อย่ามองข้าม! 8 สัญญาณอันตรายเมื่อ ลูกอาเจียนหลังกินนม

lead image

ลูก "อาเจียน" ต่างจาก "แหวะนม" อย่างไร? เรียนรู้แนวทางการรับมือเมื่อ ลูกอาเจียนหลังกินนม รวมถึงวิธีสังเกตสัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกอาเจียนหลังกินนม มักสร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นสัญญาณของความผิดปกติบางอย่าง ลูก “อาเจียน” ต่างจาก “แหวะนม” อย่างไร บทความนี้มีแนวทางการรับมือเมื่อลูกน้อยอาเจียนหลังกินนม รวมถึงวิธีสังเกตสัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง มาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

 

ลูกอาเจียน vs. ลูกแหวะนม แตกต่างกันอย่างไร? 

การสังเกตลักษณะและปริมาณนมที่ออกมา รวมถึงอาการร่วมอื่นๆ ของลูก จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่แยกแยะอาการเบื้องต้นระหว่าง ลูกอาเจียน และ ลูกแหวะนม ได้ดังนี้

  • ลูกแหวะนม (Regurgitation) จะมีนมไหลย้อนออกมาทางปากเล็กน้อย เหมือนน้ำล้นจากแก้วเบาๆ มักเกิดขึ้นหลังกินนมไม่นาน ลูกแหวะนมจะไม่แสดงอาการเจ็บป่วย ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ปริมาณนมที่ออกมามักไม่มาก อาจเกิดขึ้นได้บ่อยในทารก เนื่องจาก กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างยังทำงานไม่สมบูรณ์
  • ลูกอาเจียน (Vomiting) นมจะพุ่งออกมาอย่างแรง ปริมาณนมที่ออกมาค่อนข้างมาก ลูกอาจมีอาการไม่สบายตัว ร้องกวน หรือแสดงอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย โดยปริมาณนมที่ออกมามากกว่าแหวะนมอย่างเห็นได้ชัด มักเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวขึ้นอยู่กับสาเหตุ 

ลูกอาเจียนหลังกินนม เกิดจากอะไร? 

ลูกอาเจียนหลังกินนม คุณพ่อคุณแม่ย่อมเกิดความสงสัยว่า สาเหตุเกิดจากอะไร? ซึ่งสาเหตุนั้นมีได้หลากหลาย ดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สาเหตุทั่วไปที่ไม่น่ากังวล

  • กินนมมากเกินไป กระเพาะอาหารของทารกยังมีขนาดเล็ก หากได้รับนมในปริมาณที่มากเกินกว่าความจุ อาจทำให้เกิดการสำรอกหรืออาเจียนออกมาเพื่อระบายออก
  • กลืนลมเข้าไปมากขณะดูดนม ในระหว่างที่ลูกดูดนม ไม่ว่าจะเป็นจากเต้านมหรือขวดนม ลูกอาจกลืนลมเข้าไปพร้อมกับน้ำนม หากมีลมในกระเพาะอาหารมากเกินไป ร่างกายก็จะพยายามขับลมออกมา ซึ่งอาจมีนมออกมาด้วย
  • การเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่าทางหลังกินนมทันที การจับลูกเรอ การเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือการเล่นกับลูกทันทีหลังกินนม อาจเพิ่มแรงกดที่กระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการอาเจียนได้

สาเหตุที่ควรสังเกตและอาจต้องปรึกษาแพทย์

  • การแพ้นมวัวหรือส่วนประกอบในนม ระบบภูมิคุ้มกันของทารกบางคนอาจตอบสนองต่อโปรตีนในนมวัวหรือส่วนประกอบอื่นๆ ในนม ทำให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของผื่น อาเจียน ท้องเสีย หรืออาการอื่นๆ
  • การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เช่น ไวรัส แบคทีเรีย การติดเชื้อในกระเพาะอาหารและลำไส้เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการอาเจียนในเด็ก ซึ่งมักมาพร้อมกับอาการอื่น เช่น ท้องเสีย มีไข้ และอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
  • ภาวะกรดไหลย้อนในทารก แม้ว่าการไหลย้อนของกรดในปริมาณเล็กน้อยจะเป็นเรื่องปกติในทารก แต่หากมีอาการอาเจียนบ่อยครั้ง ร่วมกับอาการร้องกวนหลังกินนม แหวะนมปริมาณมาก หรือมีอาการแสดงถึงความไม่สบายตัว อาจเป็นสัญญาณของภาวะกรดไหลย้อนที่ต้องได้รับการดูแล
  • การอุดตันในระบบทางเดินอาหาร (พบได้น้อย) ในบางกรณีที่พบได้น้อยมาก การอาเจียนอย่างรุนแรงและต่อเนื่องอาจเป็นสัญญาณของการอุดตันในส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • โรคทางเมตาบอลิกบางชนิด (พบได้น้อยมาก) โรคทางเมตาบอลิกบางชนิดอาจส่งผลต่อการย่อยอาหารและทำให้เกิดอาการอาเจียนได้ ซึ่งมักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยและต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาเฉพาะทาง
  • ความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินอาหาร (พบได้น้อยมาก) ความผิดปกติในการพัฒนาของระบบทางเดินอาหารตั้งแต่แรกเกิด เช่น ภาวะหลอดอาหารตีบตัน ก็อาจเป็นสาเหตุของการอาเจียนในทารกได้

รับมืออย่างไรเมื่อลูกอาเจียนหลังกินนม? 

เมื่อลูกน้อยอาเจียนหลังมื้อนม คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลเบื้องต้นได้ดังนี้

  • อุ้มลูกพาดบ่าแล้วลูบหรือตบหลังเบา ๆ เพื่อให้ลูกเรอและขับลมที่อาจค้างอยู่ในกระเพาะอาหารออกมา
  • หากลูกอาเจียนซ้ำ ควรจัดท่านอนตะแคง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำนมหรือสิ่งที่อาเจียนออกมาไหลย้อนกลับเข้าไปในทางเดินหายใจ
  • สังเกตลักษณะ สี กลิ่น และปริมาณของสิ่งที่ลูกอาเจียนออกมา รวมถึงบันทึกความถี่ของการอาเจียน
  • คอยสังเกตอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการอาเจียน เช่น มีไข้ ซึมลง ท้องเสีย หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

สิ่งที่ควรและไม่ควรทำ เมื่อลูกอาเจียน

ควรทำ
  • หากลูกมีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะน้อยลง ปากแห้ง หรือร้องไห้ไม่มีน้ำตา ให้ลูกจิบน้ำสะอาดหรือสารละลายเกลือแร่ (ORS) ในปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
  • หากอาการอาเจียนไม่ดีขึ้น อาเจียนบ่อยขึ้น หรือมีอาการอื่น ๆ ที่น่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ไม่ควรทำ
  • ห้ามให้ยาแก้อาเจียนแก่ลูกเองโดยเด็ดขาด หากไม่ได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์
  • หากลูกยังมีอาการอาเจียนอยู่ ไม่ควรบังคับให้ลูกกินนมมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้อาเจียนซ้ำได้ ควรให้ลูกจิบทีละน้อยเมื่ออาการดีขึ้น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกอาเจียนหลังกินนม เมื่อไหร่ที่ต้องกังวลและไปพบแพทย์? 

แม้ว่าการอาเจียนหลังกินนมในทารกส่วนใหญ่อาจไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล แต่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพราะมีบางสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเร่งด่วน มาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่ต้องพาลูกไปพบแพทย์ทันที

8 สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที

  • อาเจียนรุนแรงและต่อเนื่อง หากลูกอาเจียนพุ่งออกมาด้วยแรงและเกิดขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน
  • อาเจียนผิดปกติ สังเกตสีของอาเจียน หากมีสีเขียวปน (ซึ่งอาจหมายถึงมีน้ำดีปนออกมา) หรือมีเลือดปน ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • ดูซึมและไม่ตอบสนอง หากลูกดูอ่อนเพลีย ซึมลง ไม่ค่อยตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง หรือปลุกตื่นยาก
  • มีไข้สูง หากลูกมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติร่วมกับอาการอาเจียน
  • อาการปวดท้องรุนแรงหรือท้องบวม หากลูกแสดงอาการเจ็บปวดที่ท้องอย่างชัดเจน ร้องไห้โยเย หรือมีอาการท้องบวมผิดปกติ
  • สัญญาณของภาวะขาดน้ำ สังเกตอาการ เช่น ปัสสาวะน้อยลงมาก (น้อยกว่า 6 ครั้งใน 24 ชั่วโมง หรือผ้าอ้อมแห้งสนิทเป็นเวลานาน), ปากและลิ้นแห้ง, ร้องไห้ไม่มีน้ำตา, หรือกระหม่อมบุ๋ม
  • น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง หากลูกมีน้ำหนักตัวไม่เป็นไปตามเกณฑ์ หรือมีน้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • หายใจผิดปกติ หากลูกหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือมีเสียงหวีดขณะหายใจ

 

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “อาเจียน” และ “แหวะนม” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูกน้อย รวมถึงการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและการตัดสินใจพาลูกไปพบแพทย์เมื่อมีสัญญาณที่น่าสงสัย จะช่วยให้ลูกน้อยได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงทีค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ที่มา : โรงพยาบาลวิชัยยุทธ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทารกแรกเกิดกินน้อย จะขาดสารอาหารไหม? ลูกควรกินมากเท่าไรถึงพอดี

ทารกง่วงแต่ไม่ยอมนอน ทำไงดี? แนะวิธีแก้ ก่อนกระทบพัฒนาการลูกน้อย!

อันตรายถึงชีวิต!! ถ้าลูกสำลักนมแม่