกอายุมากขึ้น ความต้องการในการนอนกลางวันจะค่อยๆ ลดลง
- ไม่อยากหยุดเล่น เด็กๆ มักจะสนุกกับการเล่น การสำรวจ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พวกเขาอาจรู้สึกว่าการนอนกลางวันเป็นการเสียเวลา และทำให้พลาดช่วงเวลาสนุกๆ ไป
- เหนื่อยเกินไป เด็กที่เหนื่อยล้ามากเกินไป อาจกระสับกระส่าย และนอนหลับยาก เพราะร่างกายอยู่ในภาวะตื่นตัวสูงเกินไป
- ตื่นเต้นเกินไป หากมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น เช่น การไปเที่ยว การมีแขกมาบ้าน หรือการฉลองวันเกิด เด็กอาจตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
- หิวเกินไป ความหิว หรือความอิ่มเกินไป อาจทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว และนอนหลับยาก
- สภาพร่างกายไม่ปกติ หากลูกน้อยป่วย ไม่สบาย หรือมีอาการเจ็บปวด เช่น เป็นไข้ ไอ หรือมีผื่นคัน อาจทำให้ลูกนอนหลับไม่สนิท
- สุขลักษณะการนอนไม่ดี สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น มีเสียงดัง แสงสว่างมากเกินไป อุณหภูมิห้องไม่เหมาะสม หรือที่นอนไม่สบาย อาจรบกวนการนอนหลับของลูก
- สาเหตุอื่นๆการเปลี่ยนแปลงตารางการนอนหลับ เช่น การเดินทาง การเปลี่ยนเวลาเข้านอน อาจทำให้เด็กสับสน และนอนหลับยากขึ้น หรืออาจเกิดจากความเครียด เช่น การทะเลาะกับเพื่อน การปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ อาจทำให้เด็กรู้สึกเครียด และนอนไม่หลับ
ผลกระทบหากลูกนอนกลางวันไม่เพียงพอ
การนอนกลางวันไม่เพียงพอ ส่งผลเสียต่อเด็กๆ มากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่เรื่องงอแง แต่ยังส่งผลต่อพัฒนาการในด้านต่างๆ อีกด้วย มาดูกันค่ะว่า การอดนอนกลางวัน ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยอย่างไรบ้าง
|
ผลกระทบหากลูกนอนกลางวันไม่เพียงพอ
|
1. พัฒนาการ |
- พัฒนาการทางร่างกาย: การนอนหลับช่วยในการหลั่งโกรทฮอร์โมน หากนอนไม่พอ อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย เช่น เตี้ย น้ำหนักน้อย หรือภูมิคุ้มกันต่ำ
- พัฒนาการทางสมอง: การนอนหลับช่วยให้สมองได้พักผ่อน และประมวลผลข้อมูล หากนอนไม่พอ อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมอง เช่น ความจำ สมาธิ การเรียนรู้ และการแก้ปัญหา
|
2. อารมณ์ |
- หงุดหงิดง่าย: เด็กที่นอนไม่พอ มักจะหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย และควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยาก
- อารมณ์แปรปรวน: อาจมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เช่น เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ ทำให้ยากต่อการเข้าใจ และดูแล
|
3. พฤติกรรม |
- สมาธิสั้น: เด็กที่นอนไม่พอ มักจะมีสมาธิสั้น จดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้ยาก ส่งผลต่อการเรียนรู้ และการทำกิจกรรม
- อยู่ไม่นิ่ง: อาจมีพลังงานเหลือเฟือ ซุกซน และอยู่ไม่สุข ทำให้ควบคุมตัวเองได้ยาก
- พฤติกรรมก้าวร้าว: ในบางกรณี เด็กที่นอนไม่พอ อาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น กัด ตี หรือทำร้ายผู้อื่น
|
4. ผลกระทบอื่นๆ |
- ปัญหาการกิน: เบื่ออาหาร กินน้อยลง หรืออยากกินจุบจิบตลอดเวลา
- ปัญหาการนอน: นอนหลับยาก ตื่นบ่อย หรือนอนกรน
- ปัญหาสุขภาพ: ป่วยบ่อย ภูมิคุ้มกันต่ำ
|
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการนอนกลางวันของลูก และพยายามหาสาเหตุ พร้อมแก้ไขปัญหา เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และมีพัฒนาการที่ดีในทุกๆ ด้านค่ะ

เด็กแต่ละวัยควรนอนกลางวันนานแค่ไหน
ความต้องการในการนอนกลางวันของเด็กๆ จะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย โดยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เมื่อโตขึ้น มาดูกันค่ะว่าในแต่ละช่วงวัย ลูกน้อยควรนอนกลางวันนานแค่ไหน
- ทารกแรกเกิด: ช่วงแรกเกิด เจ้าตัวเล็กจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการนอน ตื่นมากินนมแล้วก็นอนต่อ โดยจะนอนหลับประมาณ 3-4 ชั่วโมงสลับกับการตื่น
- 2 เดือนขึ้นไป: เมื่อลูกน้อยอายุ 2 เดือนขึ้นไป พวกเขาจะเริ่มแยกแยะกลางวันและกลางคืนได้ดีขึ้น ทำให้เริ่มนอนกลางวันน้อยลง และนอนหลับยาวนานขึ้นในเวลากลางคืน
- 1 ขวบ: เมื่อเข้าสู่วัยเตาะแตะ เด็กๆ จะเริ่มสนใจโลกภายนอกมากขึ้น การนอนกลางวันจะลดลงเหลือ 2-3 ครั้งต่อวัน อาจเป็นการงีบหลับสั้นๆ ช่วงเช้าและบ่าย
- 2-3 ขวบ: ในวัยนี้ เด็กบางคนอาจไม่ต้องการนอนกลางวันแล้ว แต่บางคนก็ยังคงต้องการงีบหลับในช่วงบ่าย ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
- 4-5 ขวบ: เด็กส่วนใหญ่ในวัยนี้จะไม่นอนกลางวันแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กบางคนที่ยังคงงีบหลับช่วงบ่ายอยู่บ้าง
รู้ได้อย่างไรว่าลูกไม่ต้องนอนกลางวันแล้ว?
ลองสังเกตพฤติกรรมของลูก หากลูกมีลักษณะดังต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณว่าลูกไม่จำเป็นต้องนอนกลางวันแล้วค่ะ
- นอนหลับตอนกลางคืนได้นาน 10-12 ชั่วโมง โดยไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก
- ตื่นนอนตอนเช้าด้วยตัวเอง และรู้สึกสดชื่น พร้อมสำหรับกิจกรรมในแต่ละวัน
- ไม่มีอาการง่วงนอน หงุดหงิด หรือไม่มีสมาธิในช่วงบ่าย
- ไม่มีปัญหาในการเรียนรู้ และเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ลูกจะไม่นอนกลางวันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจัดเวลาให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในช่วงบ่าย เช่น ให้ลูกนั่งเล่นเงียบๆ อ่านหนังสือ หรือนอนฟังนิทาน เล่นเกมส์ที่ไม่ต้องใช้พลังงานมาก เช่น ต่อบล็อก วาดรูป หรือ ฟังเพลงเบาๆ ผ่อนคลาย เป็นต้น เพราะการพักผ่อน แม้จะไม่ใช่การนอนหลับ ก็ช่วยให้สมองได้ผ่อนคลาย ลดความเหนื่อยล้า และส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยเช่นกัน
แต่หากลูกมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณว่าลูกยังต้องการการนอนกลางวันอยู่
- ง่วงนอนมากในช่วงเย็น
- กินอาหารเย็นไม่ได้
- หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ
- มีปัญหาในการนอนหลับตอนกลางคืน
หากพบอาการเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกนอนกลางวันต่อไป และอาจลองปรับตารางกิจกรรม จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการนอนกลางวัน เพื่อให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน ? แก้ไขได้ด้วย 5 วิธีง่ายๆ
หากลูกน้อยไม่ยอมนอนกลางวัน ปัญหานี้แก้ไขได้ ลองนำ 5 วิธีนี้ไปปรับใช้ รับรองว่าลูกน้อยจะหลับปุ๋ยสบายใจ
-
สร้างบรรยากาศสุดรีแลกซ์
- ห้องนอนต้องเงียบสงบ: ปิดโทรทัศน์ วิทยุ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ส่งเสียงดัง ลดแสงไฟให้สลัวๆ เพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย
- อุณหภูมิต้องพอดี: ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป อาจเปิดพัดลมเบาๆ หรือใช้เครื่องปรับอากาศ
- ที่นอนต้องนุ่มนิ่ม: เลือกที่นอน หมอนเด็ก และผ้าห่มที่นุ่มสบาย และเหมาะสมกับวัยของลูก
-
กำหนดตารางเวลา สร้างกิจวัตร
- เข้านอน ตื่นนอนเป็นเวลา: กำหนดเวลาเข้านอน และตื่นนอนให้เป็นเวลา รวมถึงเวลาสำหรับการนอนกลางวัน เพื่อให้ร่างกายของลูกคุ้นเคยกับตารางเวลา
- กิจวัตรก่อนนอน: สร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ผ่อนคลาย เช่น อาบน้ำอุ่น แปรงฟัน อ่านนิทาน หรือร้องเพลงกล่อม เพื่อให้ลูกรู้สึกง่วงนอน
-
กิจกรรมก่อนนอน ต้องผ่อนคลาย
- งดกิจกรรมที่ตื่นเต้น: ก่อนนอน ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เด็กตื่นตัว เช่น การเล่นเกม การดูโทรทัศน์ หรือการใช้แท็บเล็ต
- ทำกิจกรรมที่สงบ: เลือกกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านนิทาน การฟังเพลงเบาๆ หรือการนวดเบาๆ
-
สังเกตสัญญาณความง่วง
- ลูกง่วง ให้รีบพาเข้านอน: สังเกตสัญญาณความง่วงของลูก เช่น ตาปรือ หาว ขยี้ตา หรือเริ่มงอแง เมื่อเห็นสัญญาณเหล่านี้ ให้รีบพาลูกเข้านอนทันที
-
อดทน และใจเย็น
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต้องใช้เวลา: การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับของลูก ต้องใช้เวลา ความอดทน และความสม่ำเสมอ อย่ายอมแพ้ และพยายามต่อไป
เพียงเท่านี้ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถช่วยให้ลูกน้อยนอนกลางวันได้อย่างสบายใจ และเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัยค่ะ
ที่มา : thestandard , เลี้ยงลูกตามใจหมอ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
6 เรื่องต้องห้าม! หยอกล้อเด็ก กระทบ Self-Esteem แหย่เด็กเล่น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
15 วิธีกระตุ้นสมองทารก ช่วยให้ลูกฉลาด ทำได้ตั้งแต่แรกเกิด
อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก แม่โพสต์เตือน อย่าให้ใครหอมลูก ไม่งั้นจะเป็นเหมือนบ้านนี้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!